วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

นิทานพื้นบ้าน ตำนานวัดพนัญเชิง พระเจ้าสายน้ำผึ้งและเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก

ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งหวงยิ่งอด เราไม่หวงเราไม่อด หมดเดี๋ยวก็มา

ตำนานวัดพนัญเชิง พระเจ้าสายน้ำผึ้งและเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก


ตำนานวัดพนัญเชิง
ตำนานวัดพนัญเชิง

ตำนานวัดพนัญเชิง พระเจ้าสายน้ำผึ้งและเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก

กาลครั้งหนึ่ง มีกลุ่มเด็กเลี้ยงวัวกลุ่มหนึ่งเล่นกันด้วยความสนุกสนานอยู่กลางทุ่ง โดยมีเด็กชายผู้หนึ่ง ทำตัวเป็นหัวหน้านั่งวางท่าอยู่บนจอมปลวกใหญ่ พวกเขาเล่นกันโดยสมมุติว่าหัวหน้านั้นเป็นกษัตริย์ กำลังออกว่าราชการในท้องพระโรงใหญ่ ส่วนเด็กอื่น ๆ ก็เล่นเป็นเสนา อำมาตย์ และเหล่าทหารหลวง นั่งเรียงรายหมอบกราบอยู่รอบ ๆ
ครั้นเมื่อเด้กชายหัวหน้าสั่งการใด ๆ เด็กคนอื่น ๆ ก็จะปฏิบัติตาม ราวกับว่าเป็นคำสั่งจากกษัตริย์จริง ๆ วันหนึ่งเด็กชายหัวหน้าใหญ่โกรธเพื่อนคนหนึ่งมาก ได้ออกคำสั่งให้ทหารนำตัวไปประหาร ซึ่งทหารปลอมทั้งหลายก็นำเด็กคนนั้นไปประหารจริง ๆ โดยใช้ไม้ไผ่ฟันเข้าที่คอ ปรากฏว่า…..เมื่อฟันแล้ว คอของเด็กคนนั้นขาดจริง ๆ เป็นที่อัศจรรย์ เด็ก ๆ ทุกคนเลยยิ่งเชื่อกันว่าตัวหัวหน้านั้นมีบุญญาธิการและ บารมีจริง ๆ
ขณะนั้น เสนาอำมาตย์จากกรุงศรีอยุธยาได้นำเรือสุพรรณหงส์ซึ่งบรรทุกเครื่องราชกกุธภัณฑ์ผ่านมาที่แม่น้ำใกล้ ๆ บริเวณนั้น ปรากฏว่าเรือสุพรรณหงส์ได้หยุดนิ่ง ไม่ยอมแล่นต่อ ไม่ว่าจะแก้ไขปรการใด ดังนั้นเหล่าเสนาอำมาตย์จึงได้เชิญ โหรหลวงที่เดินทางมาในเรือด้วย ให้ช่วยทำนายเสี่ยงทายดู ว่าเกิดเหตุอันใดขึ้น
นัยว่าในเวลานั้น กรุงศรีอยุธยา ได้ขาดกษัตริย์ปกครอง เรือที่แล่นมานั้นก็ได้อันเชิญเครื่องราชกกุธภัณฑ์เพื่อมาอัญเชิญผู้มีบุญญาธิการขึ้นเป็นกษัตริย์ โหรหลวงจึงได้ให้ทหารออกเดินดูบริเวณริมท่าน้ำโดยรอบเรือสุพรรณหงส์นั้น
ซึ่งก็ปรากฏแต่เหล่าเด็กเลี้ยงวัว ที่มีหัวหน้าแสดงเป็นกษัตริย์อยู่หมู่เดียวเท่านั้น เสนา อำมาตย์ และโหรหลวงจึงได้อัญเชิญ หัวหน้าเด็กเลี้ยงวัวนั้นขึ้นเป็นกษัตริย์ และเหล่าบรรดาเพื่อนที่เล่นเป็นเสนา อำมาตย์นั้น ให้เป็นเสนา อำมาตย์ ตามตำแหน่งที่เล่นทุกคน บริเวณนั้น จึงได้ชื่อว่า “ บ้านเด็กเล่น ” นับแต่นั้นมา
เวลาล่วงมาอีกหลายปี พระเจ้ากรุงจีน มีธิดาซึ่งมีพระศิริโฉมงดงามมากอยู่องค์หนึ่ง ชื่อ พระนางสร้อยดอกหมาก ครั้นล่วงเข้าสู่วัยที่ควรออกเรือน พระเจ้ากรุงจีนจึงให้โหรหลวงมาตรวจสอบดวงชะตาของพระธิดา ได้ความว่า เนื้อคู่ของพระนางนั้น อยู่ทางทิศตะวันตก คือ ทางกรุงศรีอยุธยา พระเจ้ากรุงจีนจึงได้ส่งราชทูตและเครื่องบรรณาการมายังกรุงศรีอยุธยาเพื่อประสานพระราชไมตรี และมีพระราชสาสน์ยกพระธิดา พระนางสร้อยดอกหมาก ให้เป็นพระชายา
ครั้นพระเจ้ากรุงศรีอยุธยา ทรงทราบความก็ทรงดีพระทัย พร้อมกับได้ส่งสาสน์ตอบรับและส่งเครื่องราชบรรณาการตอบแทนเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งกล่าวว่าจะทรงเสด็จไปรับ พระนางสร้อยดอกหมาก ด้วยพระองค์เอง
เมื่อราชทูตจีนกลับไปแล้ว พระเจ้ากรุงศรีอยุธยา ได้ทรงสั่งให้จัดเตรียมขบวนเสด็จพยุหยาตราทางชลมารค แล้วทรงลงเรือพระที่นั่งเสด็จไปรับ พระนางสร้อยดอกหมาก
ครั้นเรือพระที่นั่งแล่นมาถึงแหลมวัดปากคลอง พระองค์ได้ทรงทอดพระเนตรเห็นรังผึ้ง จับอยู่ที่อกไก่หน้าบันพระอุโบสถ พระองค์จึงทรงตั้งจิตอธิฐานต่อพระประธานในอุโบสถว่า ถ้าหากพระองค์มีบุญญาธิการและพระบารมีที่จะทรงปกครองไพร่ฟ้าประชาชนให้อยู่เย็นเป็นสุ๘ได้ ก็ขอให้น้ำผึ้งนั้นได้ไหลย้อยลงมาสู่เรือพระที่นั่งด้วย ครั้นสิ้นพระสุรเสียงตรัส น้ำผึ้งก็ไหลย้อยลงสู่เรือพระที่นั่งเป็นที่อัศจรรย์แก่เหล่าบรรดาเสนา อำมาตย์ และพระเถราจารย์ทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง จึงพร้อมใจกันสวดพระชัยมงคลคาถา และถวายพระนามว่า ” พระเจ้าสายน้ำผึ้ง
เมื่อพระเจ้าสายน้ำผึ้งทอดพระเนตรเห็นดังนั้น ก็ทรงพระดำริว่าจะเสด็จเมืองจีนด้วยเรือพระที่นั่งเพียงลำเดียว และด้วยเดชะพระบารมีของพระเจ้าสายน้ำผึ้ง พระองค์ก็ทรงเสด็จผ่านทะเลใหญ่ไปจนถึงท่าที่เมืองจีน พวกชาวจีนเห็นเป็นอัศจรรย์จึงรีบนำความไปกราบทูลพระเจ้ากรุงจีน
พระเจ้ากรุงจีนทรงเห็นว่า พระเจ้าสายน้ำผึ้งนั้นช่างมีบุญบารมีมากจริง ๆ จึงทรงจัดขบวนแห่แหน มารับเสด็จ พระเจ้าสายน้ำผึ้ง อย่างยิ่งใหญ่ และทรงจัดงานอภิเษกสมรสให้ พระเจ้าสายน้ำผึ้ง และ พระนางสร้อยดอกหมาก พร้อมทั้งจัดขบวนเรือติดตามและเรือสำเภาใหญ่ บรรทุกเครื่องอุปโภกบริโภคจำนวนมาก เพื่อติดตาม พระเจ้าสายน้ำผึ้ง กลับกรุงศรีอยุธยาด้วย
พระเจ้าสายน้ำผึ้ง นั้นได้เดินทางหลายสิบวันพร้อมด้วย พระนางสร้อยดอกหมาก จนมาถึงกรุงศรีอยุธยา ด้วยพระบารมีจึงทรงเดินทางได้สะดวกเรียบร้อย พระสงฆ์และเหล่าเสนาบดีพร้อมทั้งพสกนิกรต่างพากันยินดี ออกมารับเสด็จจำนาวนมาก ก่อนที่ พระเจ้าสายน้ำผึ้ง จะเสด็จ จากเรือพระที่นั่งเข้าสู่พระราชวังหลวง พระองค์ทรงรับสั่งให้ พระนางสร้อยดอกหมากประทับคอยที่เรือพระที่นั่งกลางน้ำ เพื่อว่าพระองค์จะได้ตกแต่ง จัดเตรียมพระตำหนักให้สวยงามก่อน
เจ้าแม่สร้อยดอกหมาก ตำนานวัดพนัญเชิง
เจ้าแม่สร้อยดอกหมาก ตำนานวัดพนัญเชิง
เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระเจ้าสายน้ำผึ้ง ทรงรับสั่งให้เสนาอำมาตย์ เข้าไปทูลเชิญเสด็จ พระนางสร้อยดอกหมาก เข้าสู่พระราชวัง แต่พระนางสร้อยดอกหมาก นั้นมีความน้อยพระทัย ที่ทรงรอนแรมมาจากเมืองจีนหลายสิบวันด้วยความยากลำบาก และทรงประทับแรม รออยู่ในเรือพระที่นั่งอีกหลายวัน แต่ไฉน พระเจ้าสายน้ำผึ้ง ไม่ทรงเสด็จออกมารับด้วยพระองค์เอง ถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว ถ้าพระองค์ไม่เสด็จออกมารับ ก็จะไม่ไป
เหล่าเสนา อำมาตย์ที่เข้าไปทูลเชิญ ได้นำความมาทูลต่อ พระเจ้าสายน้ำผึ้ง เมื่อพระเจ้าสายน้ำผึ้ง ทรงทราบดังนั้น ก็ทรงเห็นเป็นขบขัน ทรงตรัสหยอกล้อเล่นว่า  ” มาถึงแล้วไม่ขึ้นมา จะอยู่ที่นั่นก็ตามใจเถิด ”  พระนางสร้ยดอกหมาก ได้ทราบความดังนั้น ก็สำคัญว่าจริง จึงทรงเศร้าโศรกพระทัยมาก  วันต่อมา พระเจ้าสายน้ำผึ้ง ก็เสด็จออกไปรับด้วยพระองค์เอง พระนางก็ตัดพ้อว่า ไม่ไป พระเจ้าสายน้ำผึ้งทรงสัพยอกอีกครั้งว่า ำม่ไปก็อยู่นี่เถิด
ศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก
ศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก
พอสิ้นพระสุรเสียงของ พระเจ้าสายน้ำผึ้ง พระนางสร้อยดอกหมาก ก็กลั้นใจตาย สิ้นชีพ ต่อหน้าพระองค์ พระเจ้าสายน้ำผึ้งเศร้าโศรกเสียพระทัยมาก แต่สุดที่จะแก้ไขได้ ทั้งชาวจีนและชาวไทยต่างเศร้าโศรกเสียใจ ร้องให้กันเซ็งแซ่ พระเจ้าสายน้ำผึ้ง ได้ทรงพระราชทานเพลิงศพ ให้แก พระานางสร้อยดอกหมาก ที่บริเวณนั้น และทรงสถาปนาพระอาราม ให้นามว่า ” วัดเจ้าพระนางเชิง ” ต่อมาเพี้ยนเป็น ” วัดพนัญเชิง ” และมีศาล ” เจ้าแม่สร้อยดอกหมาก ” ซึ่งเป็นที่เคารพบูชา ของทั้งชาวไทยและชาวจีนจำนวนมากตังอยู่ด้วย ซึ่งปัจจุบันนี้ วัดพนัญเชิง  เป็นพระอารามหลวง ตั้งอยู่ที่หมู่ 2 ตำบลคลองสวนพลู อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
จบ ตำนานวัดพนัญเชิง พระเจ้าสายน้ำผึ้งและเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก
จาก นิทานพื้นบ้าน หมวด นิทานพื้นบ้านภาคกลาง หมวด ตำนานสิ่งศักสิทธิ์
Tags: , ,


เรื่องนางพิกุลทองนี้ เป็นละครนอกหนึ่งใน ๑๔ เรื่อง ที่นิยมนำมาเล่นกันมากเรื่องหนึ่งตั้งแต่ครั้ง สมัยอยุธยาปัจจุบันยังพบว่ามีต้นฉบับหนังสือตัวเขียนที่เหลือรอดจากการถูกพม่าทำลายคราวเสียกรุง เก็บรักษาไว้อยู่ที่หอสมุดแห่งชาติ เป็นสมุดข่อยสีขาว ตัวหมึกดำ ลายมือกึ่งบรรจงแกมหวัด ตัวอักษรไม่สม่ำเสมอ และมีบันทึกว่า " หมู่ กลอนบทละคร ชื่อ พิกุลทอง เล่ม 1 (สำนวนเก่า) เลขที่ ๒๐ ตู้ที่ ๑๑๔ ชั้น ๒/๑ มัด ๓๙ ประวัติ สมบัติเดิมของหอพระสมุดวชิรญาณ" ซึ่งมีเนื้อความเริ่มตั้งแต่นางพิกุลทองสรงน้ำ จนจบตอนท้ายคือปราบนางยักษ์กาขาว และยังไม่ได้รับตรวจสอบชำระฉบับที่เหลืออื่น ๆ หรือตีพิมพ์จากกรมศิลปากร ส่วนเรื่องนางพิกุลทองต่อจากสำนวนเดิมที่เป็นการผจญภัยยืดยาวถึงรุ่นลูกนั้น มาจากกลอนอ่านสำนวนของนายบุศย์ รจนา จัดพิมพ์โดยโรงพิมพ์วัดเกาะราวปีพ.ศ. ๒๔๓๓ ตรงกับสมัยรัชกาลที่ ๕ ซึ่งนายบุศย์ผู้นี้ได้นำนิทานไทยครั้งกรุงเก่ามาแต่งสำนวนใหม่เป็น "กลอนอ่าน" หรือกลอนสวดอยู่หลายเรื่อง เช่น แก้วหน้าม้า,จันทโครพ,สุวรรณหงส์เป็นต้น
อย่างไรก็ตามเมื่อสังเกตตามเนื้อเรื่อง สำนวนกลอนค่อนข้างจะรวบรัด และไม่สละสลวยเท่าใดนัก เพราะผู้แต่งคงมีจุดประสงค์เพียงไว้สำหรับเล่นละครเท่านั้น แม้การบอกเพลงหน้าพาทย์ก็ไม่ชัดเจนแน่นอน มีตอนที่กล่าวถึงพระสังข์ศิลป์ชัย และนางศรีสุพรรณซึ่งเป็นตัวละครจากบทละครนอกเรื่องสังข์ศิลป์ชัย พร้อมทั้งมีของวิเศษที่เหมือนกันทุกประการ อันได้แก่"สังข์ ศร และพระขรรค์" จึงสัณนิษฐานว่า ผู้แต่งคงมีจุดประสงค์ดำเนินเรื่องให้เป็นภาคต่อจากเรื่องสังข์ศิลป์ชัยเพราะเรื่องสังข์ศิลป์ชัยก็ไม่ได้กล่าวถึงการผจญภัยในรุ่นลูกไว้เลย

[แก้]สาระสำคัญในเรื่อง

ในเรื่องนางพิกุลทอง ได้แสดงให้เห็นเกี่ยวกับประเพณีความเชื่อหลายประการเช่น ที่มาของเรื่องรัก-ยมอันมาจากชื่อของโอรสนางพิกุลทอง ซึ่งในปัจจุบันเราจะรู้จักว่าเป็นเครื่องรางของขลังชนิดหนึ่ง,ที่มาของสุภาษิตคำพังเพย คือกลัวดอกพิกุลจะร่วงจากปาก หมายถึงคนที่ไม่ค่อยพูด หรือใครถามอะไรหรือสนทนาด้วยแล้วไม่อยากจะตอบหรือพุดคุย , เรื่องความเชื่อเกี่ยวกับลูกกรอกและ เหตุที่ชะนีร้องเรียกว่า "ผัว ๆ" ในส่วนอื่นก็สอนให้เห็นผลของการกล่าววาจาที่ไพเราะและความซื่อสัตย์ จะทำให้เป็นที่รักใคร่ของบุคคลทั้งหลาย และนำพาไปสู่ความเจริญ และเรื่องเกี่ยวกับความเชื่ออื่น ๆ เช่นแม่ย่านางเป็นต้น

[แก้]บทละครตอนต้นตามเนื้อความในสมุดไทย

นิทานเรื่องนางพิกุลทอง บทละครนอกที่ปรากฏในสมุดไทยแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยานั้นจับเรื่องตั้งแต่นางพิกุลทองสรงน้ำ จนถึงตอนนางพิกุลทองลุยไฟ ส่วนนิทานกลอนของนายบุศย์ โรงพิมพ์วัดเกาะจะแต่งเพิ่มต่อจนจบเรื่อง
นางพิกุลทองเป็นธิดาของท้าวสัณนุราชกับพระมเหสี คือ นางพิกุลจันทราผู้ครองเมืองสรรพบุรี (ในสมุดไทยเขียนว่าเมือง สันทบุรี)เมื่อย่างเข้าวัยรุ่นสาว ความงามของนางเป็นที่เลื่องลือว่ายากจะหาหญิงใดเสมอเหมือนได้ ซึ่งนอกจากเวลาพูดกับใครจะมีดอกพิกุลทองร่วงจากปากแล้วยังมีเส้นผมที่หอมอีกด้วย วันหนึ่งนางพิกุลทองเกิดร้อนรุ่มกลุ้มอุรา จึงได้ลาท้าวสัณนุราชไปเล่นน้ำกับพระพี่เลี้ยงในลำธาร ท้าวสัณนุราชจึงให้วางตาข่ายและทุ่นไว้รอบท่าน้ำ เพราะโหรทำนายว่านางจะต้องพลัดพรากจากเมือง
จะกล่าวถึงพญาแร้งชื่อว่า ท้าวสุบรรณปักษาบินมาเห็นซากสุนัขเน่าจึงโฉบนำกลับไปจิกกินลอยมาใกล้บริเวณที่นางพิกุลทองกับพี่เลี้ยงเล่นน้ำอยู่ นางพิกุลทองได้กลิ่นเหม็นเน่าจึงใช้ให้พี่เลี้ยงไปดูก็พบพญาแร้งกำลังกินซากนั้นอยู่จึงได้พากันด่าว่าแล้วขับไล่ด้วยคำหยาบช้าต่าง ๆ นา ๆ ฝ่ายท้าวปักษาก็โกรธจัดกล่าวว่า สุขัขเน่านี้คืออาหารของตนอยู่แล้ว นางพิกุลทองเป็นลูกเจ้าท้าวพระยาไม่น่ามากล่าวเจรจาด่าว่าขับไล่ตนเช่นนี้ว่าแล้วก็บินหนีไป แต่ท้าวปักษีก็ยังคิดจะแก้แค้นนางพิกุลทองให้ได้จึงออกอุบายแปลงกายเปนหนุ่มรูปงามไปขออาศัยอยู่ที่กระท่อมท้ายสวนขวัญของเมืองสรรพบุรี แล้วคอยเนรมิตทองคำให้ตายายใช้จนร่ำรวย โดยบอกว่าตนไปพบตอนขุดเผือกมัน อยู่มาวันหนึ่งจึงรบเร้าขอให้ตายายเข้าไปสู่ขอนางพิกุลทองมาเป็นภรรยา สองตายายฟังแล้วหัวใจแทบวายกล่าวว่าคิดเกินตัวอย่างนี้จะถูกประหารเจ็ดชั่วโคตร ท้าวปักษาแปลงจึงแสร้งทำเป็นตรอมใจใกล้ตาย สองตายายจึงจำใจเข้าไปทูลสู่ขอนางพิกุลทองจากท้าวสัณนุราช ๆ ได้ทราบความดังกล่าวก็กริ้วจัด กล่าวว่าถ้าคิดว่าหลานชายมีบุญวาสนาจะได้คู่กับนางจริงใกล้สร้างสะพานเงินสะพานทองจากท้ายสวนมาถึงพระราชวังภายใน ๓ วันมิเช่นนั้นจะประหารทั้งโคตร ตายายหลังจากลับมาถึงบ้านแล้วก็นั่งซึม เอาแต่ร้องไห้แล้วต่อว่าท้าวปักษาที่หาเรื่องเดือดร้อนมาให้ตน ครั้นท้าวปักษาได้ทราบเรื่องต้องสร้างสะพานทองแล้วจึงกล่าวปลอบใจว่าถ้าตนทำไม่เสร็จจะยอมตายแทน สองตายายจึงค่อยโล่งใจบ้าง พอตกค่ำท้าวปักษาก็บอกว่าจะขอออกไปทำธุระข้างนอกจากนั้นก็แปลงเป็นพญาแร้งขนาดมหึมาบินกลับไปยังเขานินทะกาลา แล้วเกณฑ์ไพร่พลทั้งหลายให้มาช่วยสร้างสะพานจนแล้วเสร็จ
ครั้นรุ่งเช้า ท้าวสัณนุราชกับพระมเหสีมองออกไปเห็นสะพานเงินสะพานทองเป็นอัศจรรย์ เสร็จตามข้อตกลงดังกล่าวจึงคิดว่ามาณพผู้นี้คงจะมีบุญ แล้วจัดอภิเษกสมรสนางพิกุลทองให้กับท้าวปักษาและนางพิกุลทอง ซึ่งตลอดเวลาเมื่ออยู่ใกล้กันนางพิกุลทองก็ได้ได้กลิ่นสาบแร้งจนเวียนหัวบ่นว่าต่าง ๆ นานา ส่วนท้าวปักษาก็มิอาจจะเข้าใกล้สมัครสังวาสได้เพราะไม่ได้นึกรัก ประกอบกับเทวดาดลใจ คงมีแต่ความแค้นที่นางเคยด่าว่า
ครั้นอยู่มาได้ ๓ วัน ท้าวปักษาจึงออกอุบายว่าจะชวนนางกลับไปกราบบิดามารดาของตน จากนั้นก็พากันลงเรือสำเภา ๕๐๐ ลำล่องไปได้ ๓ เดือน ก็มาถึงหาดแก้วพยัคฆีหน้าเมือง ท้าวปักษาจึงให้นางรออยู่ในเรือเพื่อจะขึ้นไปแจ้งให้บิดามารดาตนทราบก่อน แท้ที่จริงท้าวปักษากลับไปเกณฑ์บริเวณนกแร้งทั้งหลายให้มากินคนบนเรือเสียให้หายแค้น ส่วนนางพิกุลทองนั้นตนจะจัดการกินเองห้ามนกตัวไหนแตะต้องต้องมีโทษถึงตาย ฝูงนกก็ดีใจพากันบินมาจับไพร่พลบนเรือกินเสียหมดทั้ง ๕๐๐ ลำ ส่วนนางพิกุลทองนั้นได้รับความช่วยเหลือจากแม่ย่านางวิญญาณประจำเรือ รู้ว่าพญาแร้งคิดไม่ซื่อ จึงเนรมิตรห้องคูหาแล้วนำนางพิกุลทองไปซ่อนไว้ในปลายเสากระโดงเรือ พญาแร้งโกรธมากด่าว่าลูกน้องไม่เชื่อฟังหาว่ากินไม่ดูตามาตาเรือดันไปกินเอานางพิกุลทองไปด้วยแล้วก็พากันบินกลับไป แต่กระนั้นก็ยังไม่แน่ใจว่านางตายจริง ก็จึงให้บริวารบางส่วนคอยเฝ้าดูเรือไว้
ฝ่ายแม่ย่านางครั้นเห็นพญาแร้งกับบริวารบินกลับไปหมดแล้ว จึงได้พานางพิกุลทองออกมาจากที่ซ่อนเพื่อสรงน้ำ เส้นผมของนางที่ไม่เคยหลุดร่วงเลย ก็ร่วงลงมา นางสงสัยว่าจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้น นางจึงเสี่ยงทายเสยเอาเส้นผม และดอกพิกุลทองใส่ผอบพร้อมจารึกชื่อและเรื่องราวลงไปด้วยเพื่อหาผู้มีบุญมาช่วยเหลือ ผอบทองลอยไปจนถึงเมืองพรหมกุฏปัญจาละซึ่งมีพระสังข์ศิลป์ชัยและนางสุพรรณปกครอง มีโอรสเก่งกล้าองค์หนึ่งชื่อพระพิชัยมงกุฏ(ในฉบับตัวเขียนว่าชื่อ "พระพิไชยวงศ์กุฏ") ขณะนั้นทั้งสามกษัตริย์ได้มาสรงน้ำที่ท่าน้ำนอกเมือง เห็นผอบทองลอยทวนน้ำมา พระพิชัยมงกุฏจึงเสี่ยงพระสังข์วิเศษไปกล่าวว่าถ้ามาดีให้ช้อนขึ้นมา ถ้ามาร้ายให้สังข์วิเศษทำลายเสีย ปรากฏว่าสังข์ก็ไปช้อนผอบขึ้นมา เมื่อเปิดข้อความดูเห็นเส้นผม,ดอกพิกุล และจารึกเรื่องราวก็ถึงกับหลงใหลกินไม่ได้นอนไม่หลับ พระสังข์ศิลป์ชัยได้ทราบอาการก็ตกพระทัย พระพิชัยมงกุฏจึงขอลาไปตามนางพิกุลทอง จึงโปรดให้สังข์ ศร และพระขรรค์วิเศษไปป้องกันตัว และให้จัดแต่งเรือสำเภาพร้อมไพร่พลไปตามประสงค์ กองเรือแล่นมาหลายวันจนกระทั่งถึงเกาะใหญ่กลางทะเลซึ่งเป็นเขตของ นางยักษ์กาขาว ซึ่งลอบเข้ามาในเรือด้วยความสงสัย ครั้นเห็นพระพิชัยมงกุฏรูปร่างสง่างามก็หลงรักจึงแอบอุ้มพาไปขณะหลับ แล้วเนรมิตเมืองขึ้นบนเกาะแล้วแปลงเป็นหญิงสาวอยู่ในเมืองนั้น ครั้นพระพิชัยมงกุฏตื่นมาเห็นบ้านเมืองกับหญิงงามก็เข้าใจว่าเป็นนางพิกุลทอง จึงเกี้ยวนางจนได้เป็นภรรยา แต่ยังสงสัยว่าได้กลิ่นสาบสางยักษ์และนางผมไม่หอม ตกดึกเทพารักษ์จึงได้มาบอกให้รีบหนีไปเพราะนางเป็นยักษ์แปลงมาแล้วบอกทางให้แล่นเรือไปทางตะวันออก ๗ วันก็จะถึงหาดแก้วพยัคฆี
ครั้นพระพิชัยมงกุฏเดินทางมาถึงเห็นกองเรือร้างจอดอยู่จึงให้ไปค้นเรือทุกลำก็พบแต่กระดูก ฝ่ายนางพิกุลทองได้ยินเสียงจึงลาแม่ยานางออกมาจากเสากระโดงเรือและเข้าพบกับพระพิชัยมงกุฏด้วยความยินดี
(โอด) เมื่อนั้นพระไชยวงศ์กุฏเห็นนางเร่งหรรษา
เห็นนางทรงโศกโศกาหอมเส้นเกศาตระลบไป
พิกุลทองตกลงจากโอษฐ์ให้ทรงโปรดพิศวงหลงใหล
ยอกรฟักฟูมเข้าอุ้มไว้ฟังพี่อย่าได้โศกา
พี่ได้ผอบมาติดตามประสบสมดังความปรารถนา
ขอเชิญนงเยาเล่ากิจจาแรกเริ่มเดิมมาประการใด
ขณะนั้นบริวารของพญาแร้งเห็นผู้คนมาเอะอะวุ่นวายจึงรีบบินไปบอกแก่ท้าวปักษา กล่าวว่าชะรอยนางพิกุลทองจะยังไม่ตาย ท้าวปักษาจึงรีบพาบริวารมาทันที ครั้นเห็นนางพิกุลทองหลบอยู่กับพระพิชัยมงกุฏก็เจรจาตอบโต้อยู่พักหนึ่งแล้วทำการรบกัน พระพิชัยมงกุฏจึงแผลงศรวิเศษไปถูกอกท้าวปักษาตายกลางอากาศพร้อมกับบริวารทั้งหลาย ครั้นเสร็จศึกแล้ว จึงพานางพิกุลทองกลับไปยังบ้านเมืองของตนต่อไป ฝ่ายนางยักษิณีกาขาวครั้นตื่นมาไม่เห็นพระพิชัยมงกุฏ จึงคว้ากระบองออกไล่ติดตามไปถึงเมืองพรหมกุฏปัญจา แต่เกรงอำนาจพระเสื้อเมืองจึงเข้าเมืองไม่ได้ ก็ซ่อนตัวอยู่ที่ต้นไทรในสวน
หลังจากพิธีอภิเษกสมรสแล้ว ต่อมานางพิกุลทองก็ประสูติพระโอรส ๒ พระองค์ คนพี่มีนามว่า พระรัก ส่วนโอรสองค์รองนามว่า พระยม อยู่มาวันหนึ่งทั้งสี่กษัตริย์ก็เสด็จประพาสที่บึงบัวเพื่อเก็บบัวมาบูชาพระปฏิมา ฝ่ายนางยักษ์กาขาวครั้นรู้ว่าพระพิชัยมงกุฏได้อภิเษกกับนางพิกุลทองแล้ว ก็ให้เคียดแค้นเป็นยิ่งนักหมายจะทำร้ายนางพิกุลทองเสียให้หายแค้น จึงแปลงร่างเป็นดอกบัวทองอยู่ใต้น้ำ ครั้นเรือผ่านมานางพิกุลทองเห็นเข้าก็ประหลาดใจในความงามจึงเอื้อมมือลงไปเด็ด นางยักษ์ได้ทีจึงฉุดนางลงไปใต้น้ำแล้วสาปให้กลายร่างเป็นนางชะนี จะพ้นสาปได้ก็ต่อเมื่อนำเลือดยักษืมาชโลมตัวส่วนนางยักษ์ก็จดจำและแปลงร่างเป็นนางพิกุลทองแทน ครั้นพระพิชัยมงกุฏช่วยฉุดขึ้นมาครั้งแรกเป็นนางยักษ์แปลงนางยักษ์ก็รีบเป่ามนต์ให้หลงใหล พระรักและพระยมก็ร้องไห้บอกว่าไม่ใช่แม่ของตน แต่เมื่อเห็นนางชะนีผุดขึ้นมาจากน้ำกลับร้องว่าเป็นแม่ และไม่ยอมกลับวัง พระพิชัยมงกุฏจึงกริ้วขับไล่ให้ไปอยู่กับนางชะนีในป่า แล้วพระองค์ก็พานางยักษ์กลับเข้าวัง สองพี่น้องร้องไห้หาแม่จนหิวแต่นางชะนีก็กำลังคลุ้มคลั่งด้วยมนต์ของนางยักษ์คอยแต่จะหนีเข้าป่าท่าเดียว
(เพลง) เมื่อนั้นพระกุมารอุ้มน้องแล้วร้องไห้
ค่อยลอดลัดตัดเดินดำเนินไปถึงที่ต้นไทรพระมารดา
จึงร้องเรียกอยู่แจ้วแจ้วลูกมาถึงแล้วพระแม่ขา
ลงมาส่งนมพระลูกยาน้องข้าอยากนมเป็นเหลือใจ
แม่เจ้าประคุณของลูกเอ๋ยกรรมสิ่งใดเลยมาซัดให้
ทูลหัวนั่งนิ่งบนกิ่งไม้ไขหูเสียใยไม่นำพา
ร้องเรียกมารดาขึ้นไปเล่าแม่เจ้าประคุณลูกมาหา
น้องยมอยากนมพ้นปัญญาส่งนมลูกเถิดราแม่ดวงใจ
พอมีสติขึ้นบ้างก็เล่าเรื่องให้ลูกฟังแล้วให้เก็บดอกพิกุลทองที่หล่นออกมาเอาไปขายเพื่อซื้อข้าวกิน ครั้นนางวิเสทชาววังออกมาเห็นก็พาสองพระโอรสเข้าไปในเมืองแล้วกราบทูลให้พระสังข์ศิลป์ชัยทราบ สองพี่น้องจึงเล่าเหตุการณ์นางยักษ์แปลงให้พระอัยกาฟัง พระสังข์ศิลป์ชัยและพระมเหสีถึงกับกริ้วจัด ตรัสให้เรียกพระพิชัยมงกุฏเข้าเฝ้าแล้วสอบสวนเรื่องนางพิกุลทอง นางยักษ์แปลงก็พูดตลบแตลงวกวนไปมา พระนางสุพรรณจึงกระซิบให้พระพิชัยมงกุฏดูอาการของนางยักษ์ที่ไม่มีแววตา และไม่มีดอกพิกุลทองร่วงจากปาก แล้วออกอุบายให้โอรสบอกกับนางยักษ์แปลงว่าจะออกไปคล้องช้างเผือก ครั้นพระพิชัยมงกุฏ พระลักษณา และพระยมยศเข้าไปทำจั่นจนดักได้ตัวนางชะนีพิกุลทอง เมื่อเห็นพระพิชัยมงกุฏก็ร้องเรียก "ผัว ๆ" จนถามนางชะนีได้ความว่าต้องฆ่านางยักษ์แล้วเอาเลือดมารดก็จะหายเป็นปกติ ฝ่ายนางยักษ์ซึ่งลอบเห็นเหตุการณ์รู้ว่าความแตกจึงกลับคืนร่างเดิมออกอาละวาด แต่ถูกพระพิชัยมงกุฏสังหารนางยักษ์ แล้วรองเอาเลือดมารดนางพิกุลทองจนกลับร่างเป็นมนุษย์ตามเดิม
ต่อมานางพิกุลทองก็จะกลับไปเยี่ยมท้าวสัณนุราชที่เมืองสรรพบุรี จึงล่องเรือสำเภาไปในทะเลได้ ๗ ราตรี นางยักษ์กาสุวรรณ ซึ่งเป็นน้องของนางยักษ์กาขาว ทราบข่าวว่า พี่สาวตนถูกพระพิชัยมงกุฏฆ่าตายก็ให้แค้นใจตามมาอาละวาดจนเรือแตกผู้คนตายหมด จนสี่กษัตริย์พลัดพรากจากกัน โดยที่เทวดาบังตาไว้ไม่ให้นางยักษ์เห็นกษัตริย์ทั้ง ถ องค์นางพิกุลทองถูกน้ำซัดไปอีกทางหนึ่ง พระสมุทรเทวา เกิดความสงสารจึงเนรมิตขอนไม้ใหญ่ให้นางเกาะมาจนกระทั่งชายหาดเมืองเวรุจักร นางจึงถอดแหวนเสี่ยงทายว่าหากโอรสและภัสดาตายแล้วก็ให้แหวนจม ปรากฏว่าแหวนลอยขึ้นนางจึงค่อยโล่งใจขึ้นบ้าง จึงฉีกชายผ้าสไบเขียนบอกเรื่องราวผูกไว้ที่พระไทรแล้วฝากกราบพระไทรให้ช่วยบอกทางหากสามีมาพบ นางพิกุลทองเดินซัดเซพเนจรไปในป่าจนเข้ามาในเขตเมืองเวรุจักร ซึ่งมี พญายักษ์วิรุณจักรปกครองอยู่นางก็หลับอยู่ในศาลาหน้าเมือง ท้าววิรุณจักรมาพบเข้าก็เกี้ยวพาราสี นางพิกุลทองก็ว่าตนมีสามีและลูกแล้ว แต่พญายักษ์กลับไม่ฟังเสียงบังคับนางขึ้นรถพาเข้าไปในวัง ท้าววิรุณจักรก็เพียรพยายามเกี้ยวพาราสีนางพิกุลทอง แต่นางไม่ยอมซ้ำกลับต่อว่าเปรียบเปรยต่าง ๆ นานา ท้าววิรุณจักรโกรธมากจึงใช้พระขรรค์ฟันนาง แต่ด้วยสัจจบารมีที่นางซื่อสัตย์ต่อสามีทำให้พระขรรค์หักเป็นสองเสี่ยง เมื่อท้าววิรุณจักรไม่สามารถทำอันตรายแก่นางได้จึงขับไล่ให้เป็นทาสรับใช้อยู่ในครัว
ฝ่ายสามพ่อลูกครั้นเรือแตกแล้ว พระพิชัยมงกุฏจึงขว้างสังข์วิเศษไปสังหารนางยักษ์กานิลจนสิ้นชีพ แล้วเนรมิตขึ้นขี่สังข์ออกตามหานางพิกุลทอง จนพบชายผ้าสไบที่นางผูกไว้ พระไทรจึงปรากฏกายแล้วชี้ทางให้ไปทางทิศตะวันออก จึงพากันเดินไปตามทางพบอาศรมพระฤๅษี ๆ ก็ตรวจดวงชะตาว่าพระพิชัยมงกุฏนั้นจะได้ชายาอีก ๑ คน ส่วนนางพิกุลทองนั้นพอครบ ๑ เดือนจึงพ้นเคราะห์กรรม แล้วพระดาบสจึงสั่งสอนวิชาเหาะเหินเดินอากาศให้ พร้อมทั้งมอบแหวนเนาวรัตน์กายสิทธิ์ และพระขรรค์แก้ว ให้กับพระพิชัยมงกุฏเพื่อนำไปต่อสู้กับยักษ์ ทั้งสามก็กราบลาพระอาจารย์แล้วเดินทางต่อไปจนถึงเมืองวิรุณจักร จึงพากันแปลงกายเป็นนกขุนทองบินเข้าไปในสวนขวัญเพื่อสืบเรื่องราว
จะกล่าวถึงท้าววิรุณจักรมีธิดาโสภาอันเกิดแต่นางมนุษย์อยู่องค์หนึ่งชื่อว่า นางอรุณวดี อยู่มาคืนหนึ่งกลับฝันเห็นพญานาค ๗ เศียรเลื้อยเวียนรอบปราสาทแล้วเข้ารัดนาง ครั้นตื่นขึ้นจึงปรึกษานางยักษ์พี่เลี้ยง ก็ทำนายว่าสงสัยจะได้คู่ ทำเอานางร้อนรุ่มกล้มอุราจึงพากันไปลงเที่ยวชมสวนพบกับนกสาริกาสามพ่อลูกคุยกันอยู่ จึงใช้ให้พวกยักษ์จับเข้าไปเลี้ยงในวัง ครั้นตกดึก พระพิชัยมงกุฏจึงแปลงกลับเป็นคนดังเดิมแล้วลอบเข้าหานางอรุณวดีจนได้นางเป็นชายา
ความแตกเมื่อนางกำนัลมาพบเข้าในตอนรุ่งเช้า จึงรีบไปทูลบอกแก่ท้าววิรุณจักร ๆ กริ้วโกรธดั่งไฟบรรลัยกัลป์ ตรัสสั่งให้โอรสองค์รองชื่อกุมภัณฑสูร ไปจับแต่ก็ถูกสองกุมารฆ่าตาย ท้าววิรุณจักรก็ยิ่งแค้นว่าต้องมาแพ้เด็กเมื่อวานซืน ครั้นจะสู้เองพระมเหสีก็ห้ามว่าท่าทางศัตรูจะมีฤทธิ์มากควรมีหนังสือไปบอกให้สหายคือ ท้าวกัมพลนาคที่เมืองบาดาล กับท้าวหัศจักรมาช่วยรบดีกว่า ครั้นทั้งสองมาถึง ท้าววิรุณจักรก็ให้แต่งทัพออกสู้รบกับพระพิชัยมงกุฏ แต่ก็ถูกพระขรรค์ฟันเสียเป็นแผลหลายแห่งก็แค้นใจจึงกลับร่างพญานาคเจ็ดเศียรใหญ่พ่นพิษหมายจะให้ตาย พระพิชัยมงกุฏจึงถอดแหวนเนาวรัตน์ที่พระดาบสให้มาขว้างออกไปเป็นพญาครุฑไล่จิกตีท้าวกัมพลนาคจนต้องซมซานหนีลงไปบาดาล ต่อมาท้าวหัสจักรออกรบก็ถูกสองกุมารฆ่าตายด้วยพระขรรค์แก้ว ฝ่ายท้าววิรุณจักรก็ถูกพระพิชัยมงกุฏยิงด้วยศรวิเศษเสียบอกตายกลางสนามรบ พวกยักษ์ที่เหลือก็พากันครั่นคร้ามไม่กล้าต่อกรด้วย แล้วทูลเชิญให้ขึ้นครองเมือง พระพิชัยมงกุฏจึงให้จัดการถวายพระเพลิงท้าววิรุณจักรตามราชประเพณี
ฝ่ายนางพิกุลทองครั้นทราบว่าผู้ปราบท้าววิรุณจักรได้คือสวามีและพระโอรสก็ยินดี ครั้นเวลานำอาหารถวายนางก็รับอาสาเพราะยักษ์ทำอาหารมนุษย์ไม่เป็น แล้วใส่พิกุลทองลงไปในเครื่องเสวยด้วย สามพ่อลูกเห็นดอกพิกุลทองก็จำได้จึงให้ไปเรียกคนครัวขึ้นมา เมื่อพบหน้ากันแล้วทั้งสี่ก็ร้องไห้กันจนสลบ ครั้นฟื้นขึ้นแล้วจึงให้นางพิกุลทองไปทรงเครื่องอย่างนางกษัตริย์ แล้วเรียกนางอรุณวดีมาทำความรู้จัก ฝ่ายนางอรุณวดีนั้นถือตนว่าเป็นลูกเจ้าท้าวกษัตริย์บวกกับความหึงหวงจึงค่อนแคะนางพิกุลทองในทำนองว่า เป็นเมียน้อยบิดาตนมาแล้วกลายเป็นคนครัว คิดจะเป็นนางกษัตริย์เสมอตนมิรู้จักเจียมตัวบ้าง
ฝ่ายนางพิกุลทองครั้นได้ยินดังนี้ก็ให้เจ็บใจ จึงเล่าเรื่องราวให้ฟังแล้วขอพิสูจน์ด้วยการลุยไฟแสดงความบริสุทธิ์ พระอินทร์จึงเอาน้ำอมฤตมาพรมดับไฟ ส่วนนางอรุณวดีลุยไฟแล้วทนร้อนไม่ได้ จึงถูกพระพิชัยมงกุฏลงโทษ และให้ขอโทษนางพิกุลทอง
จบเนื้อเรื่องตามสมุดไทยเพียงเท่านี้

[แก้]อ้างอิง

  • ตรีศิลป์ บุญขจร : กลอนสวดภาคกลาง ๒๕๔๗
  • สมบัติ พลายน้อย : นิทานไทย ๒๕๔๔
  • บทละครนอกที่นิยมเล่นในสมัยกรุงศรีอยุธยา : เสาวลักษณ์ อนันตศาสน์
  • ธวัช ปุณโณทก, ศาสตราจารย์ : วิเคราะห์วรรณกรรมท้องถิ่นเชิงเปรียบเทียบ

ปลาบู่ทอง เป็นนิทานพื้นบ้านของไทย เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กสาวชาวบ้านผู้มีใจเมตตาที่ในตอนท้ายได้แต่งงานกับกษัตริย์

[แก้]เนื้อเรื่อง

เรื่องปลาบู่ทองเริ่มขึ้นโดยเศรษฐีทารก (อ่านว่า ทา-ระ-กะ) ผู้มีอาชีพจับปลามีภรรยา 2 คน คนแรกชื่อขนิษฐา มีลูกสาวชื่อ เอื้อย ส่วนคนที่สองชื่อ ขนิษฐี มีลูกสาวชื่อ อ้าย และ อี่
วันหนึ่งเศรษฐีทารกพาขนิษฐาไปจับปลาในคลอง ไม่ว่าจะเหวี่ยงแหไปกี่ครั้งก็ได้มาเพียงปลาบู่ทองที่ตั้งท้องตัวเดียวเท่านั้น จนกระทั่งพลบค่ำเศรษฐีก็ตัดสินใจที่จะเอาปลาบู่ทองที่จับได้เพียงตัวเดียวกลับบ้าน ทว่าขนิษฐาผู้เป็นภรรยาเกิดความสงสารปลาบู่ ขอให้เศรษฐีปล่อยปลาไป เศรษฐีทารกเกิดบันดาลโทสะจึงฟาดนางขนิษฐาจนตายและทิ้งศพลงคลอง
เมื่อกลับถึงบ้านเอื้อยก็ถามหาแม่ เศรษฐีจึงตอบไปว่าแม่ของเอื้อยได้หนีตามผู้ชายไป และจะไม่กลับมาบ้านอีกแล้ว นับตั้งแต่วันนั้นขนิษฐีผู้เป็นแม่เลี้ยงของเอื้อย และอี่กับอ้ายน้องสาวทั้งสองก็กลั่นแกล้งใช้งานเอื้อยเป็นประจำโดยที่เศรษฐีทารกไม่รับรู้และไม่สนใจ
เอื้อยคิดถึงแม่มากจึงมักไปนั่งร้องไห้อยู่ริมท่าน้ำ และได้พบกับปลาบู่ทองซึ่งเป็นนางขนิษฐากลับชาติมาเกิด เมื่อเอื้อยรู้ว่าปลาบู่ทองเป็นแม่ก็ได้นำข้าวสวยมาโปรยให้ปลาบู่ทองกิน และมาปรับทุกข์ให้ปลาบู่ทองฟังทุกวัน
นางขนิษฐีและลูกสาวเห็นเอื้อยมีความสุขขึ้น เมื่อถูกกลั่นแกล้งก็อดทนไม่ปริปากบ่นจึงสืบจนพบว่านางขนิษฐาได้มาเกิดเป็นปลาบู่ทอง และได้พบกับเอื้อยทุกวัน ดังนั้นเมื่อเอื้อยกำลังทำงานนางขนิษฐีก็จับปลาบู่ทองมาทำอาหารและขอดเกล็ดทิ้งไว้ในครัว
เอื้อยได้พบเกล็ดปลาบู่ทองก็เศร้าใจเป็นอย่างมาก นำเกล็ดไปฝังดินและอธิษฐานขอให้แม่มาเกิดเป็นต้นมะเขือ เอื้อยมารดน้ำให้ต้นมะเขือทุกวันจนงอกงาม เมื่อขนิษฐีทราบเรื่องเข้าก็โค่นต้นมะเขือ และนำลูกมะเขือไปจิ้มน้ำพริกกิน
เอื้อยเก็บเมล็ดมะเขือที่เหลือไปฝังดินและอธิษฐานให้แม่ไปเกิดเป็นต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองในป่า และไม่ให้ผู้ใดสามารถโค่น ทำลาย หรือเคลื่อนย้ายต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองได้
วันหนึ่งพระเจ้าพรหมทัตเสด็จประพาสป่าได้พบกับต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทอง โปรดให้นำเข้าไปปลูกในวัง แต่ไม่มีผู้ใดสามารถเคลื่อนย้ายต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองได้ พระเจ้าพรหมทัตจึงประกาศว่าผู้ใดที่เคลื่อนย้ายต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองได้จะให้รางวัลอย่างงาม
ขนิษฐีและอ้ายกับอี่เข้าร่วมลองถอนต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองด้วยแต่ไม่สำเร็จ เอื้อยขอลองบ้างและอธิษฐานจิตบอกแม่ว่าขอย้ายแม่เข้าไปปลูกในวัง เอื้อยจึงถอนต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองได้สำเร็จ
พระเจ้าพรหมทัตถูกชะตาเอื้อยจึงชวนเข้าไปอยู่ในวังและแต่งตั้งให้เอื้อยเป็นพระมเหสี ฝ่ายขนิษฐีและลูกสาวอิจฉาเอื้อยจึงส่งจดหมายไปบอกเอื้อยว่าเศรษฐีทารกป่วยหนักขอให้เอื้อยกลับมาเยี่ยมที่บ้าน
เมื่อเอื้อยกลับมาบ้าน นางขนิษฐีก็ได้แกล้งนำกระทะน้ำเดือดไปวางไว้ใต้ไม้กระดานเรือน และทำกระดานกลไว้ เมื่อเอื้อยเหยียบกระดานกลก็ตกลงในหม้าน้ำเดือดจนถึงแก่ความตาย ขนิษฐีให้อ้ายปลอมตัวเป็นเอื้อยและเดินทางกลับไปยังวังของพระเจ้าพรหมทัต
เอื้อยได้ไปเกิดใหม่เป็นนกแขกเต้า เมื่อเกิดใหม่แล้วก็บินกลับเข้าไปในพระราชวัง พระเจ้าพรหมทัตเห็นนกแขกเต้าแสนรู้ ไม่รู้ว่าเป็นเอื้อยกลับชาติมาเกิดก็เลี้ยงไว้ใกล้ตัว อ้ายเห็นดังนั้นก็ไม่พอใจ สั่งคนครัวให้นำนกแขกเต้าไปถอนขนและต้มกิน
แม่ครัวถอนขนนกแขกเต้าและวางทิ้งไว้บนโต๊ะ นกแขกเต้าจึงกระเสือกกระสนหลบหนีเข้าไปอยู่ในรูหนู มีหนูช่วยดูและจนขนขึ้นเป็นปกติ แล้วเอื้อยก็บินเข้าป่าไปจนเจอกับพระฤๅษี
พระฤๅษีตรวจดูด้วยญานพบว่านกแขกเต้าคือเอื้อยกลับชาติมาเกิดจึงเสกให้เป็นคนตามเดิม และวาดรูปเด็กเสกให้มีชีวิตเพื่อให้เป็นลูกของเอื้อย เมื่อเด็กนั้นโตขึ้นก็ขอเอื้อยเดินทางไปหาบิดา เอื้อยจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้บุตรชายฟังร้อยพวงมาลัยเพื่อให้บุตรชายนำไปให้พระเจ้าพรหมทัต
เมื่อพระเจ้าพรหมทัตได้พบกับบุตรชายของเอื้อยและพวงมาลัย ก็ขอให้เด็กชายเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังว่าได้มาลัยมาอย่างไร เด็กชายก็เล่าตามที่เอื้อยเล่าให้ฟัง เมื่อทราบเรื่องทังหมดแล้วพระเจ้าพรหมทัตก็สั่งประหารชีวิตอ้าย อี่ และขนิษฐี และไปรับเอื้อยเพื่อให้กลับมาครองบัลลังก์ร่วมกันอีกครั้ง





นางสิบสอง นางสิบสองเป็นเรื่องราวของหญิงสาวสิบสองคนซึ่งเป็นพี่น้องท้องเดียวกันและต้องเจอกับปัญหามากมาย ได้ถูกนำมาทำเป็นละครพื้นบ้านครั้งแรกทางช่อง 7 เมื่อปี 2531 นำแสดงโดย ศักสิทธิ์ ทวีกุล สินี หงษ์มานพ และนำกลับมาสร้างใหม่อีกครั้ง ทางช่อง 7 ในปี 2543 นำแสดงโดย สพล ชนวีร์ มาติกา อรรถกรศิริโพธิ์ สิริมา อภิรัตนพันธ์ คณธร ฟักทองผล นอกจากนี้ยังมีช่อง 5 อีกด้วย

เนื้อหา

 [ซ่อน]

[แก้]เนื้อเรื่อง

นานมาแล้วมีเศรษฐีคนหนึ่งชื่อ นนท์ และภรรยาของเขาชื่อ พราหมณี ทั้งสองมีลูกสาวถึง 12 คน ด้วยความที่ลูกเยอะฐานะทางบ้านจึงค่อยๆตกต่ำลงเงินทองที่เก็บๆไว้ก็หายไปหมดเนื่องจากต้องเลี้ยงดูลูกสาวทั้งสิบสองคน อยู่มาวันหนึ่งพ่อของนางสิบสองก็ได้คิดอุบายว่าจะนำลูกๆทั้งสิบสองคนไปปล่อยป่า โดยหลอกลูกของตนว่าตนจะไปเยี่ยมญาติจะพาลูกๆไปด้วย เมื่อมาถึงกลางป่าเขาก็บอกกับลูกว่าจะไปหาผลไม้มาให้กินให้ลูกๆรอก่อน เมื่อได้โอกาสเขาก็หนีไปโดยหวังว่าจะมีคนที่ดีกว่านี้มารับเลี้ยงดู นางสิบสองรอบิดาของตนจนเหนื่อยโชคดีที่นางเภาน้องคนสุดท้องที่มีความฉลาดมากกว่าพวกพี่ๆ ได้นำข้าวตากโรยตามทางที่เดินมาพวกนางทั้งสิบสองจึงกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย เมื่อบิดาและมารดาเห็นลูกของตนกลับมาได้ก็ตกใจมากและได้คิดว่าจะนำลูกของตนไปปล่อยป่าอีกครั้ง และวันนั้นก็มาถึงพ่อของนางสิบสองได้นำลูกของตนไปปล่อยป่าอีกคราวนี้โชคร้ายนางเภาไม่ได้เอาข้าวตากมาทำให้นางทั้งสิบสองติดอยู่ในป่า นางทั้งสิบสองได้อยู่ในป่าจนรุ่งเช้าของอีกวัน นางเภาได้บอกกับพี่ของตนว่าเควรจะหาทางกลับบ้านใหม่ แต่เดินไปเท่าไหร่ก็ไม่ถึงสักที จนในที่สุดก็มาเจอกับนางยักษ์สันตราพอดีนางยักษ์สันตราพอได้เห็นนางทั้งสิบสองก็เกิดความรักและเอ็นดูเนื่องจากตนไม่มีลูกและสามีของตนก็ตายไปแล้ว นางยักษ์จึงนำนางทั้งสิบสองมาเลี้ยงไว้ในวังโดยสั่งให้ทุกคนในเมืองทานตะวันแปลงกายเป็นมนุษย์ให้หมดเนื่องจากกลัวว่านางทั้งสิบสองจะหวาดกลัวและเกลียดตนและตนเองก็ได้เปลี่ยนชื่อจากสันตราเป็นสันธมาลา นางทั้งสิบสองใช้ชีวิตอยู่ในวังอย่างสุขสบายจนกระทั่งโตเป็นสาว นางเภาก็เกิดสงสัยขึ้นมาว่าเมืองนี้เป็นเมืองยักษ์เพราะว่าตนนั้นไม่เคยเห็นสัตว์ตัวไหนในเมืองในเมืองนี้เลยและพี่ของตนก็ได้เจอกับกองกระดูกที่พวกยักษ์กินไว้ทางท้ายวังซึ่งนางสันธมาลาห้ามไม่ให้ไปอีกด้วย นางเภาจึงพาพวกพี่หนีจากเมืองยักษ์จนนางสันตราตามมาแต่มองไม่เห็นนางทั้งสิบสองเพราะเทวดาในป่าคุ้มครองนางสันตราจึงกลับเมืองไปด้วยความอาฆาตแค้น นางทั้งสิบสองดีใจที่หนีจากนางยักษ์มาได้และก็เดินทางไปโดยไร้จุดหมายจนมาถึงเมืองกุตลนครซึ่งมีราชารถสิทธิ์เป็นผู้ปกครองเมือง ท้าวรถสิทธิ์เมื่อได้เห็นนางเภาที่รูปงามและพวกพี่ๆของนางแล้วก็เกิดความรักใคร่ โดยรักนางเภามากที่สุด ท้าวรถสิทธิ์ได้นางทั้งสิบสองเป็นมเหสีแล้วอยู่มาวันหนึ่งนางทั้งสิบสองคนก็ได้ตั้งครรภ์ อีกด้านหนึ่งในขณะเดียวกันนางยักษ์สัตราได้ใช้มนต์วิเศษของตนดูภาพพวกนางทั้งสิบสองผ่านกระจกนางสันตราจึงได้เห็นและรู้ว่านางสิบสองอยู่ที่เมืองกุตลนครและได้เป็นมเหสีของราชารถสิทธิ์ก็ได้ตามไปจนมาถึงเมืองกุตลนครและได้พบกับท้าวรถสิทธิ์นางจึงเป่ามนต์สะกดให้ท้าวรถสิทธิ์รักใคร่และแต่งตั้งให้ตนเป็นพระมเหสีเอกแทนนางทั้งสิบสอง เมื่อนางสิบสองรู้ข่าวว่าพระสวามีตนมีมเหสีใหม่จึงโมโหและอยากรู้ว่าเป็นใครพอดีนางยักษ์สันตราผ่านมาพอดีนางสิบสองจึงได้รู้ว่าเป็นนางยักษ์สันตราก็ตกใจกลัวและร้องขอว่าอย่าทำอะไรตนเลย นางยักษ์สันตราไม่ยอมจึงเป่ามนต์ให้ท้าวรถสิทธิ์เกลียดนางทั้งสิบสองและสั่งนางทั้งสิบสองไปขังไว้ในถ้ำ นางทั้งสิบสองต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในถ้ำขณะที่ท้องของนางก็เริ่มโตขึ้นทุกวัน ฝ่ายนางยักษ์สันตรายังไม่หยุดแค้นนางสิบสองจึงออกอุบายว่าตนป่วยเป็นโรคประหลาดและได้เป่ามนต์ใส่หมอหลวงให้พูดว่าต้องใช้ลูกตานางทั้งสิบสองมาทำยาให้กินจึงจะหาย พระรถสิทธิ์จึงรีบให้จัดการควักลูกตานางสิบสองมาถวายทันทีโดยนางยักษ์ได้สั่งให้วิรุฬและจำบังสมุนเอกของตนรับหน้าที่นี้ เมื่อมาถึงถ้ำทั้งสองได้ควักลูกตานางสิบสองทันทีโดยเรียงจากพี่ไปน้อง ด้านนางค่อมผู้ซื่อสัตย์ต่อนางสิบสองได้อ้อนวอนขอให้พระรถสิทธิ์สั่งไม่ให้ควักลูกตานางสิบสองอยู่พักใหญ่ก็ได้นำราชโองการมาให้วิรุฬและจำบังดูแต่ด้วยตนเองแก่แล้วและหลังก็ค่อมอีกด้วยจึงมาไม่ทันโดยวิรุฬจำบังได้ควักลูกตาไปทั้ง 11 คนแล้วเว้นแต่นางเภาโดนควักไปเพียงข้างเดียวเพราะตนมาทันที่นางเภาพอดีวิรุฬจำบังจึงได้นำลูกตาของนางสิบสองใส่โถไปถวายให้นางสันธมาลา นางค่อมได้โมโหตัวเองที่มาไม่ทัน นี่ก็เป็นเพราะเวรกรรมของนางทั้งสิบสองที่ตอนเด็กได้ควักตาปลาออกมาเล่นแต่นางเภาควักออกมาเพียงข้างเดียวจึงไม่โดนควักลูกตาทั้ง 2 ข้าง นางทั้งสิบสองต้องทุกข์ทรมานเข้าอีกปวดทั้งตาและท้องแก่ที่ใกล้คลอดโดยหากบเขียดแถวนั้นมาย่างกินประทังชีวิตและข้าวที่นางค่อมคอยแอบนำมาถวาย เวลาผ่านไปจนกระทั่งพวกนางคลอดลูกมาแต่ลูกของนางทั้ง 11 คนตายหมด เหลือแต่นางเภาที่ให้กำเนิดพระโอรสและตั้งชื่อว่า "รถเสน" รถเสนเป็นเด็กฉลาดและรูปงามมากและเป็นหัวแก้วหัวแหวนของแม่และป้าทั้ง 11 คน

[แก้]พระรถ-เมรี

รถเสนโตขึ้นแลอยากจะช่วยแม่และป้าของตนหาข้าวมากินจึงได้ไปบ่อนไก่อยู่หลายครั้งและตนนั้นก็มีไก่ที่เทวดาเสกมาและได้นำไปชนไก่และชนะอยู่หลายครั้งจึงได้เงินมาซื้อข้าวให้แม่และป้าของตนกินจนรู้ไปถึงหูของพระรถสิทธิ์ที่ไม่รู้ว่ารถเสนเป็นลูกตน พอดีว่าเมืองกุตลนครมีเมืองอื่นมาท้าพนันตีไก่เอาบ้านเอาเมืองรถเสนได้รับคำเชิญจากพระรถสิทธิ์ให้นำไก่ของตนไปชนเพราะว่าได้ยินชื่อเสียงว่าเก่ง และก็ชนะด้วยทางฝ่ายนั้นก็ได้นำทัพกลับไป รถเสนก็กลายเป็นคนโปรดของพระรถสิทธิ์และนางสันธมาลาจึงได้นำไปเลี้ยงดูจนโตเป็นหนุ่มและได้กลับมาหานางทั้งสิบสอง นางยักษ์สันตราก็ได้รู้ว่ารถเสนเป็นลูกของนางเภา ขณะเดียวกันที่เมืองทานตะวัน "เมรี" ลูกของพญายักษ์และมเหสีเป็นมนุษย์ที่นางสันธมาลาขอมาเลี้ยงไว้ก็ได้โตเป็นสาวแล้ว ฝ่ายนางยักษ์สันตราพอรู้แล้วว่ารถเสนเป็นลูกของนางเภาก็โกรธแค้นจึงได้ออกอุบายว่าตนป่วยอีกครั้งคราวนี้ให้นำมะงั่วหาว มะนาวโห่ที่เมืองทานตะวันมารักษาพร้อมให้รถเสนนำสาส์นที่ตนเขียนว่าเมื่อรถเสนมาถึงเมืองกลางวันก็ให้ฆ่ากลางวันถึงคืนก็ฆ่าคืนให้เมรีด้วยโดยบอกรถเสนว่าห้ามเปิดอ่านเด็ดขาดรถเสนจึงได้ขี่ม้าไปที่เมืองทานตะวันแต่แวะพักที่กระท่อมของฤๅษีฤๅษีได้ขออ่านสาส์นของรถเสนจึงรู้ว่ารถเสนจะต้องตายแน่จึง แปลงสาส์นว่าถึงเมื่อไหร่ก็ให้แต่งงานเมื่อนั้นและได้มอบม้าวิเศษพูดชื่อประกายเพชรได้ให้รถเสนด้วย แล้วรถเสนก็มาถึงเมืองทานตะวันเมื่อเมรีได้อ่านสาส์นก็เกิดความรักจึงได้แต่งงานกันและอยู่ที่เมืองทานตะวันอยู่พักหนึ่ง ฝ่ายแม่ย่าได้ตรวจดวงชะตาของเมรีแล้วพบว่าถ้าเมรียังรักรถเสนอยู่อย่างนั้นเมรีจะต้องตายแม่ย่าจึงคิดออกอุบายให้รถเสนไปจากเมรี ทางรถเสนที่จะนำดวงตาของนางสิบสองที่หห้องสรรพยาที่นางสันธมาลานำมาไว้เอาไปให้แม่และป้าของตน พอแม่ย่ารู้ก็สนับสนุนให้รถเสนไปจากเมรีจึงได้เปิดทางให้โดยสะดวกรถเสนได้นำดวงตาออกมาและขี่ม้าคู่ใจของตนไปเมืองกุตลนคร แต่เมรีไม่ให้ไปจึงวิ่งตามมารถเสนจึงอธิษฐานให้พื้นเป็นทะเลเมรีจึงตามไปไม่ได้เมรีจึงตรอมใจตาย เมื่อรถเสนมาถึงก็ได้นำดวงตามาให้แม่และป้าของตนนางทั้งสิบสองจึงมีดวงตาเหมือนเดิม ทุกคนพอรู้ว่านางสันธมาลาเป็นยักษ์จึงได้เนรเทศออกนอกเมืองพอเรื่องคลี่คลายแล้วรถเสนก็กลับไปเมืองทานตะวันพอมาถึงก็พบว่าเมรีตายแล้ว รถเสนจึงทำศพให้เมรีแล้วบอกว่ารักขอโทษเมรีและจึงกลับไปกุตลนครและครองเมืองแทนท้าวรถสิทธิ์สืบต่อมา

วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

การทำเอนไซม์ผลไม้รวม

ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งหวงยิ่งอด เราไม่หวงเราไม่อด หมดเดี๋ยวก็มา
เอนไซม์ คือ สารโปรตีน ที่ได้จากขบวนการสลายตัวด้วยวิธีธรรมชาติ โดยการสร้างสภาพความเป็นกรดอ่อนด้วยสารอินทรีย์ แบบจำกัดอากาศ และมีน้ำเป็นองค์ประกอบ เพื่อให้ไอน้ำในอากาศแตกตัวเป็น ออกซิเจนอิสระ ทำให้สารอาหารในพืชผัก, ผลไม้ มีโอกาสแตกตัว ออกมาเป็นแร่ธาตุต่าง ๆ ซึ่งอยู่ในรูปของประจุไฟฟ้า และเปิดโอกาสให้จุลินทรีย์   สลายตัวให้สารโปรตีนในรูปของกรดอะมิโน  และไวตามิน

การทำเอนไซม์ เป็นกระบวนการในการเปลี่ยนรูปพืชผัก, ผลไม้ ให้อยู่ในรูปของสารอาหารเพื่อให้เก็บไว้ได้นาน โดยอาศัยประสิทธิภาพของการแตกประจุไฟฟ้า ( Effective Ionic Charge ) จึงทำให้ได้สารอาหารในรูปอิออน และพลังงาน ที่พร้อมจะดูดซึมเข้าสู่ร่างกายเพื่อนำไปใช้ได้ทันที

ดังนั้น จะพบว่าเมื่อเรารับประทานเอนไซม์แล้วจะรู้สึกสดชื่น ร่างกายมีพละกำลังแข็งแรง  รอบๆ ตัวเราล้วนเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เรียกว่าจุลินทรี  เราสามารถมีชีวิตอยู่ได้ก็ด้วยอาศัยสิ่งเหล่านี้ ในปัจจุบันมนุษย์เราทำลายสภาพแวดล้อม ทำให้เกิดอาหาร, อากาศ เป็นพิษกันมากขึ้น เมื่อร่างกายมนุษย์อ่อนแอ จุลินทรีย์ ที่เป็นประโยชน์ก็กลับกลายเป็นโทษกับตัวมนุษย์เอง  

ดังนั้นเราจึงต้องช่วยกันจัดสรรสิ่งแวดล้อมเพื่อให้จุลินทรีย์ต่าง ๆ ทำประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เอนไซม์คือตัวกลางที่ทำหน้าที่ในการกระตุ้นให้วงจรหรือระบบต่างๆในร่างกายของเราให้ทำงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

เอนไซม์มีหน้าที่สำคัญ 2 ประการ  คือ

  1. เพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดขึ้นและ
  2. เพื่อบำรุงส่งเสริมให้ระบบต่างๆให้ทำงานได้ดีขึ้น 
การนำเอาน้ำผลไม้ที่ได้จากการหมักมาดื่มเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยในการกระตุ้นและส่งเสริมการทำงานของร่างกายให้ดียิ่งขึ้นนี่เองที่เราเรียกว่า "น้ำเอนไซม์"

การทำน้ำเอนไซม์สำหรับดื่มนั้นสามารถทำได้ 2 วิธี คือ

  1.  ได้จากการคั้น, ปั่นด้วยเครื่องปั่น, สับ, หรือตำกับครก แล้วกรองเอากากออกด้วยผ้าขาวบาง หรือจะใช้เครื่องแยกกากก็ได้  แต่หลังทำเสร็จควรดื่มทันทีและไม่ควรทิ้งไว้นานเกินครึ่งชั่วโมง เพราะหากเก็บไว้นานจะทำให้เอนไซม์ที่มีอยู่ในตัวผักและผลไม้เสื่อมประสิทธิภาพลง
           
  2. ได้จากการนำผลไม้มาหมัก   ซึ่งในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะกระบวนการที่ได้จากการหมักและกรรมวิธีขั้นตอนของการหมัก  เพราะสามารถเก็บไว้ดื่มได้นานกว่าและให้สารโปรตีนที่ประกอบไปด้วยวิตามิน  ซึ่งเมื่อทานเข้าไป จะเกิดการแลกเปลี่ยนการใช้สารอาหารได้สูงสุด ณ จุดที่ร่างกายสามารถนำของ เสียทิ้งได้ทั้งหมด และทำให้ร่างกายสร้างพลังงานในแต่ละเซลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งผลให้เกิดการ สร้างเซลใหม่ทดแทนเซลเก่าที่ตายในแต่ละวันได้เต็มที่ 
เราลองมาดูกันว่าน้ำเอนไซม์ในผัก ผลไม้ที่ดื่มกันนั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง

ประโยชน์ของเอนไซม์

1. ปรับความเป็นกรดเป็นด่างในร่างกาย

2. ทำให้ระบบการย่อยและการขับถ่ายดีขึ้น

3. ทำให้แต่ละเซลในร่างกายได้สารอาหารอย่างสมดุล

4. สลายสารพิษและสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย ( ลดการใช้ยาปฏิชีวนะ )

5. อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามินและเกลือแร่ คือ วิตามินบีรวม, บี 1, บี 2, บี12วิตามินที่ได้ในการนำผลไม้แต่ละชนิดมาหมักผลไม้แต่ละชนิดการนำมาหมักเป็นเอนไซม์จะได้วิตามินไม่เหมือนกัน โดยมีรายละเอียดดังนี้

ลำดับ
ชนิดพืชที่นำมาหมัก
วิตามินที่ได้
1
ผลไม้รสหวาน
วิตามิน เอ, ดี, อี, เค
2
ผลไม้รสเปรี้ยว
วิตามิน ซีและเค
3
จากข้าว
วิตามิน บี ซี อี

ขั้นตอนการทำน้ำเอนไซม์
            
การทำหัวเชื้อน้ำเอนไซม์ (Enzyme) น้ำผลไม้เข้มข้นใช้ดื่มเพื่อสุขภาพทำหัวเชื้อ      

นำผลไม้ 3 กก. +  น้ำผึ้ง 1 กก. +  น้ำ 10 ลิตร

หมักไว้เป็นเวลา 3 เดือน – 1 ปี


ขึ้นไปจะได้หัวน้ำผลไม้เข้มข้นที่สกัดด้วยวิธีการทางธรรมชาติ ให้แยกเอาน้ำออกมา



ส่วนกากผลไม้ที่เหลือให้ผสมน้ำผึ้ง1 กก. + น้ำ 10 ลิตรหมักทิ้งไว้ 2 เดือนขึ้นไป จนกว่ากากผลไม้ที่เหลือจะย่อยสลายหมดสามารถทำซ้ำอีก 3-4 ครั้งก็จะได้หัวน้ำผลไม้เข้มข้นที่สกัดด้วยวิธีการทางธรรมชาติเก็บไว้เพิ่มอีก

เราจะพบว่าในช่วงอายุของการหมักหรือการขยายก็ดี ช่วงเวลาภายใน  3 เดือนแรก – 1ปี จะมีจุลินทรีย์ต่างๆ มากมายลงมาทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพเรียกว่าหัวเชื้อน้ำผลไม้เข้มข้นที่สกัดด้วยวิธีการทางธรรมชาติ หากเรานำผลิตผลช่วงนี้ไปใช้ดื่มกิน จะเกิดผลข้างเคียง ซึ่งไม่เป็นที่นิยมยอมรับ              

แต่เมื่อเราได้หัวเชื้อดังกล่าวแล้ว ซึ่งอายุต้องมากกว่า 1 ปีขึ้นไปจึงจะมีประสิทธิภาพ เราสามารถที่จะนำหัวเชื้อไปขยาย ด้วยกระบวนการหมักในภาชนะพลาสติกที่ปิดจำกัดอากาศ ในขั้นตอนนี้จะไม่มีเชื้อจุลินทรีย์ต่างๆที่เป็นอัตตรายเหลืออยู่เลย เพราะสัดส่วนดังกล่าวเป็นสัดส่วนที่ปลอดเชื้อ

ดังนั้นท่านจะพบว่าในกระบวนการดังกล่าวเราไม่มีจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม แต่เป็นผลผลิตของจุลินทรีย์ ซึ่งให้สารอาหารต่างๆ ในรูปของ โปรตีน( กรดอะมิโน), ไวตามิน, เกลือแร่, พลังงาน ฯ  

โดยใช้หัวเชื้อน้ำผลไม้เข้มข้นที่สกัดด้วยวิธีการทางธรรมชาติ 4 แก้ว +น้ำผึ้ง 1 กก. + น้ำ 10 ส่วน  หมักไว้เป็นเวลานาน  7 วันขึ้นไป ก็จะได้น้ำเอนไซม์พร้อมดื่มที่ช่วยให้การย่อยอาหารและการขับถ่ายดีขึ้น, ทำให้เซลในร่างกายได้รับสารอาหารอย่างสมดุล , สลายสารพิษและสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย, ลดการถูกทำลายในเซล, คงความเป็นหนุ่มสาวทำให้แก่ช้า,อุดมด้วยโปรตีน ไวตามิน และเกลือแร่

ง่าย ๆ เพียงแค่นี้ ทำไม่ยาก แต่อาจต้องใจเย็นและใช้เวลาในการหมักหน่อยค่ะ

น้ำผักปั่น พลังเอนไซม์
โดย ดร.รสสุคนธ์ พุ่มพันธุ์วงศ์ (แพทย์ทางเลือก และนักธรรมชาติบำบัดแบบองค์รวม)

เคล็ดไม่ลับในการดูแลสุขภาพ

น้ำผักปั่นช่วยฟื้นฟู การทำงานของร่างกาย 5 ระบบ
1. ระบบดูดซึม
2. ระบบทางเดินหายใจ
3. ระบบหมุนเวียนโลหิต
4. ระบบภูมิคุ้มกัน
5. ระบบต่อมไร้ท่อ

ดื่มสด ๆ เป็นประจำทุกวัน ต้านโรค เพิ่มพลัง เพื่มสมรรถภาพทางเพศ ลดไขมันส่วนเกิน ผิวสวย หน้าใส ดูอ่อนวัย ดีกับผู้ป่วยทุกโรค

คุณสมบัติเด่น


  • ในน้ำผักมีสภาพเป็นกรดอ่อน ๆ ที่มีคลอโรฟิลด์สารสีเขียวในพืชมีวิตามินเอ วิตามินซี ธาตุเหล็ก โปรแตสเซียม แมกนีเซียม และฟอสฟอรัส จะเกิดการแลกเปลี่ยนการใช้สารอาหารได้สูงสุด ณ. จุดที่ร่างกายสามารถนำของเสียทิ้งได้หมด และทำให้ร่างกายสร้างพลังงานในแต่ละเซลล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
  • ซึ่งส่งผลให้เกิดการสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์เก่าที่ตายในแต่ละวันได้เต็มที่ลักษณะนี้คือ ปัจจัยสูงสุดที่ร่างกายจะไม่เกิดความอ่อนแอทุกอวัยวะเมื่อไปอยู่ในประเทศไหนก็ตาม ถ้าได้สัดส่วนของสารอาหารออกมาเป็นกรดอ่อน มีคลอโรฟิลล์ มีวิตามินเอ วิตามินซี  นี่คือที่มาของการทำให้ร่างกายสามารถมีอาหารได้เต็มที่ในแต่ละเซลล์ 
  • ถ้าทุกเซลล์แข็งแรงไม่มีเซลล์ตายก็จะไม่เก่ ถ้า pH เป็นกรดเกินไปการใช้แคลเซียมก็จะยาก กรดอ่อนทำให้เกิดการใช้ไขมัน ไขมันถูกย่อยสลายได้เร็ว ถ้าเป็นด่างเกินไปการย่อยสลายไขมันก็ทำได้น้อย 
  • ไขมันคือของแข็งที่มีปริมาณถึง 60% ของของแข็งทั้งหมดในร่างกายเป็นตัวที่จะไปเปลี่ยนเป็นน้ำหล่อเลี้ยงเป็นน้ำเมือกที่ไปหล่อเลี้ยงตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายน้ำไขข้อเป็นไขกระดูกเป็นกล้ามเนื้อ เป็นกระดูกเส้นเอ็นไขมันหล่อเลี้ยงน้ำเมือกที่ไปหล่อเลี้ยงเส้นผมเป็นลำดับ pH ของน้ำผักที่เหมาะสมกับคนไทยอยู่ที่ pH 4 - 6 
  • คนอ้วนมากให้น้ำผักที่ pH 4 เลยเนื่องจากคนอ้วนมีไขมันค้างอยู่ในลำไส้มาก น้ำผักจะไปเปลี่ยนไขมันเป็นโคเลสเตอรอล ไปเป็นไตรกลีเซอร์ไรด์ และเป็นกลีเซอร์ไรด์ในที่สุด ซึ่งร่างกายนำไปใช้ได้การดื่มน้ำผัก คือการเติมสารอาหารประเภทวิตามิน เกลือแร่จำเป็น และที่สำคัญที่สุด คือ คลอโรฟิลล์ เมื่อดื่มแล้วถูกดูดซึมไปฟื้นฟูตับทำให้น้ำตับและน้ำตับอ่อนหลั่งการย่อยคาร์โบไฮเดรต ไขมัน เกลือแร่ และวิตามินมีมากขึ้น 
  • ขณะที่น้ำผักไปย่อยไขมันส่วนที่เก่าส่วนหนึ่งแล้ว เปลี่ยนรูปเป็นพลังงานดังนั้น ร่างกายก็ได้พลังงานมาสนับสนุนให้อวัยวะทำงานได้มากกว่าเดิม น้ำผัก จึงช่วยล้างสิ่งปฏิกูลในร่างกายตลอดจนสารพิษต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว 
  • ซึ่งปรากฏการที่สังเกตุได้คือ ลดอาการปวดต่าง ๆ จากอาการท้องเสียหรือมีของเสียค้างอยู่ในระบบเลือดมาก จนปวดตามกล้ามเนื้อ อาการปวดหลัง ดังกล่าวจะลดลง ลดอาการปวดศรีษะ ลดไข้ ลดความอ่อนเพลีย ลดอาการนอนหลับยาก ลดอาการนอนกรน 
  • ซึ่งอาหารที่ดีขึ้นคือ ขบวนการที่ร่างกายชะล้างของเสียออกได้ดีขึ้น ซึ่งอาการดังกล่าวไม่ควรเก็บกด ด้วยการใช้ยาระงับปวด ซึ่งเป็นการไปหยุดความสามารถในการชะล้างของร่างกายทำให้เกิดสารพิษมากขึ้นในทุกระบบของร่างกายและแพร่กระจายสะสมจนก่อเกิดเซลล์มะเร็ง
  •  การกินน้ำผักก่อนอาหารเป็นการเตรียมร่างกาย ในการย่อยสารอาหารที่เรากินลงไปได้ดีกว่าเดิมนั่นคือ เกิดสภาวะดีกับร่างกายทั้งระบบ


สรุปน้ำผักปั่นทำหน้าที่ 2 อย่างในเวลาเดียวกัน

1. ให้สารอาหารที่ร่างกายนำไปฟื้นฟูตับกับตับอ่อน

2. กระตุ้นให้ร่างกายพร้อมในการย่อยไขมันที่เหลือค้างอยู่เปลี่ยนรูปไปเป็นพลังงานทำให้ร่างกายเตรียมพร้อมที่จะย่อยสารอาหารที่รับประทานเข้าไปในมื้อต่อไป

ส่วนประกอบสำคัญ

  1.  ผักกาดหอม 6-8 ใบ ช่วยฟื้นฟูเซลล์โดยเฉพาะระบบประสาทและเซลล์ในปอด ช่วยชะล้างของเสียในระบบเลือดทำให้ร่างกายมีความสามารถใช้แคลเซียมได้อย่างมีประสิทธิภาพช่วยลดอาการเจ็บปวดของระบบข้อเสื่อมต่าง ๆ 
  2. มะเขือเทศ (ท้อหรือสีดา)1-2 ลูก ช่วยทำให้เม็ดเลือดแดง แข็งแรงช่วยทำให้ผิวพรรณดี เพิ่มภูมิต้านทานมีสารช่วยย่อยอาหารทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้ทำงานเป็นปกติ
  3. หอมใหญ่ 1/4 ลูก  ช่วยทำให้หัวใจแข็งแรง
  4. เนื้อเสาวรสสดหรือน้ำมะนาว 1 - 2 ลูก ช่วยฟื้นฟูภูมิคุ้มกัน
  5. คื่นฉ่าย 2 ก้าน ลดความดันโลหิต
  6. แอปเปิ้ล หรือกล้วยน้ำว้าสุกงอม 1 ลูก (หรือผลไม้ อื่น ๆ ให้เลือกใส่เพิ่มได้ เช่น ชมพู่ องุ่น สาลี่ ส้ม ส้มโอ ลองกอง สับปะรด เชอร์รี่ อื่น ๆ) ช่วยเสริมระบบขับถ่ายของเสีย
  7. น้ำผึ้ง ความชื้นต่ำ 2 - 4 ช้อนโต๊ะ (ห้ามใช้น้ำผึ้งค้ัางหลายปีหรือน้ำเชื่อม) ช่วยบำรุงผิวพรรณฟื้นฟูเซลล์ที่เสื่อมสภาพเป็นเบาหวานก็สามารถทานได้)
  8. เอนไซม์ (Multi fruit Enzyme)  1 - 2 ช้อนโต๊ะ ช่วยปรับสมดุล ช่วยย่อย ไขมัน โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ให้เปลี่ยนรูปเป็นพลังงาน ช่วยคลายกล้ามเนื้อ ช่วยเปลี่ยนสารพิษให้เป็นสารอาหาร
  9. น้ำสะอาด (น้ำดื่ม ไม่แช่เย็น 2 - 4 แก้ว ทยอยใส่โถเวลาปั่น (ขนาด 1.5 ลิตร)

ปั่นรวมกันให้ละเอียดไม่แยกกากเม็ดเสาวรสมีสารอาหารบำรุงสมองกินได้

การดื่มเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

  • ทยอยดื่มทันทีที่ปั่นเสร็จ ครั้งละ 1 ลิตร 3 ครั้งต่อวัน
  • ควรดื่มทุกคน ทุกวัน ทุกวัย เวลาที่ดีที่สุดคือก่อนอาหารเช้า 
  • หญิงตั้งครรภ์ควรดื่มเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันคลอดง่าย  ทารกในครรภ์ได้รับสารอาหารในการเจริญเติบโตจากเลือดแม่ ทำให้แข็งแรงทั้งแม่และทารก


ขอแนะนำให้ใช้เอนไซม์แช่ผัก

ก่อนล้างควรเด็ดผักออกเป็นใบ ๆ ล้างน้ำให้สะอาดทั้งผลไม้ด้วย สำหรับผักนำไปแช่เอนไซม์ 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 2ลิตร แช่นาน 15 -30 นาที
***สำหรับผลไม้แช่ทั้งลูกนาน 1 ชั่วโมงขึ้นไป หรือแช่ข้ามคืนได้ยิ่งดี แอปเปิ้ล หอมใหญ่ มะเขือเทศ ก่อนนำไปบริโภคทยอยนำมาผ่าซีก แล้วแช่ในน้ำเอนไซม์ซ้ำอีกครั้งนาน 15 นาที ถ้าทำได้จะดีต่อสุขภาพ (แอปเปิ้ล ควรรับประทานทั้งเปลือก)

การทดลอง

เพื่อการฟื้นฟูควรดื่มต่อเนื่องทุกวันเป็นเวลา 7 - 15 วัน จะเริ่มเห็นผล มื้อเย็นควรงดอาหารประเภท แป้ง ข้าว เพราะเป็นตัวลดเกร็ดเลือด ควรดื่มน้ำเอนไซม์ด้วยจะช่วยคุ้มครองเกร็ดเลือดให้แข็งแรง และเปลี่ยนพฤติกรรมให้ได้ตามบทปฏิบัติ 10 ประการ

**** จะพบความมหัศจรรย์ของร่างกายด้วยตัวท่านเอง***
ควบคุมอาหารให้ได้ตามคำแนะนำของชมรมบ้านสุขภาพ

หมายเหตุ
ผัก ผลไม้ พวกมียางห้ามนำไปปั่นเด็ดขาด เพราะยางจะเปลี่ยนรูปเป็นยางมะตอย เช่น ผักบุ้ง ใบบัวบก ว่านหางจระเข้ แก้วมังกร อโวคาโด เนื้อฝรั่ง ไม่ดีต่อไต และแครอทไม่เหมาะกับคนไทยเพราะมีแคลเซียมไบคาบอเนทที่ย่อยยาก


เอนไซม์แช่ผัก ผลไม้ ไข่ไก่

Aectyl เอนไซม์แช่ผัก


เอนไซม์อะเซ็ทไทล์ แช่ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ ข้าวสาร ไข่ไก่
ไม่ใส่วัตถุกันเสีย
ไม่เจือสี
ไม่มีฟอง
ไม่มีสารเคมี
ไม่ต้องล้างน้ำซ้ำ อีกครั้งหลังแช่

เอนไซม์ล้างแช่ผัก
อุดมด้วยพลังเอนไซม์อ๊อกซิเจนและสารอาหารด้วยเทคโนโลยีไบโอนาโน ทำให้การแทรกซึมเข้าสู่เซลล์ได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น สลายสารพิษให้เปลี่ยนรูปเป็นสารอาหารหลังแช่ผักจะสดกรอบเก็บได้นานขึ้น ช่วยสลายไข่แมลง ไข่พยาธิ ทำให้ฝ่อลดกลิ่นคาวปลาแช่ เนื้อสัตว์ เพิ่มความนุ่ม เพิ่มน้ำหนัก




ประโยชน์อื่น ๆ ของเอนไซม์อะเซ็ทไทล์ โค-เอ
  1. ใช้ฉีดพ่น จุ่ม แช่ พรมดอกไม้สด ผัก ผลไม้ตามแผงขายในตลาดสด และที่อื่น ๆ
  2. ใช้ฉีดพ่นสลายกลิ่นสารเคมี ทินเนอร์ แลคเกอร์ ควันท่อไอเสีย ควันบุหรี่ ฉีดพ่นในรถยนต์ หรือ รถเมล์ ห้องนอน ในตู้เย็น พ่นใบหน้าก็ได้เพื่อคลายเครียด
    น้ำที่เหลือจากการแช่ผัก ผลไม้ เนื้อสตัว์
  3. นำไปรดน้ำต้นไม้แทนปุ๋ยได้ดีมาก ใบไม้จะเขียว
  4. นำไปราดท่อระบายน้ำช่วยดับกลิ่นเหม็น สลายไข่แมลงสาบ ไข่ยุง ทำให้ฝ่อ ลดการขยายพันธุ์
  5. นำไปเทลาดลงในโถส้วมช่วยดับกลิ่นเหม็นเพิ่มโอโซนทำบ่อย ๆ ส้วมเต็มช้าลง

วิธีล้างแช่ผัก
เอนไซม์ 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 2 ลิตร
  1. แช่ผักนาน 15-30 นาที หลังล้างด้วยน้ำให้ผักสะอาด และควรเด็ดผักออกเป็นใบ ๆ
  2. แช่ผลไม้ เนื้อสัตว์ ไข่ไก่ นาน 1 ชั่วโมงขึ้นไป หรือบางอย่างอาจต้องแช่ทั้งลูกข้ามคืน เช่น แอปเปิล ส้ม หอมใหญ่ มะเขือเทศทยอยนำมาผ่าซึกแช่น้ำอีกครั้งนาน 15 นาที ก่อนนำไปบริโภค (แอบเปิ้ลควรรับประทานทั้งเมล็ดและเปลือกหลังจากแช่เอนไซม์นานพอแล้ว)
  3. ข้าวสารไม่ต้องแช่ ให้ซาวข้าวตามปกติแล้วเติม เอนไซม์ในหม้อหุงข้าวหุงได้เลย ความร้อนช่วยให้การแตกประจุได้เร็วขึ้น ข้าวจะหอมนุ่มน่ารับประทาน

วิธีการเก็บรักษา
เก็บในที่ร่มไม่ต้องแช่เย็น

วันหมดอายุ
เก็บนานหลายปี คุณภาพยิ่งเพิ่มขึ้น สีของนำเอนไซม์อาจไม่เหมือนกันทุกขวดขึ้นอยู่กับผลไม้และสภาพแวดล้อมบางขวดอาจมีฝ้าขาวลอยอยู่ก็ไม่เป็นไรให้เขย่าขวดนำไปใช้ต่อได้เลย บางขวดอาจมีตะกอนนอนก้นหรือมีวุ้น (เจลลาติน) ก็ยิ่งดีเพราะเป็นสุดยอดหัวอาหารที่เกิดขึ้นเอง

ตำราพยากรณ์


ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งหวงยิ่งอด เราไม่หวงเราไม่อด หมดเดี๋ยวก็มา



ตำราพยากรณ์เลข ๗ ตัว ๙ ฐาน
คาถาพระพุทธเจ้าเปิดโลก
นะโม ๓ จบ
พุทธัง  บังเกิดเปิดโลก โลกะวิทู วิโสทะยิ
ธัมมัง   บังเกิดเปิดโลก โลกะวิทู วิโสทะยิ
สังฆัง   บังเกิดเปิดโลก โลกะวิทู วิโสทะยิ
        พุทธัง  มานิมิตตัง
พุทธัง  มานิมิตตัง
พุทธัง  มานิมิตตัง

ความหมายของศัพท์ฐาน ๑, ๒, ๓ และ ๘, ๙
ฐานที่ ๑
อัตตะ               ตัวของเจ้าชะตาเอง
หินะ                ความชั่วร้าย, ดื้อรั้น, ยืดเยื้อ ยาวนาน
ธนัง                 สิ่งของเครื่องใช้, ทรัพย์สินที่เคลื่อนที่ได้
ปิตา                 พ่อ, ผู้ใหญ่ชาย, เจ้านายผู้ชาย,ผู้อุปการะ(เพศชาย)
มาตา                แม่, ผู้ใหญ่ผู้หญิง, เจ้านายผู้ใหญ่, ผู้อุปการะ(เพศหญิง)
โภคา               ที่ดิน, ทรัพยากรธรรมชาติ กรวด หิน ดิน ทราย อัญมณี
มัชฌิมา            ความพอประมาณ ปานกลาง  เพศตรงข้ามที่มักมีอายุมากกว่า คู่ชู้
ฐานที่ ๒
ตนุ                   ตัวของเจ้าชะตาเอง
กดุมพะ            รายได้ที่ไม่ใช่เงินสด ตั๋วสัญญาใช้เงิน เอกสารทางการเงิน  ฐานะการเงินที่หมุนเวียน
สหัสชะ            เพื่อน คนคุ้นเคย สังคมที่เกี่ยวข้อง การสื่อสาร
พันธุ                ญาติพี่น้อง คนที่คบหากันเหมือนญาติ ทั้งของตนเองและคู่ครอง ที่อยู่อาศัย ยานพาหนะ
ปุตตะ              ลูก หลาน เด็ก ที่อุปการะไว้ เรื่องเกี่ยวเนื่องกับเด็ก
อริ                    ศัตรู ค่อแข่ง อุปสรรค ข้อขัดข้อง การฟ้องร้อง คดีความ หนี้สิน ของมีตำหนิ
ปัตนิ                คู่ครอง หุ้นส่วน คู่กรณี เพศตรงข้ามที่มักมีอายุเท่ากันหรือใกล้เคียงกัน
ฐานที่ ๓
มรณะ              ความตาย เจ็บป่วย ไร้ผล เดินทางไม่ตั้งใจ สูญเสีย พลัดพราก อุบัติเหตุ
สุภะ                 ความดี ยศ ตำแหน่ง ฐานะ ชื่อเสียง ความสวยงาม การแต่งงาน การเดินทางที่ยาวนาน ต่างประเทศ
กัมมะ              กิจการงานที่ทำ ความขยัน เวรกรรมที่ผูกพัน
ลาภะ               ลาภผลที่ได้ ความสำเร็จ เงินสด โชคลาภ
พยายะ             ความเจ็บป่วย ขี้โรค อ่อนแอ ไม่สมหวัง ของมีตำหนิ ผิดปกติ ปิดบัง ซ่อนเร้น
ทาสา               บริวารเพศเดียวกับเจ้าของชะตา คนที่ฐานะต่ำกว่า การกระทำเพื่อส่วนรวม
ทาสี                 บริวาร เพศตรงข้ามที่มักมีอายุอ่อนกว่าเจ้าชะตา คู่ชู้ คุ่ครอง การกระทำเพื่อครอบครัวและตนเอง
ฐานที่ ๘
มหาอาตมา                  ตัวของเจ้าชะตาเอง    
มหาทาสา                    ผู้รับใช้ บริวาร ความเหนื่อยยาก
มหาสิทธิโชค               การมีโชคลาภ ได้ยศได้ตำแหน่ง ได้บำเน็จรางวัล ได้รับความสำเร็จ
มหาโภคสมบัติ            ทรัพย์สิน ไร่นา ที่ดิน
มหาโจร                       เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ความลับ สิ่งที่ไม่เปิดเผย
มหาอุบาทว์                 ความชั่วช้า ต่ำทราม เหลวไหล วุ่นวาย เดือดร้อน ผิกปกติ
มหาอุปถัมภ์                 การช่วยเหลือสนับสนุน การส่งเสริม การอุปถัมภ์ค้ำชู การเลี้ยงดู
ฐานที่ ๙
อัตตะ                           ตัวของเจ้าชะตาเอง
สักกะ                          เพื่อนฝูง ผูสนิทสนมคุนเคย การสมาคม
ญาติ                             พี่น้อง ผู้ที่รักกันเหมือนพี่น้อง
ธนัง                             ทรัพย์สิน เงินทอง
เคหัง                            ที่อยู่อาศัย ที่ทำงาน ที่ดิน
นาวัง                           การโยกย้าย การเดินทาง ยานพาหนะ
ภริยัง                            คูจร หรือคู่ครอง หุ้นส่วน คู่กรณี

ความหมายของดาวเคราะห์ในด้านต่างๆ
๑. ดาวอาทิตย์ ธาตุไฟ มีกำลัง ๖
แสดงให้เห็นความเป็นผู้มียศศักดิ์ จิตสูง มานะมาก รักเกียรติ รักศักดิ์ศรีเฉลียวฉลาด มีสติปํญญาดี ซื่อตรง ใจกว้าง กล้าได้กล้าเสีย โกรธง่ายหายไว มักไว้ใจคน และมักได้รับทุกข์ลำบากใจเพราะคนอื่น
เกี่ยวกับบุคคล             ได้แก่   ผู้มียศศักดิ์ หรือเชื้อพระวงศ์ หัวหน้าชุมชน เจ้านายชาย
เกี่ยวกับรูปพรรณ        ได้แก่   สันทัด ดำแดง
เกี่ยวกับอวัยวะ                        ได้แก่   หัวใจ ตา การสูบฉีดโลหิต กระดูกสันหลัง เลือด สายตา
เกี่ยวกับเพศ                 ได้แก่   ชาย
เกี่ยวกับเชื้อชาติ           ได้แก่   อังกฤษ
เกี่ยวกับสถานที่           ได้แก่   สถานที่ทำงานของรัฐ พระราชวัง
เกี่ยวกับทิศ                  ได้แก่   อิสาน
เกี่ยวกับแร่ธาตุ                        ได้แก่   ทองคำ
เกี่ยวกับสี                     ได้แก่   แดง
เกี่ยวกับรส                   ได้แก่   เผ็ดร้อน
เกี่ยวกับพืชผักผลไม้    ได้แก่   ผลไม้ที่มีเปลือกแข็งทุกชนิด เช่น มะพร้าว อินทผาลัม
เกี่ยวกับอาหารการกิน ได้แก่   อาหารที่มีรสจัด เผ็ดร้อน
๒. ดาวจันทร์ ธาตุดิน มีกำลัง ๑๕
แสดงให้เห็นถึงความอ่อนโยน ความสวยงาม ความคิดฝัน ความอ่อนไหว ความใจอ่อนดังหญิง ความเปลี่ยนแปลงง่าย ความมีจริตมายา ความมีเสน่ห์นิยม
เกี่ยวกับบุคคล             ได้แก่   สตรีที่มีบรรดาศักดิ์ นางพยาบาล แม่บ้าน ผู้ปกครองหญิง
เกี่ยวกับรูปพรรณ        ได้แก่   ขาวเหลือง ร่างน้อย แก้มใหญ่
เกี่ยวกับอวัยวะ                        ได้แก่   กระเพาะอาหาร ต่อมต่างๆ น้ำเหลือง
น้ำลาย ระบบขับถ่าย  ไต-ดี
เกี่ยวกับเพศ                 ได้แก่   หญิง
เกี่ยวกับเชื้อชาติ           ได้แก่   จีน เกาหลี ญี่ปุ่น เวียดนาม
เกี่ยวกับสถานที่           ได้แก่   แม่น้ำ ท่าเรือ ท่ารถ ท่าขนส่ง
ยวดยานพาหนะ ต่างประเทศ  การบริการทุกชนิด
เกี่ยวกับทิศ                  ได้แก่   บูรพา (ตะวันออก)
เกี่ยวกับแร่ธาตุ                        ได้แก่   เพชรพลอย เครื่องประดับที่มีสีขาว
เกี่ยวกับสี                     ได้แก่   ขาวนวล
เกี่ยวกับรส                   ได้แก่   เค็ม
เกี่ยวกับพืชผักผลไม้    ได้แก่   มะเขือ มะเฟือง มะไฟ มะตูม มังคุด กล้วย อ้อย
พริก    น้ำตาล ผักกาดขาว ผักกาดเขียว
เกี่ยวกับอาหารการกิน ได้แก่   อาหารที่เป็นน้ำทุกชนิด
๓. ดาวอังคาร ธาตุลม มีกำลัง ๘
แสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็ง ใจร้อนใจเร็ว เป็นนักต่อสู้ มุทะลุฉุนเฉียว ใจกล้า ใครชักพาไปข้างดีก็ได้ข้างร้ายก็เอา
เกี่ยวกับบุคคล             ได้แก่   ทหาร ตำรวจ ช่างทำอาวุธ ช่างตัดผม เกี่ยวกับ    
                                                ครื่องจักรกล แพทย์ผ่าตัด แพทย์ทำฟัน นักเคมี คนฆ่าสัตว์
เกี่ยวกับรูปพรรณ        ได้แก่   ดำแดง หน้ากระดูก ผมหยิกหยักศก เวลาเดินมักก้มหน้า
เกี่ยวกับอวัยวะ                        ได้แก่   หน้าผาก จมูก กล้ามเนื้อ เอ็น อวัยวะสืบพันธุ์
ฝี-แผล การแตกหักตลอดถึงการเจ็บปวด อาการทรมานต่างๆ
เกี่ยวกับเพศ                 ได้แก่   ชาย
เกี่ยวกับเชื้อชาติ           ได้แก่   เยอรมัน
เกี่ยวกับสถานที่           ได้แก่   ค่ายทหาร โรงฝึกอาวุธ โรงฆ่าสัตว์ ที่ประหาร
สถานที่ไม่ได้สัดส่วน สถานที่ต่างระดับ
เกี่ยวกับทิศ                  ได้แก่   อาคเนย์(ตะวันออกเฉียงใต้)
เกี่ยวกับแร่ธาตุ                        ได้แก่   เหล็ก
เกี่ยวกับสี                     ได้แก่   ชมพู
เกี่ยวกับรส                   ได้แก่   ขม
เกี่ยวกับพืชผักผลไม้    ได้แก่   พุทรา ฝักบัว ข้าวเปลือก ข้าวสาร งาขาว งาดำ
กระเจี๊ยบ น้ำมันพืช
เกี่ยวกับอาหารการกิน ได้แก่   อาหารที่มีก้าง หรือที่มีรสขม
๔. ดาวพุธ ธาตุน้ำ มีกำลัง ๑๗
แสดงให้เห็นถึงกิริยามารยาทอันงดงาม พูดจาเฉียบแหลม ความจำดี มีปฏิภาณลึกซึ้ง สนใจในการศึกษา ฉลาดในการที่จะกินจะอยู่
เกี่ยวกับบุคคล             ได้แก่   นักประพันธ์ นักพูด นักบัญชี  ครู อาจารย์
นักประชาสัมพันธ์ นักหนังสือพิมพ์ พนักงานสื่อสาร
เกี่ยวกับรูปพรรณ        ได้แก่   สันทัด ดำแดง หน้ามน เนื้ออวบอั่น
เกี่ยวกับอวัยวะ                        ได้แก่   ปอด หลอดลม ปาก ฟัน มันสมอง ลำไส้
หู-เสียง ประสาททั้งหลาย
เกี่ยวกับเพศ                 ได้แก่   กลางๆ ชาย และ หญิง
เกี่ยวกับเชื้อชาติ           ได้แก่   อิรัก อิหร่าน ลาว
เกี่ยวกับสถานที่           ได้แก่   โรงพิมพ์ โรงเรียน วิทยาลัย
เกี่ยวกับทิศ                  ได้แก่   ทักษิณ(ใต้)
เกี่ยวกับแร่ธาตุ                        ได้แก่   ปรอท
เกี่ยวกับสี                     ได้แก่   เขียวใบไม้
เกี่ยวกับรส                   ได้แก่   รสรวม
เกี่ยวกับพืชผักผลไม้    ได้แก่   ฟักเขียว ฟักทอง บวบ น้ำเต้า มะระ แตงโม แตงกวา ลำไย
เกี่ยวกับอาหารการกิน ได้แก่   อาหารที่เป็นเส้น  
๕. ดาวพฤหัสบดี  ธาตุดิน มีกำลัง ๑๙
แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้มีเมตตา เผื่อแผ่ ความบริสุทธิ์ยุติธรรม ความเลื่อมใสในศาสนา ความรอบรู้ศิลปวิทยาทั้งมวล ความเป็นสมณชีพราหมณ์ โหราศาสตร์ จิตศาสตร์ แพทย์ศาสตร์
เกี่ยวกับบุคคล             ได้แก่   นักบวช นักสอนศาสนา แพทย์ ผู้พิพากษา
นักศึกษา ทนายความ ครู อาจารย์
เกี่ยวกับรูปพรรณ        ได้แก่   ขาวต่ำ หน้าผากกว้าง ผมบาง พูดจาเฉียบแหลม
เกี่ยวกับอวัยวะ                        ได้แก่   สาติปํญญา หัวใจ(ลมหายใจ) ระบบการย่อยอาหาร    
เกี่ยวกับเพศ                 ได้แก่  ชาย
เกี่ยวกับเชื้อชาติ           ได้แก่   อเมริกัน แคนาดา ออสเตรเลีย
เกี่ยวกับสถานที่           ได้แก่   มหาวิทยาลัย  ศาลสถิตยุติธรรม โบสถ์ เทวสถาน
เกี่ยวกับทิศ                  ได้แก่   ประจิม (ตก)
เกี่ยวกับแร่ธาตุ                        ได้แก่   สังกะสี
เกี่ยวกับสี                     ได้แก่   เหลืองแก่
เกี่ยวกับรส                   ได้แก่   รสหวาน
เกี่ยวกับพืชผักผลไม้    ได้แก่   ต้นฝ้าย ต้นยา ต้นหมาก ต้นไม้ที่เป็นยาทุกชนิด
เกี่ยวกับอาหารการกิน ได้แก่   อาหารที่มีรสหวาน
๖.ดาวศุกร์ ธาตุน้ำ มีกำลัง ๒๑
แสดงถึงความรักศิลปทั้งหลาย ความสนใจในบทกลอน ความรักในดนตรี เสียงเพลง
งานบันเทิงเริงรมย์ทุกชนิด ความยินดีในโลภเจตนา ความหมกมุ่นในกามารมณ์ ความมีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม การเงิน การะธนาคาร
เกี่ยวกับบุคคล             ได้แก่   นักร้อง นักดนตรี นักแสดง ช่างเย็บปักถักร้อย
ช่างวาดเขียน ช่างเสริมสวย นายธนาคาร        
เกี่ยวกับรูปพรรณ        ได้แก่   ขาวสูงท้วม หน้าแป้น
เกี่ยวกับอวัยวะ                        ได้แก่   ส่วนประกอบของอวัยวะสืบพันธุ์ มดลูก
กระเพาะปัสสาวะ คอ หลอดลม         
เกี่ยวกับเพศ                 ได้แก่  หญิง
เกี่ยวกับเชื้อชาติ           ได้แก่   ไทย ฝรั่งเศส อิตาลี สวิสเซอร์แลนด์
เกี่ยวกับสถานที่           ได้แก่   สถานที่บันเทิงทุกชนิด ห้องนอน
            สถานที่ติดต่อในเรื่องความรัก กามารมณ์ ธนาคาร
เกี่ยวกับทิศ                  ได้แก่   อุดร(เหนือ)
เกี่ยวกับแร่ธาตุ                        ได้แก่   ทองแดง
เกี่ยวกับสี                     ได้แก่   ฟ้า หรือ คราม
เกี่ยวกับรส                   ได้แก่   ฝาด
เกี่ยวกับพืชผักผลไม้    ได้แก่   ส้มเกลี้ยง ส้มโอ ส้มเขียวหวาน
ผลไม้ที่ผ่ากลางเป็นรัศมีทุกชนิด
เกี่ยวกับอาหารการกิน ได้แก่   อาหารที่ผสมด้วยกะทิ ผสมนม
๗. ดาวเสาร์ ธาตุไฟ มีกำลัง ๑๐
แสดงให้เห็นถึงความทุกข์ร้อน ครุ่นคิด ความตระหนี่ถี่เหนียว ความหวาดระแวง ความเห็นแก่ตัว ความอิจฉาริษยา ความอาฆาตพยาบาท ความดุดันพาลเกเร ความลี้ลับ ความพลัดพรากจากจร ความรักอิสรภาพ การกสิกรรมทุกชนิด
เกี่ยวกับบุคคล             ได้แก่   ชาวนา ชาวสวน กรรมกรช่างก่อสร้าง
ผู้คุมนักโทษ สัปเหร่อ 
เกี่ยวกับรูปพรรณ        ได้แก่   สูงใหญ่ ผอมสูง ฟันงุ้ม มือเท้าใหญ่
เกี่ยวกับอวัยวะ                        ได้แก่   กระดูก ข้อทั้งหลาย ตับ ม้าม เส้นประสาท
การง่วงเหงาเศร้าซึม
เกี่ยวกับเพศ                 ได้แก่  ชาย
เกี่ยวกับเชื้อชาติ           ได้แก่   แขก ซาอุ อินเดีย
เกี่ยวกับสถานที่           ได้แก่   ที่ทิ้งขยะมูลฝอย
เกี่ยวกับทิศ                  ได้แก่   หรดี (ตะวันตกเฉียงใต้)
เกี่ยวกับแร่ธาตุ                        ได้แก่   ตะกั่ว
เกี่ยวกับสี                     ได้แก่   ดำ น้ำเงินเข้ม
เกี่ยวกับรส                   ได้แก่   เปรี้ยว
เกี่ยวกับพืชผักผลไม้    ได้แก่   ทุเรียน น้อยหน่า ขนุน มะนาว ขี้เหล็ก มะกรูด
สะเดา ผักขมทุกชนิด
เกี่ยวกับอาหารการกิน ได้แก่   ของหมักดองทุกชนิด ของที่มีกระดูก
หมูทอดกระเทียมพริกไทย
๘. ดาวราหู ธาตุลม มีกำลัง ๑๒
แสดงให้เห็นถึงความมัวเมาทุกชนิด การพริกแพลงด้วยเล่ห์เหลี่ยม ความถือดีดื้อดึง เจ้าอารมณ์
เกี่ยวกับบุคคล             ได้แก่   พวกที่ผิดกฏหมาย ผิดศีลธรรมประเพณีทุกชนิด 
นักเลงอบายมุขทุกชนิด          
เกี่ยวกับรูปพรรณ        ได้แก่   อ้วนเตี้ย ลงพุง ปากกว้าง ผมบาง หรือหัวล้าน
เกี่ยวกับอวัยวะ                        ได้แก่   ตับ ม้าม
เกี่ยวกับเพศ                 ได้แก่  ชาย
เกี่ยวกับเชื้อชาติ           ได้แก่   เอเซีย จีน
เกี่ยวกับสถานที่           ได้แก่   แหล่งอบายมุขทุกชนิด สถานที่ผิดกฏหมายศีลธรรม
เกี่ยวกับทิศ                  ได้แก่   พายัพ (ตะวันตกเฉียงเหนือ)
เกี่ยวกับแร่ธาตุ                        ได้แก่   ทองสัมฤทธิ์ (ดำสลัว)
เกี่ยวกับสี                     ได้แก่   ทองสัมฤทธิ์ (ดำสลัว)
เกี่ยวกับรส                   ได้แก่   มึนเมาทุกชนิด
เกี่ยวกับพืชผักผลไม้    ได้แก่   ต้นฝิ่น กัญชา มะเขือบ้า ต้นไม้ตายพราย ตายซาก
ต้นไม้ที่มีพิษทุกชนิด
เกี่ยวกับอาหารการกิน ได้แก่   ของหมักดอง ของมึนเมาทุกชนิด

๙. เกตุ
อายุยืน ทาย เกตุ เห็น๙ ให้นึกถึงกรรมเก่า สิ่งที่ไม่แน่นอน ต่างประเทศ หรือชายแดน สัทธิ ศาสนา เขตแดน ถิ่นทุรกันดาร
๐. เป็นสิ่งลึกลับ ความตาย สิ่งที่เกิดโดยไม่คาดฝัน อาถรรพ์ วิชาโหราศาสตร์ การค้นคว้า ทดลองทางวิทยาศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์



พระเคราะห์กำชะตา ฐานที่๔
๓. อังคารเล็ก  ความว่องไว อุบัติเหตุ  ผ่าตัด การจับกุม เสียหายเพราะอุบัติเหตุ
๔. พุธเล็ก ความเชื่อง่าย ถูกหลอกลวง การเพ้อฝัน หย่อนเหตุผล แพ้คดี
๕. พฤหัสบดี เล็ก ความศรัทธา  การศึกษา การพิพากษา การมีศีลธรรม







           
                   กำลังพระอาทิตย์
เดิม  หมายถึง ความดีเด่น ความมีพลัง การกระจายแสง การมีอำนาจ ทิษฐิมานะมาก ความมักใหญ่ใฝ่สูง การมีโทสะจริตสูง
จร  ความตั้งใจ ได้ชื่อเสียงเกียรติยศ ได้รับการยกย่อง

                  กำลังพระเสาร์เล็ก
ความอดทน  ความเสื่อมโทรม การทำลายล้าง การเปลี่ยนแปลงที่ช้ามาก คดีความ โรคเรื้อรัง รื่องร้ายที่เรื้อรัง ถูกคุมขัง

                  กำลังพระอังคาร
เดิม  หมายถึง ความกล้า ความขยัน ความแข็งแกร่ง เดช อำนาจ
จร  หงุดหงิดไม่มีสาเหตุ ถูกอาวุธ ถูกลูกกระสุน แผลผ่าตัด อุบัติเหตุ
                   พระเกตุ
เดิม  หมายถึง ญาณหยั่งรู้ นักบวช มรดก การแคล้วคลาด สัญชาติญาณ โหราศาสตร์ การเข้าเจ้าเข้าทรง  สิ่งของพระราชทาน ต่างประเทศ(ยุโรป) ของเก่า โบราณ สถานที่ไกล ชายแดน ทุรกันดาร เนินเขา
จร  การได้ลาภแบบไม่คาดฝัน ได้มรดก ได้แบบสะสม ได้ชัยชนะในการทำงาน การแหวกแนว ได้เกียรตินิยม
๑๐              กำลังพระเสาร์
เดิม  หมายถึง ความมานะ ความอดทน ความลำบาก การเปลี่ยนแปลงจากดีเป็นร้าย ถ้าเสาร์ตั้งอยู่บนฐานที่ดี ไม่สัมพันธ์เรือนเสีย คือ การมีที่ดินมาก
จร  เกษตรกรรม อุตสาหกรรม ความสูญเสีย ภัยธรรมชาติ ไฟไหม้ อุบัติเหตุ การถูกจับ บาดเจ็บหรือกระดูกแตก  การทหาร
๑๑              ราชาโชค
เดิม  บารมี ความสะดวกสบายได้ดีเพราะคนอื่น พ่อแม่ไม่ใคร่ได้เลี้ยงดู หรือยกให้คนอื่น  เรื่องที่ถูกยัดเยียดให้โดยไม่คาดฝัน ทั้งดีและร้าย ชอบงานอิสระ เป็นข้าราชการได้ทุกหน่วยงาน
จร  ได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง เพราะผู้ใหญ่ขอให้เอง  ได้แบบยัดเยียด ได้รับการสนับสนุน มีผลดีในการติดต่อขอร้อง ได้งานโดยไม่ต้องประมูลแข่งขัน
๑๒             กำลังพระราหู
เดิม  ความเป็นนักเลง การพัฒนาการสิ่งใหม่ๆ การพนัน สิ่งแปลกปลอม คนต่างชาติ(เอเซีย)  สิ่งผิดกฏหมาย  การหลบภาษี ความหลงไหลในอบายมุข
จร  การปราบปราม สถานเริงรมย์ยามค่ำคืน  สนามบิน ภาษี
๑๓             มหาอุจน์
เดิม  วาสนา มีความรู้ความสามารถ  ให้คุณทางตำแหน่งหน้าที่การงาน ทำงานในตำแหน่งหัวหน้า /ผู้จัดการ ความสามารถในการแข่งขัน
จร  ได้เลื่อนตำแหน่งเพราะความสามารถ สามารถชนะการแข่งขันต่างๆ
๑๔             จักรพรรดิ์
เดิม  เกียรติ ได้รับการแต่งตั้งตามสิทธิที่ควรได้ นักปกครอง นักสอนศาสนา
จร  ได้เลื่อนขั้นตามศักดิ์  ตามสามี  ได้ตำแหน่งกิตติมาศักดิ์
๑๕             กำลังพระจันทร์
เดิม  การสังคม การบริการทุกชนิด งานสังคมสงเคราะห์ การปกครองภายใน
จร  มีผลดีทางการวิจัย  การประมง การขนส่งทุกๆ ทาง การบริการประชาชน กิจการเกี่ยวกับเด็กและสตรี กิจการเกี่ยวกับทางน้ำ
๑๖              โสฬส
เดิม  หมายถึง ทรัพย์ มรดก  โชคลาภ  การเงินจำนวนมาก ความสุขสบาย ได้มาอย่างไม่ต้องดิ้นรน พื้นฐานกำเนิดดี เป็นคนไม่ชอบงานหนัก คนเรื่องมากเจ้ายศเจ้าอย่าง  คิดวางแผนแต่เรื่องใหญ่ๆ
จร  ได้รับความสำเร็จโดยง่าย ได้ หรือ เสียจำนวนมากๆ
๑๗             กำลังพระพุธ
เดิม  การคิดอ่าน รู้จังหวะและโอกาสอันควร สมองกล สมองดี แก้ไขปัญหาเฉพาะได้ดี
จร  ความสำเร็จทางการพูด หรือเอกสารสัญญา การฑูต การพาณิชย์  การติดต่อสื่อสารทุกประเภท
๑๘             มหาจักรพรรดิ์                                                                                                       เดิม  หมายถึง การปฏิวัติ  การยึดครอง การช่วงชิงสิทธิ มีผลดีในการใช้อำนาจ การติดต่อแบบเผด็จการ การสะสางปรับเปลี่ยน
จร  ประสบชัยชนะในการติดต่อ การจัดตั้ง การกวาดล้าง การปฏิรูบระบบ
๑๙              กำลังพระพฤหัสบดี
เดิม  หมายถึง การศึกษา ความรอบรู้ การเป็นที่ปรึกษา  การศึกษาระดับสูง
จร  การใช้ไหวพริบ การแก้ไขปัญหาสำเร็จ  มีผลดีทางการศึกษาวิจัย ได้ตำแหน่งทางการศึกษา  ได้เป็นที่ปรึกษา
๒๐             พระเสาร์กำลังสอง
เดิม  หมายถึง ความผันผวน มีเหตุร้ายที่ไม่คาดคิด โชคชะตาไม่แน่นอน  การเนรเทศ การฆ่าตัวตาย  มีผลกระทบรุนแรง
จร  เกิดรื่องไม่คาดฝัน ต้องเดินทางไปในลักษณะลี้ภัย  การถูกยึดทรัพย์  เนรเทศ ฆ่าตัวตาย  มีผลกระทบรุนแรง ให้คุณและโทษเป็นสองเท่าของ๑๐
๒๑             กำลังพระศุกร์
เดิม  หมายถึง ศิลปะ ศิลปินทุกสาขา การเงิน การคลัง สิ่งสำเร็จรูปทุกชนิด
จร  ความสำเร็จที่จะได้รับในการเป็นศิลปิน ทางการเงิน ทางธนาคาร



ตำราพยากรณ์

เลข ๗ ตัว ฐาน ๙
ตำราเศษพระจอมเกล้า

ใช้ดูฤกษ์ออกรถ แต่งงาน เปิดป้าย เปิดบริษัท รับคนเข้าทำงาน
วิธีหาเศษ
ให้เอาวัน เดือน ปี ทางจันทรคติ บวกเข้าด้วยกัน บวกได้เท่าไรถ้าเกิน๑๐ ก็เอา ๑๐ ลบ จนเหลือเศษไม่เกิน ๑๐ นำเศษไปหาคำทำนาย
เกิด ศุกร์ เดือน๘ ปีมะแม
๖+๘+๘  = ๒๒ -๑๐-๑๐ =
เศษ  ๑ เสาเรือนไหม้ไฟ           ชะตาใครทั้งชายหญิง
ไร้เรือนที่พักพิง                                   ที่พึ่งพักสำนักเนา
        จะเร่ร่อนระเหระหน                เร่งเจียมตนอย่าดูเบา
เพราะว่าชะตาเรา                                 โทษประกอบจึงเกิดกรรม
            เศษ ๒ จะครองไข้                   มีโรคร้ายรับประจำ
หยูกยาจะหาทำ                                    บ่ถูกแท้จนแก่ตัว
            เศษ ๓ ความสบาย                   มีข้าควายและเกวียนวัว
พอสมสกุลตัว                                      เข้าที่ทายสถานกลาง
            เศษ ๔ มีข้าครอก                     อเนกนอกคณานาง
อุปถัมภ์ล้ำสำอาง                                 บ่ไข้ชุกบ่ทุกข์เป็น
            เศษ ๕ ชะตากลับ                    ทุนทรัพย์แลแสนเข็น
ภายหลังชะตาเป็น                               ทุนทรัพย์จะนับพัน
            เศษ ๖ จะยกญาติ                     เป็นเชื้อชาติประเสริฐสรรพ์
เงินตรายศถาพลัน                                ทุนทรัพย์ลำดับมี
            เศษ ๗ นั้นผ้าขาด                     จะนุ่งห่มก็เต็มที
พักตราผอมราศี                                    ระคายดับทั้งทรัพย์สิ้น
            เศษ ๘ นั้นเปรื่องยศ                 จะปรากฎกระเดื่องดิน
ทรัพย์ศฤงคารสถานถิ่น                       ทั้งอำนาจและวาสนา
            เศษ ๙ กินข้าวกลางตลาด        เสมอชาติสุนัขา
ถึงจะมีวาสนา                                      ต้องประกอบการงาน
            แม้นตระกูลทลิทก                  ถึงต่ำตกก็บ่นาน
ดังนักเลงสุราบาน                               พอขวนขวายใส่ท้องตน
            เศษ ๑๐ เหมือนนกแขกเต้า      ทำรวงรังระวังฝน
แสวงดีย่อมมีผล                                   อย่าคลอเคล้ากับเหล่าพาล
            เหมือนปักษีอันมีปีก                รู้หลบหลีกธนูพราน
ถ้าประมาทจะเสียการ                          จะชอกช้ำระกำกาย


ตัวอย่าง
ตั้งใจออกรถ เดือน๑๐ ปีวอก ( ๒๕๔๗)
วันที่ต้องการรู้             ๑          ๒         ๓         ๔         ๕         ๖          ๗
เดือนสิบ                      ๑๐       ๑๐       ๑๐       ๑๐       ๑๐       ๑๐       ๑๐
ปีวอก                          ๙          ๙          ๙          ๙          ๙          ๙          ๙
ผลบวก                                    ๒๐      ๒๑      ๒๒      ๒๓      ๒๔      ๒๕      ๒๖
เอา๑๐ลบหาเศษ          ๑๐       ๑          ๒                           ๕        
ดี ๓ วัน คือ พุธ(๓) พฤหัสบดี(๔) และวันเสาร์เศษ ๖

สมมุติเลือกวันพฤหัสบดี โดยวันพฤหัสบดีไม่เป็นกาลกิณีกับเจ้าพิธี ก็ต้องมา หายามหรือเวลาดี โดยเลข๗ตัว
วันพฤหัสบดี               ๕         ๖          ๗         ๑          ๒                  ๔        
เดือนสิบ(10-7)                      ๔         ๕         ๖          ๗         ๑          ๒
ปีวอก(9-7)                   ๒                  ๔         ๕         ๖          ๗         ๑         
ผลบวกฐานที่สี่                        ๑๐       ๑๓       ๑๖       ๑๒      ๑๕      ๑๑       ๗
ยาม๓ ภุมมะนั้นดียามปลาย ( ๐๗๓๐-๐๘๐๐ต้น, ๐๘๐๐-๐๘๓๐กลาง, ๐๘๓๐-๐๙๐๐ปลาย) อังคารอวสาน พิเภกขุนมาร สำราญฤาทัย ได้เฝ้ารามลักษณ์ ชักชวนเอาไว้เป็นโหราใหญ่ ในองค์อวตาร ยามนี้ดีล้น กอบกิจใดดล เกิดผลเหลือประมาณ สำเร็จดุจคิด ใจจิตชื่นบาน กุมโอโอฬาร ประทานสารพรรณ
ยามดีๆ
๑.    อาทิตย์ ตัวกลาง ยกศรได้นาง สมปรารถนา ทรงอภิเศก เอกองค์สีดา เป็นพระภรรดา รามามีชัย  ยามนี้ดีเลิศ เดินทางประเสริฐ ทั่วทุกทิศไป เกิดลาภสักการ ชื่นบานฤาทัยมุ่งหมายใดได้ ดังเจตจำนงค์
๒.   ยามจันทร์ ตัวกลาง ได้ไพร่พลพรางมุ่งล้างยักษี ชมภูขีดขิน ทวยสิ้นยินดี จองมรรคีข้ามมหาสมุททัย  ยามนี้ดีนัก จะประเสริฐศักดิ์ เรืองฤทธิอิทธิไกร ยาตรามีผล ผจญมีชัย กิจการใดๆ ชื่นชมสมพร
๓.   อังคารอวสาน พิเภกขุนมาร สำราญฤาทัย ได้เฝ้ารามลักษณ์ ชักชวนเอาไว้เป็นโหราใหญ่ ในองค์อวตาร ยามนี้ดีล้น กอบกิจใดดล เกิดผลเหลือประมาณ สำเร็จดุจคิด ใจจิตชื่นบาน กุมโอโอฬาร ประทานสารพรรณ
๔.   พุธตัวกลางนั้น หณุมานแข็งขัน รับอาสาไป เก็บสังกรณีและตรีชะวา มาประกอบยารักษาทันใด พระลักษณ์กลับพื้น ชีพคืนดังใจ ยกทัพกลับไป หมดภัยภูบาล ยามนี้สมมาตร์ สำเร็จเด็ดขาด ผ่องพ้นภัยพาล เข้าหาผู้ใหญ่ได้ลาภสักการ ไปจากสถาน สำราญมากมี                                                                                 พุธตัวปลายได้เมื่อหนุมานทหารตัวดี ได้พระราชทานรางวัลมากมี สมตามศักดิ์ศรีที่ได้อาสา ยามนี้เหมาะสม ล้วนสิ่งพึงชม สมหวังมีมา จะทำสิ่งใด ได้ดังจินตนา ปรากฏยศฐายาตรามีชัย
๕.   พฤหัสบดี ตัวต้น พระรามฤทธิรณ ผลานยักษ์บรรลัย  กุมภกรรฐ์มอดม้วยด้วยศิลป์ศรชัย อง์พระภูวนัย  เกษมเปรมปรีดิ์  ยามนี้สุขา แม้นได้ยาตรา ลาภผลพึงมีศัตรูหมู่มารห่อนรานราวี ยามกษัตริย์ว่าดีนักหนา
๖.    ยามศุกร์อวสาน ได้เมื่อหณุมาน อาสานารยณ์ ได้แต่งเครื่องต้น อำพนเฉิดฉายลวงราพร้าย มุ่งหมายชีวัน ยามนี้มีลาภ ไม่ยุ่งไม่หยาบ ได้ลาภครามครัน ยาตรายาดี มีผู้ป้องกัน สาระพัดสิ่งสรรค์ สมมาตร์ปรารถนา
๗.   เสาร์ตัวกลางนั้น พิเภกกุมภัณฑ์ได้รางวัลไทย ขนครอบครองเมือง รุ่งเรืองยศไกร คลายทุกข์สุขใจ อยู่ในลงกา ยามนี้ดีไซร้ จะทำสิ่งใด สมดังเจตนา ออกจากที่ไป ได้ลาภเงินตราตามเลศเศษสา สวัสดีมีชัย
เสาร์อวสาน สีดานงคราญ พ้นมารประลัย พระรามรับกลับ เลิกทัพเกรียงไกร
คืนสู่เวียงชัย เป็นสุขสถาพร ยามนี้ปรีดิ์เปรม แสนสุขเกษม เอมอิ่มอุทร ฤกษ์เร่งยาตรา อย่าได้นิ่งนอน พ้นภัยรานรอน ลาภนั้นพันทวี
สรุปยามดี
ยามอาทิตย์ ยามจันทร์ ดีตัวกลาง         ยามอังคาร ยามศุกร์     ดีตัวท้าย
ยามพฤหัสบดี              ดีตัวต้น            ยามพุธ            ยามเสาร์          กลางกับท้าย


กาลโยคไทย
เลขท้าย พศ สามตัวหลัง หารด้วย ๗ หรือ
จศ หารด้วย ๗
โลกาวินาศ                  ธงชัย               อธิบดี              อุบาทว์
                      ๖                      ๖                      ๕         2552
                      ๒                     ๗                     ๑          2553
                      ๕                     ๑                      ๔         2554
                      ๑                      ๒                     ๗         2555
                      ๔                     ๓                     ๓         2556
                      ๗                     ๔                     ๖          2557
                      ๓                     ๕                     ๒         2557

วันธงชัย          หมายความถึง             วันชัยชนะ
วันอธิบดี         หมายความถึง             วันแห่งความเป็นใหญ่
วันอุบาทว์       หมายความถึง             วันอัปมงคลชั่วร้าย
วันโลกาวินาศ  หมายความถึง             วันอันตรายสูญสิ้น



มหาทักษาพยากรณ์



ทักษาจร 44

ศรี
มูละ
อุตสาหะ
เดช

มนตรี
อายุ
บริวาร
กาลกิณี


กาลโยคพม่า

ราชา
อธิบดี
ธงชัย


ขุมทรัพย์

มรณะ
โลกาวินาศ
อุบาทว์















ทักษาพระเคราะห์ทั้ง ๘ ภูมิ
           
ดาวอาทิตย์ (๑)                                    ดาวจันทร์ (๒)                                     ดาวอังคาร (๓)

                                                      
             (๖ ปี)                                             (๑๕ ปี)                                  (๘ปี)

ดาวศุกร์ (๖)                                                                                ดาวพุธ (๔)


(๒๑ ปี)                                                                                                 (๑๗ ปี)


ดาวราหู (๘)                             ดาวพฤหัสบดี(๕)                                ดาวเสาร์(๗
(๑๒ ปี)                                                 (๑๙ ปี)                                    (๑๐ ปี)






ปีธาตุ
ปีชวด              ธาตุน้ำ
ปีฉลู                ธาตุดิน
ปีขาล               ธาตุไม้
ปีเถาะ              ธาตุไม้
ปีมะโรง           ธาตุทอง
ปีมะเส็ง           ธาตุไฟ
ปีมะเมีย           ธาตุไฟ
ปีมะแม            ธาตุทอง
ปีวอก              ธาตุเหล็ก
ปีระกา             ธาตุเหล็ก
ปีจอ                 ธาตุดิน
ปีกุน                ธาตุน้ำ

พระอาอิตย์๑                            พระจันทร์ ๒               พระอังคาร
ทิศอิสาน(อ/น)                         ทิศบูรพา(ออก)            ทิศอาคเนย์(อ/ต)
แดง                                         ขาวนวล                      ชมพู
ทับทิม                                     มุกดา ไข่มุก                โกเมน
สระทุกตัว และ อ                    ก ข ค ฆ ง                    จ ฉ ช ซ ฌ ญ
พระปางถวายเนตร                  ปางห้ามญาติ               ปางไสยาสน์
-----------------------------+-----------------------------+-----------------------------+
พระศุกร์ ๖                                                                   พระพุธ
ทิศอุดร            (เหนือ)                                                             ทิศทักษิณ(ใต้)
ฟ้า น้ำเงิน                                              เขียว
เพชร                                                   มรกต
ศ ษ ส ห ฬ ฮ                                           ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ
ปางรำพึง                                                                     พระปางอุ้มบาตร
-----------------------------+-----------------------------+-----------------------------+
พระราหู ๘                               พระพฤหัสบดี ๕         พระเสาร์ ๗
ทิศพายัพ(ต/น)                         ทิศประจิม(ตก)            ทิศหรดี(ต/ต)
เทา ดำ                                     เหลืองส้ม ทอง             ดำ ม่วงเข้ม
โป่งข่าม                                   บุศราคัม                      นิล
ย ร ล ว                                                บ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม         ด ต ถ ท ธ น
ปางป่าเลไลยก์                         ปางสมาธิ                     ปางนาคปรก









ความหมายของภูมิทักษา
บริวาร             หมายถึง           คนใกล้ชิด บริวาร คู่ครอง บุตรธิดา ตัวตนของเจ้าชะตา
อายุ                  หมายถึง           การดำรงชีวิตประจำวัน สุขภาพ ความเจ็บป่วย
เดช                  หมายถึง           ยศศักดิ์ ตำแหน่ง อำนาจวาสนาบารมี สิ่งที่สามารถทำได้
ศรี                    หมายถึง           สิ่งที่ดีงาม โชคลาภ ความเจริญ ความสำเร็จ สิ่งที่ได้
มูละ                 หมายถึง           ที่อยู่อาศัย ของเก่าแก่ มรดก ความมั่นคง หลักฐานสมบัติ
อุตสาหะ          หมายถึง           ความพยายาม ความบากบั่น ความมุ่งหมาย การงาน
มนตรี              หมายถึง           ผู้ให้ความอุปการะ ที่พึ่ง ผู้บังคับบัญชา ผู้อาวุโส
กาลี                 หมายถึง           ความอาภัพ ทุกข์โศก โรคภัย ความล่มจม อุปสรรค       ความชั่         วร้าย ความสูญเสีย






คู่ธาตุ
ไฟลุกโชน
ดินร่วนซุย
ลมกรด
น้ำฝน

น้ำขุ่น
ลมธรรมชาติ
ดินแข็ง
ไฟสุมขอน

สีประจำวันเกิดตามลำดับทักษา
แดงเข้ม
แดงอ่อน
เหลืองอ่อน
ขาว
ชมพู
เลือดนก
ฟ้า
น้ำเงิน

เขียวเข้ม
เขียวอ่อน
เทาเข้ม
เทาอ่อน
เหลืองแก่
แสด
ดำ
ม่วง





ดาวคู่มิตร

อาทิตย์เป็นมิตรกับครู              ๑
จันทร์โฉมตรูคู่พุธนงเยาว์        ๒
ศุกร์ปากหวานอังคารรับเอา     ๖
ราหูกับเสาร์เป็นมิตรต่อกัน      ๘
ดาวคู่ศัตรู
อาทิตย์ ผิดอังคาร                     ๑ x
พุธอันธพาลวิวาทราหู             ๔ x
ศุกร์กับเสาร์เป็นเสี้ยนศัตรู       ๖ x
จันทร์กับครูเป็นอริต่อกัน        ๒ x
ดาวคู่ศัตรูน้อย
อาทิตย์ เป็นศัตรูขู่เข็นเสาร์ (เฉพาะอาทิตย์เสีย)            ๑ x
จันเทาแค้นครูคู่มัวหมอง(ดาวใดดาวด๑เสีย)               ๒ x
อังคาร กวนอาทิตย์ พุธ สุดประคอง                            ๓ x x
พุธต้องราหูศัตรูกัน                                                      ๔ x
เสาร์ร้ายต่อจันทร์อังคารพาลจะยุ่ง                               ๗ x x
ครูมุ่งเสาร์ ราหู คู่แข่งขัน                                             ๕ x x
ราหูจู่เข้ากุมอาทิตย์จันทร์( จ.เสีย) อังคาร                    ๘ x x x
ดาวเด่น ดาวเสีย
ศุกร์นั้นชาติเวรเกณฑ์เสาร์ ราหู เอย                             ๖ x x

ดาวอาทิตย์ (๑)
ข้อเด่น             รักเกียรติ ทะเยอทะยาน มีความรับผิดชอบดี เฉลียวฉลาด มียศ
มีตำแหน่ง มีอำนาจวาสนาดี
ข้อเสีย              ถือตัว หัวสูง ยกตนข่มท่าน เลือกงาน ยศ ตำแหน่งไม่ก้าวไกล
มักได้รับทุกข์ลำบากใจเพราะผู้อื่น
ดาวจันทร์ (๒)
ข้อเด่น             อ่อนโยน อ่อนหวาน มีเสน่ห์ เรียบร้อย รักสวยรักงาม
มีความเมตตาปราณี
ข้อเสีย              เจ้าอารมณ์ จิตใจโลเล ไม่เรียบร้อย แข็งกระด้างไม่รู้จักเอาใจคน
ดาวอังคาร (๓)
ข้อเด่น             ขยันขันแข็ง กล้าหาญ จริงจัง ชอบการแข่งขัน รักการต่อสู้
ข้อเสีย              เกียจคร้าน ทุทะลุดุดัน ดื้อรั้น หยาบคาย ใจร้อน ใจเร็ว
ชอบหาเรื่องวิวาท เอารัดเอาเปรียบ
ดาวพุธ (๔)
ข้อเด่น             มีกิริยามารยาทงดงาม ช่างคิด ช่างพูดชอบศึกษาหาความรู้
มีไหวพริบปฏิภาณดี ถนัดในการวางแผนงาน ชำนาญในการค้าการขาย
ข้อเสีย              เจ้าเล่ห์เจ้าเหลี่ยม พูดจาสับปรับ หลอกลวง ฉลาดแกมโกง ความจำไม่ดี
ดาวพฤหัสบดี (๕)
ข้อเด่น             ชอบศึกษาหาความรู้ สุขุมรอบคอบ รักความยุติธรรม มีคุณธรรมสูง
สนใจในศาสนา มีความเมตตาอารี
ข้อเสีย              เจ้าเล่ห์เจ้าเหลี่ยม พูดจาสับปรับ หลอกลวง ฉลาดแกมโกง
สนใจศาตร์ลึกลับ มนต์ดำ พิธีกรรม
ดาวศุกร์ (๖)
ข้อเด่น             มีเสน่ห์แก่ผู้พบเห็น รักสวยรักงาม ชอบงานด้านศิลปะ ดนตรี การประพันธ์ ความรักและการเงินดี
ข้อเสีย              ขาดเสน่ห์ เจ้าแง่แสนงอน ขี้โอ่ ฟุ้งเฟ้อ สำรวยสำราญ
หมกมุ่นในกามารมณ์ ความรักและการเงินไม่ดี
ดาวเสาร์ (๗)
ข้อเด่น             มีความทรหดอดทน มานะพยายาม ละเอียดรอบคอบ รักความสงบและอิสระเสรี     
ข้อเสีย              จู้จี้จุกจิก เห็นแก่ตัว ตระหนี่ถี่เหนียว หวาดระแวง อิจฉาริษยา
อาฆาตพยาบาท เจ้าทุกข์วิตกกังวล
ดาวราหู (๑๒)
ข้อเด่น             ทันโลกทันคน ใช้เล่ห์เหลี่ยมนักเลงเป็น กล้าพูดกล้าทำ มีกำลังใจเข้มแข็ง มีความรู้ความสามารถพิเศษ
ข้อเสีย              เจ้าอารมณ์ อวดดื้อถือดี เชื่อง่ายหลงง่าย
ชอบปกปิดอำพราง ลุ่มหลงมัวเมาในอบายมุขสิ่งเสพติดได้ง่าย มักชอบกระทำการเสี่ยงต่อกฏหมาย ระเบียบแบแผน
ดาวเกตุ (๙)
ข้อเด่น             มีญาณหยั่งรู้เหตุการณ์ดี มักแคล้วควาดโดยสัญชาตญาณ สนใจเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์และศาสตร์ลึกลับ ยึดมั่นในคุณธรรม
ข้อเสีย              จิตใจว้าวุ่น ความคิดฟุ้งซ่าน ประพฤติแปลกๆในแบบที่คนทั่วไปยอมรับได้ยาก ขาดความเชื่อถือในประเพณีดั้งเดิม เอาญาณหยั่งรู้และศาสตร์ลึกลับไปใช้ในทางที่ผิด
ดาวมฤตยู (๒๐)
ข้อเด่น             เชื่อมั่นในตัวเองสูง มีแนวคิดแปลกๆ ใหม่ๆ ชอบประดิษฐ์ค้นคว้า มีญาณสังหรณ์ และจิตสัมผัสดี
ข้อเสีย              เจ้าอารมณ์ ขี้รำคาญ หงุดหงิด มีความคิดวิตถาร ชอบขัดแย้งกับผู้อื่น ละเลยต่อระเบียบแบบแผนประเพณี ทำให้วิถีชีวิตผันผวนง่าย เกิดภัย อาเภท
ทายยศศักดิ์อัครฐาน                                         ให้ทายอาทิตย์ ๑
ทายเสน่ห์รูปจริต                                             ให้ทายจันทร์ ๒
ทายกล้าแรงแข็งขยัน                                       ให้ทายอังคาร ๓
ทายเจรจาปฏิภาณ                                            ให้ทายพุธ ๔
ทายปัญญาบริสุทธิ์                                          ให้ทายพฤหัสฯ
ทายกิเลสสมบัติ                                               ให้ทายศุกร์ ๖
ทายทรหดโทษทุกข์                                        ให้ทายเสาร์ ๗
ทายลุ่มหลงมัวเมา                                           ให้ทายราหู ๑๒
ทายพิสดารญาณหยั่งรู้                                     ให้ทายเกตุ ๙
ทายวุ่นวายภัยอาเภท                                        ให้ทายมฤตยู ๒๐
กำลังพระเคราะห์
๓         เรียกว่าฐาน                  พระอังคารเล็ก
๔         เรียกว่าฐาน                  พระพุธเล็ก
๕         เรียกว่าฐาน                  พระพฤหัสบดีเล็ก
๖          เรียกว่าฐาน                  พระอาทิตย์
๗         เรียกว่าฐาน                  พระเสาร์เล็ก
๘         เรียกว่าฐาน                  พระอังคาร(กำลังพระอังคาร)
๙          เรียกว่าฐาน                  พระเกตุ
๑๐       เรียกว่าฐาน                  พระเสาร์(กำลังพระเสาร์)
๑๑       เรียกว่าฐาน                  ราชาโชค
๑๒      เรียกว่าฐาน                  พระราหู (กำลังพระราหู)
๑๓       เรียกว่าฐาน                  มหาอุจจ์
๑๔       เรียกว่าฐาน                  จักรพรรดิ์
๑๕      เรียกว่าฐาน                  พระจันทร์ (กำลังพระจันทร์)
๑๖       เรียกว่าฐาน                  โสฬสมงคล
๑๗      เรียกว่าฐาน                  พระพุธ (กำลังพระพุธ)
๑๘       เรียกว่าฐาน                  มหาจักรพรรดิ์
๑๙       เรียกว่าฐาน                  พระพฤหัสบดี (กำลังพระฤหัสบดี)
๒๐      เรียกว่าฐาน                  พระเสาร์กำลังสอง
๒๑      เรียกว่าฐาน                  พระศุกร์ (กำลังพระศุกร์)




ความหมายของตัวเลขในฐานกำลังพระเคราะห์(ผลบวกในฐานที่ ๔)
๓         พระอังคารเล็ก             หมายถึง           อุบัติเหตุ ผ่าตัด ทะเลาะวิวาท
มีคดีความ ถูกจบกุมคุมขัง
๔         พระพุธเล็ก                  หมายถึง           เอกสาร ข่าสาร การพูด การเจรจา
ความเชื่อง่าย หูเบา ถูกหลอกลวง
๕         พระพฤหัสบดีเล็ก       หมายถึง           การศึกษา การศาสนา ความยุติธรรม
ศีลธรรม ประเพณี การบุญการกุศล
๖          พระอาทิตย์                  หมายถึง           ราชการ เกียรติยศ ชื่อเสียง ทิฏฐิมานะ
ความปรารถนาทะเยอทะยาน แข่งดี
๗         พระเสาร์เล็ก                หมายถึง           โทษทุกข์  ความระทมขมขื่น เกิดคดีความ                                                                 เกิดอุบัติเหตุ ของเก่า เรื่องเก่า
ของสกปรกรกรุงรัง
๘         พระอังคาร(กำลังพระอังคาร)หมายถึง            การต่อสู้ ปราบปราม อุบัติเหตุ
แตกหัก ผ่าตัด มีคดีความ ขึ้นโรงขึ้นศาล
๙          พระเกตุ                       หมายถึง           นามธรรม จิตวิญญาณ สิ่งลี้ลับ
สมาธิภาวนา โหราศาตร์ ไสยศาสตร์ ญาณหยั่งรู้ ได้-เสียไม่คาดคิด
๑๐       พระเสาร์(กำลังพระเสาร์)หมายถึง       โทษทุกข์ รอคอย ระทมขมขื่น
เกิดอุบัติเหตุ มีคดีความ ของเก่า เรื่องเก่า ของสกปรกรกรุงรัง
๑๑       ราชาโชค                     หมายถึง           การได้มาแบบง่ายๆ ได้โดยการช่วยเหลือ
                                                                        จากคนอื่น ได้มาเป็นคู่ๆ ได้แล้วได้อีก
                                                                        สองครั้งสองหน
๑๒      พระราหู (กำลังพระราหู)หมายถึง       ความมัวเมา ลุ่มหลงทุกชนิด
นักเลงทุกชนิด การผิดกฎหมาย ศีลธรรม
๑๓       มหาอุจจ์                      หมายถึง           พื้นของดวงเดิมให้ความมั่นคงสูงส่งใน
                                                                        ในหน้าที่การงาน จร-เปลี่ยนแปลงหักเห
                                                                        พลิกผัน จร-เสีย-มักจะมีการผ่าตัด มีปาก
                                                                        เสียง แตกแยกมีคดีความ
๑๔       จักรพรรดิ์                    หมายถึง           การต่อสู้ทุกรูปแบบ การมีทรัพย์สมบัติ
                                                                        เกียรติยศชื่อเสียง จะประสบความสำเร็จ
                                                                        ได้ด้วยการกระทำของตนเอง
๑๕      พระจันทร์ (กำลังพระจันทร์)หมายถึง ความมีเสน่ห์ การบริการ การคมนาคม
                                                                        การประมง การต่างประเทศ ยานพาหนะ
                                                                        เรือแพ ความอ่อนไหว จริต มายาต่างๆ
                                                                        เรื่องของสตีเพศ เรื่องของเด็ก
๑๖       โสฬสมงคล                 หมายถึง           ได้ทรัพย์มาโดยง่าย / มีมรดกาตกทอด                                                                        มีโชคลาภ ได้รับความสำเร็จ ตก อัตตะ+                                                                    ตนุ+มรณะ =๑๖ ชีวิตจะไม่ตกอับ         
๑๗      พระพุธ (กำลังพระพุธ)หมายถึง          การติดต่อสื่อสาร การพูด การเจรจา การ                                                                     ค้าขาย สิ่งพิมพ์ คอมฯ สัตว์เสี้ยง ของ
                                                                        กินได้ทุกชนิด เสื้อผ้า เครื่องเขียน       
๑๘       มหาจักรพรรดิ์             หมายถึง           การต่อสู้ ใช้อำนาจอย่างรุนแรง
การมีทรัพย์สมบัติ ตลอดจนเกียรติยศชื่อเสียงสูงส่งกว่าจะได้มาต้องต่อสู้อย่างหนัก /ชนเสีย มักมีอุปสรรคเกิดคดีความ

๑๙       พระพฤหัสบดี (กำลังพระฤหัสบดี)หมายถึง    การเรียน การศึกษา การศาสนา
                                                                        ความยุติธรรม โครงการระยะยาว
๒๐      พระเสาร์กำลังสอง      หมายถึง           โทษทุกข์แสนสาหัส เกิดคดีความ เจ็บป่วย
                                                                        พลัดพรากจากที่อยู่อาศัย
๒๑      พระศุกร์ (กำลังพระศุกร์)หมายถึง       การเงิน การธนาคาร ศิลป ของสวยงาม
                                                                        ของสำเร็จรูป การบันเทิงเริงรมย์ทุกชนิด




๔ สิงหาคม ๒๕๐๔ พี่ผึ้ง พุ่มพวง
๖ สิงหาคม ๒๕๐๖ พี่หนุ่ม สันติสุข พรหมศิริ
๗ สิงหาคม ๒๕๐๗ พี่ชมพู สุทธิพงษ์ วัฒนจัง และ ๗ สิงหาคม ๒๕๑๖ เสกสรรค์ ศุขพิมาย หรือ เสกโลโซ
๑๐ สิงหาคม ๒๕๑๐ คิตตี้ แคทรียา กาญนโรจน์
๑๐ สิงหาคม ๒๕๑๖ ยู่ยี่ อลิสา อินทุสมิต
๑๑ สิงหาคม ๒๕๑๐ สมฤทัย กล่อมน้อย
๑๑ สิงหาคม ๒๕๑๒ ทิพย์ ธัมมสิริ
๑๓ สิงหาคม ๒๕๑๐ นิด อรพรรณ (พานทอง) วัชรพล
๑๕ สิงหาคม ๒๕๑๕ หมวย สุภาภรณ์ คำนวณศิลป์
๑๖ สิงหาคม ๒๕๐๓ นันทิดา (แก้วบัวสาย) อัศวเหม
๑๖ สิงหาคม ๒๕๐๑ หลุยส์ เวโรนิก้า มาดอนน่า ซิคโคเน่ หรือ มาดอนน่า นั่นเอง
๑๖ สิงหาคม ๒๕๑๙ ยุ้ย ปัทมวรรณ เค้ามูลคดี
๑๑ สิงหาคม ๒๕๐๕ ตุ๋ย มนฤดี ยมาภัย
๖ สิงหาคม ๒๔๗๖ ฯพณฯ พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ
๑๐ สิงหาคม ๒๕๑๐ เอ้ ชุติมา นัยนา
๑๖ สิงหาคม ๒๕๑๓ แอน วาสนา พูนผล
๒๐ สิงหาคม ๒๕๑๓ นายแบบเก่า ไปป์ อนวรรษ สกุลวงศ์
๒๑ สิงหาคม ๒๕๐๖ สุรัตนา ข้อง ตระกูล
๒๒ สิงหาคม ๒๕๑๖ หนุ่ม ศรราม เทพพิทักษ์
๒๔ สิงหาคม ๒๕๐๙ ต้อม เรนโบว์ พีรพล พลชนะ
๒๔ สิงหาคม ๒๕๑๓ มาช่า วัฒนพานิช
๒๖ สิงหาคม ๒๔๖๓ ฯพณฯ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์
๒๖ สิงหาคม ๒๕๐๙ ลูกปลา เหมือนฝัน บัณฑิตสกุล
๒๘ สิงหาคม ๒๕๑๕ นางแบบเก่า แอ๊นท์ ธรัญญา สัตตบุศย์
๒๙ สิงหาคม ๒๕๐๑ ไมเคิล แจ๊คสัน
๓๐ สิงหาคม ๒๕๑๑ ลูกศร ธนาภรณ์ รัตนเสน
๑๖ สิงหาคม ๒๕๑๗ นิ้ง กุลสตรี ศิริพงศ์ปรีดา
\พีเปิ้ล จารุณี สุขสวัสดิ์ เดแนจ 6 พ.ค.2506
ป้าแดง วาสนา ชลากร 18 ก.ย.2494
พี่ต่าย เพ็ญพักตร์ ศิริกุล 31 ม.ค.2504
กบ สุวนันท์ คงยิ่ง 22 ก.ค.2521

เดือนเมษายน ก็มีดาราเกิดเยอะเหมือนกัน
- ลินดา ค้าธัญเจริญ 4 เม.ย 2499
- ท้อป ดารณีนุช โพธิปิติ 7 เม.ย 2511
- บี บัณฑิต สาวแก้ว 10 เม.ย 2519
- พี่แอ๊วอำภา ภูษิต 11 เม.ย 250....?
อรัญญา นามวงษ์ เกิดปี 2490 ที่ลง 2590 คงพิมพ์ผิด

พล.อ ชวลิต ยงใจยุทธ เห็นที่อื่นและเจ้าตัวบอกว่า 2475 ตลอด

จารุณี สุขสวัสดิ์ ก็เห็นทุกที่ลงว่า 2505 มาตลอด พิมพ์ผิดหรือเปล่าครับ

ผมขอเรื่องของพระเอกก่อนนะครับ ไล่มาตั้งแต่ยุค 2498 - 2530 ก่อนนะครับ
(อาจไม่ครบคน และไม่มีวัน,เดือนที่เกิด ใครทราบวัน,เดือนที่เกิด ช่วยเสริมอีกทีนะครับ)

มิตร ชัยบัญชา 28 ม.ค.2477
สมบัติ เมทะนี 26 มิ.ย. 2480
สรพงษ์ ชาตรี 8 ธ.ค. 2492
ส.อาสนจินดา 2464
พันคำ 2465
สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์ 2466
ลือชัย นฤนาท 30 มิ.ย. 2475
ไชยา สุริยัน 7 มิ.ย.2479 (จริงจริงคือ 2476)
กรุง ศรีวิไล 5 ก.พ. 2489
นาท ภูวนัย 2 มิ.ย. 2489
ยอดชาย เมฆสุวรรณ 25 มิ.ย. 2488
อุเทน บุญยงค์ ?_ก.ย.2489
ไพโรจน์ ใจสิงห์ 15 ก.ย. 2486 (ก่อนหน้านี้ 2487 ตลอด)
ชนะ ศรีอุบล 21 ก.ค. 2475
อดุลย์ ดุลยรัตน์ 2475
แมน ธีระพล 2478
ครรชิต ขวัญประชา 18 พ.ค. 2483
ไพโรจน์ สังวริบุตร 18 พ.ค. 2496
จตุพล ภูอภิรมย์ พ.ย. 2494 (บางทีเพี้ยนถึง 2498)
วิทูรย์ กรณา ก.ย. 2498
ปิยะ ตระกูลราษฎร์ 12 พ.ค. 2497
พอเจตน์ แก่นเพชร 2494
ไกรสร แสงอนันต์ 2500
ทูน หิรัญทรัพย์ 24 ต.ค. 2497 (ตอนเข้าวงการ 2499 ล่าสุด 2495)
พิศาล อัครเศรณี 2488
เกรียงไกร อุณหะนันท์ 2499
ฉัตรชัย เปล่งพานิช 2503
อำพล ลำพูน 21 ก.ค. 2506
ลิขิต เอกมงคล 15 ม.ค. 2501
บิณฑ์ - เอกพัน บันลือฤทธิ์ 27 พ.ค. 2505
พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ 2504
อภิชาติ หาลำเจียก 2497
บิลลี่ โอแกน 2506 (เล่นหนังเรื่องแรก 2508 ต่อมา 2507 สุดท้าย 2506)
ธงไชย แมคอินไตย์ 8 ธ.ค. 2501
ศรันยู วงศ์กระจ่าง 2503
ยุรนันท์ ภมรมนตรี ม.ค. 2506 (น่าจะ 2504 มากกว่า)
พงษ์พัฒน์ 2504 (น่าจะ 2502 มากกว่า)
สันติสุข พรหมศิริ ก.ย. 2506
อนันต์ บุนนาค 2506 (ตอนแรก 07)
รอน บรรจงสร้าง 2506 (ตอนแรก 07)
เบน อิศรางกูร ณ อยุธยา 2507
ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์ ก.ย. 2501
วีรยุทธ รสโอชา 2506
ยมนา ชาตรี 2498
ทนงศักดิ ศุภการ 2504
ราวิน บุรารักษ์ 2500
ภานุมาศ สุขอัมพร 2503
จักรี จันทร์กล่ำ 2508
สุริยา เยาวสังข์ 2513
ชัยรัตน์ จิตธรรม 2506
อธิป ทองจินดา 2507
ตฤณ เศรษฐโชค 2509
ธนา สินทรัพย์ 2503
พีท ทองเจือ 2511
สุรศักดิ์ วงศ์ไทย 2507
ขจรศักดิ์ รัตนวิสัย 2508
ไพโรจน์ ใจสิงห์ 15 ก.ย. 2486 (ก่อนหน้านี้ 2487 ตลอด)
เห็นจากหนังสือตอนแสดง "ดวง" ลงว่า 26 กันยายน 2486 นิครับ
ชนะ ศรีอุบล 21 ก.ค. 2475
อดุลย์ ดุลยรัตน์ 2475
แมน ธีระพล 2478
ครรชิต ขวัญประชา 18 พ.ค. 2483
ไพโรจน์ สังวริบุตร 18 พ.ค. 2496
จตุพล ภูอภิรมย์ พ.ย. 2494 (บางทีเพี้ยนถึง 2498)
วิทูรย์ กรณา ก.ย. 2498
ปิยะ ตระกูลราษฎร์ 12 พ.ค. 2497
พอเจตน์ แก่นเพชร 2494
ไกรสร แสงอนันต์ 2500
ทูน หิรัญทรัพย์ 24 ต.ค. 2497 (ตอนเข้าวงการ 2499 ล่าสุด 2495) อาบ๊อบเป็นอีกท่านที่ถ้าได้เจอตัวจริงต้องถามแล้วครับ เพราะผมก็ทราบจากแหล่งเก่าๆ ว่าวันเกิดเดียวกัน แต่ปี 2498 ครับ
พิศาล อัครเศรณี 2488
เกรียงไกร อุณหะนันท์ 2499 .....กระทู้คุณเกรียงไกร ในเว็บนี้ น่าจะทราบวันเกิดที่แน่นอนไหมครับเนี่ย
ฉัตรชัย เปล่งพานิช 2503 เกิดวันที่ 17 ม.ค. ปีถูกแล้วครับ
อำพล ลำพูน 21 ก.ค. 2506 วันที่ 20 ครับพี่อ๊อด
ลิขิต เอกมงคล 15 ม.ค. 2501
บิณฑ์ - เอกพัน บันลือฤทธิ์ 27 พ.ค. 2505
พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ 2504 จริงๆ น่าจะ 2507 นะครับ มีผู้ใหญ่บอก
อภิชาติ หาลำเจียก 2497
บิลลี่ โอแกน 2506 (เล่นหนังเรื่องแรก 2508 ต่อมา 2507 สุดท้าย 2506) โห 2506 นี่จากที่ไหนครับ ไม่เคยเห็นจริงๆ ทราบแต่ว่า เกิด 29 ก.ค.2508
ธงไชย แมคอินไตย์ 8 ธ.ค. 2501 เคยแจ้งไปแล้ว หลายครั้งครับ ว่าจริงๆแล้ว 2500
ศรันยู วงศ์กระจ่าง 2503 ปีถูกแล้วครับ 17 ตุลาคมครับ แถมภรรยามาดทอม หัทยา เกษสังข์ ๑๐ กันยายน ๒๕๐๖ ครับ
ยุรนันท์ ภมรมนตรี ม.ค. 2506 (น่าจะ 2504 มากกว่า) อันนี้ก็เห็นบัตรประชาชนมาแล้ว และเคยบอกไปแล้วนะครับพี่อ๊อด 2มกราคม 2506 จริงๆ ครับ

พงษ์พัฒน์ 2504 (น่าจะ 2502 มากกว่า) .......๒ กันยายน ๒๕๐๔ ครับ แถม ภรรยา คุณแดง ธัญญา เกิด ๑๗ มีนาคม ๒๕๐๔ ครับ

สันติสุข พรหมศิริ ก.ย. 2506 แจ้งข้างบนแล้วค้าบ ๖ สิงหาคม ๒๕๐๖

อนันต์ บุนนาค 2506 (ตอนแรก 07) ๑๔ เมษายน ๒๕๐๖ คร้าบ

รอน บรรจงสร้าง 2506 (ตอนแรก 07) เกิด ๒๑ เมษายน ๒๕๐๗ ครับ แถมภรรยาและน้องสาวภรรยา คุณ กล้วย ปรารถนา และ ก้อย ปาริฉัตร เกิด ๖ ก.ค.๒๕๐๕ ครับ คุณ สมมาตร ไพรหิรัญ ไม่แน่ใจเกิดวันเดือนปีที่เท่าไรครับ?

เบน อิศรางกูร ณ อยุธยา 2507 เคยได้ข่าวว่าเกิดปีเดียวกับพี่อ๊อดนี่ครับ 2505

ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์ ก.ย. 2501 .......๔ กันยายน ๒๕๐๔ ครับ
วีรยุทธ รสโอชา 2506
ยมนา ชาตรี 2498
ทนงศักดิ ศุภการ 2504 น่าจะ 2507 นะครับ

ราวิน บุรารักษ์ 2500
ภานุมาศ สุขอัมพร 2503
จักรี จันทร์กล่ำ 2508
สุริยา เยาวสังข์ 2513
ชัยรัตน์ จิตธรรม 2506 แหะๆ ท่านนี้ใกล้ๆตัวครับ เดี๋ยวจะรีบไปถามให้อาทิตย์หน้าเลย
อธิป ทองจินดา 2507
ตฤณ เศรษฐโชค 2509 ไม่ใช่ครับ ๒๕๑๐ ครับ
ธนา สินทรัพย์ 2503 นี่ก็ไม่ใช่ครับ เกิด ๘ พ.ค.๒๔๙๙ ครับ

พีท ทองเจือ 2511 หรือ พันธกานต์ ทองเจือ เกิด ๒๔ มิถุนายน ๒๕๑๑ ครับ แฟนเก่า บี วัลวิภา โยคะกุล เกิด ๒๕๐๖ หรือ ๒๕๐๙ ไม่แน่ใจ

สุรศักดิ์ วงศ์ไทย 2507 ปีถูกแล้วครับ เกิด 10 สิงหาคม

ขจรศักดิ์ รัตนวิสัย 2508 """""เกิด ๒๕๐๙ ครับ นามสกุล รัตนนิสสัย นะครับ

มิตร ชัยบัญชา ตอนแรกสุดเลย เขาไม่รู้วันเกิด ก็เลยเมคเป็น 1 มกรา
ตอนหลังทราบว่าเป็นวันจันทร์ และดูจากหลายที่แล้ว
เลยสรุปว่าเป็นปลายเดือน มกราคมครับ
วันที่ มีหลายวันเหลือเกิน ทั้ง 22,27,28
ถ้าวันจันทร์ แน่ คงต้องไปดูปฏิทิน 100 ปี แล้วล่ะครับ

รู้สึกวันเกิดดาราเก่าหลายท่าน น้องฮอ ไม่ทราบได้มาจากไหน
อายุอ่อนกว่าที่แจ้งไว้ตอนเล่นหนังใหม่ๆเยอะมาก
อย่างพร้อมพงศ์ นี่ 2504 ตลอด ตอนเล่นหนังใหม่ๆ ก็บอกว่าอายุ 23 (2527)
พี่ว่าดารานี่เกือบทั้งหมด ที่มีปัญหาเรื่องอายุที่แท้จริง
น่าจะแจ้งลดอายุตัวเองมากกว่า จะเพิ่มอายุให้ตัวเองนะครับ
ก็เหมือนกับในชีวิตจริงของคนเรา คนที่แจ้งอายุผิด เพราะไปแจ้งหลังเกิดแล้วหลายปี
ประเเภท แจ้งให้มากกว่าอายุจริง แทบจะไม่มี หรือมีก็น้อยมากมาก

ส่วนไชยา ในกระทู้ไชยา มีรูปไชยา ตอนอายุไม่ถึง 1 ขวบ ยืนยันว่าถ่ายเมื่อปี 2477
และมีหลักฐานว่าไชยา เกิดจริง 2476 แต่ในบัตรอาจเป็น 2479 ก็ได้
แต่สื่อส่วนใหญ่ก็ลงตามบัตร
ดูแล้วก็น่าจะ 2476 เพราะไชยา เข้ามาเล่นหนังไล่เลี่ยกับมิตร (2477)
เมื่อปี 2500

แล้วพี่จิ๊ก เนาวรัตน์ เกิด 2499 นี่ ตามบัตรหรือเปล่าครับ น้องฮอ
เห็นส่วนใหญ่จะลงว่า เกิด ก.พ. 2501 (ได้ยินว่าเกิดจริง 2500)
ผมเห็นบางปี เช่น 2536 แกบอกอายุ 33 เท่ากับว่าเกิด 2503 เลยนะครับ
๑ กันยา ๒๕๒๑ แอนดริว เกรกสัน
๒ กันยา ๒๕๐๔ ออฟ พงษ์พัฒน์
๔ กันยา ๒๔๙๐ ป้าเปี๊ยก อรัญญา นามวง์ษ
๔ กันยา ๒๕๒๘ บี้ สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว
๕ กันยา ๒๕๑๑ เฟี๊ยต ชื่อจริงจำไมได้ครับ เป็นคนพอมีคนรู้จักมากกว่า ลูกคุณดำรง พุฒตาล ครับ
๙ กันยา ๒๕๒๓ พิม ซาซ่า หรือ พิมมาดา บริรักษ์ศุภกร นางเอกแอ๊บแบ๊ว ครับ และที่เกิดวันเดือนปีเดียวกันกับพิมอีกคน คือ วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ ครับ
๑๐ กันยา ๒๕๐๖ หัทยา เกษสังข์
๑๑ กันยา ๒๕๒๔ เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ
๑๓ กันยา ๒๕๐๖ ชไมพร จตุรภุช
๑๕ กันยา ๒๕๒๕ พลอย ไลลา บุณยศักดิ์ และ ๑๕ กันยา ๒๕๒๘ เทย่า โรเจอร์ส
๑๗ กันยา ๒๕๐๓ แต๋ง วงเฉลียง หรือ คุณ ภูษิต ไล้ทอง
๑๘ กันยา ๒๔๙๔ ป้าแดง วาสนา ชลากร
๒๒ กันยา ๒๕๐๕ วิระ บำรุงศรี และ ๒๒ กันยา ๒๕๐๖ กิ๊ก เกียรติ กิจเจริญ และ ๒๒ กันยา ๒๕๑๔ โอ๊ต วรวุฒิ นิยมทรัพย์
๒๔ กันยา ๒๕๒๓ นุ่น วรนุช วงษ์สวรรค์
๒๕ กันยา ๒๕๐๙ ดุ๊ก ภาณุเดช วัฒนสุชาติ
๒๖ กันยา ๒๕๑๖ เปิ้ล วีนัส มีวรรณ
คุณวิระ บำรุงศรี ๒๒ ก.ย.๒๕๐๕
เกียรติ กิจเจริญ ๒๒ ก.ย.๒๕๐๖
เกียรติศักดิ์ อุดมนาค (เสนาหอย) ๒๒ ก.ย.๒๕๑๒
วรวุฒิ นิยมทรัพย์ ๒๒ ก.ย.๒๕๑๔

แถมให้ นางเอกหนังเรื่องเดียว รุ่นพี่หอวัง (ซึ่งผมก็เข้าไม่ทันเธอ) ของผม
นางเอก หนัง "คือฉัน" สบันงา วงศ์โสภา ชื่อจริงๆ เมื่อวานเพิ่งทราบจำไมได้เดี๋ยวไปถามมาใหม่ครับ พี่ขม เกิด ๒๓ กันยายน ๒๕๑๔ ครับ เธอเป็นรอง "สาวช่างฝัน" การประกวดนางแบบนายแบบของ หนังสือ "เธอกับฉัน" ยุครุ่งเรือง ที่ พจน์ อานนท์ เป็น บ.ก. เมื่อปี ๒๕๓๒

ส่วนคนที่ได้เป็น "สาวช่างฝันอันดับหนึ่ง คือนางแบบหมวยๆ สูง เด็กกว่าพี่ขมสองปี ชื่อ "การ์ตูน" จำชื่อจริงไม่ได้ไว้จำได้จะเอาภาพและชื่อมาบอกอีกที

หากใครเป็นคนนิยมร้องเพลงคาราโอเกะ อาจจะยังเห็นพี่การ์ตูนได้ เธอมีงานเด่น (ที่ผมนึกออก) ที่สุด คือเป็นนางเอกมิวสิควีดีโอ เพลง "ได้อย่างเสียอย่าง" (ถ้าคาราโอเกะ) บางที่มีภาพมิวสิคนี้นะครับ เป็นแบบต้นฉบับเลย ของอัสนี-วสันต์ โชติกุล ออกอากาศต้นๆปี 2532 อัลบั้ม ฟักทอง อ่ะครับ ยังจำได้เลย ว่าศตวรรษ ดุลยวิจิตร เป็น
ยูซ่า อุษา ทนตาวัล ๒๘ กันยายน ๒๕๑๒
ขม สบันงา วงศ์โสภา ๒๓ กันยายน ๒๕๑๔
ปิงปอง สะแกวัลย์ ยงใจยุทธ ๖ มิถุนายน ๒๕๑๖
โบ สุนิตา (ลีติกุล) จรรยาธนากร ๑๖ ส.ค.๒๕๑๘
ฝันดี-ฝันเด่น จรรยาธนากร ๒๒ ตุลาคม ๒๕๑๙
จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๑๒
จอนนี่ แอนโฟเน่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๑๒
ชมพู่ อารยา เอ.ฮาร์เก็ตต์ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๒๔
ศรีริต้า เจนเซ่น ....ตุลาคม ๒๕๒๔
เจ เจตริน วรรธนะสิน ๒๘ ตุลาคม ๒๕๑๓
จ๋า ณัฐฐาวีรนุช ทองมี ๒๘ ตุลาคม ๒๕๒๒
ทิวลิป นาคสมภพ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๒๐
คริสติน่า อากีล่าร์ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๐๙
แอน ทองประสม ๑ พ.ย.๒๕๑๙
นาถยา แดงบุหงา ๒ พ.ย.๒๕๐๔
ชไมพร สิทธิวรนันท์ ๑๑ พ.ย.๒๕๑๙
ยุทธพิชัย ชาญเลขา ๑๖ พ.ย.๒๕๑๑
รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ๑๗ พ.ย.๒๕๒๗
มณฑล จิรา ๒๐ พ.ย.๒๕๒๑
สุภัทรา ทิวานนท์ ๒๒ พ.ย.๒๕๐๖
รินลณี ศรีเพ็ญ ๒๔ พ.ย.๒๕๒๑
ธัญญาเรศ รามณรงค์ ๒๖ พ.ย.๒๕๑๙
นีโน่ เมทนี บุรณศิริ ๒๙ พ.ย.๒๕๐๙
วีเจ.ตะแง๊ว บุษบา มหัตถพงศ์ ๓๐ พ.ย.๒๕๑๕
พลอย จินดาโชติ ๑ ธ.ค.๒๕๒๕
อาร์ตี้ ธนฉัตร ตุลยฉัตร ๑ ธ.ค.๒๕๓๓
นิธิ สมุทรโคจร ๒ ธ.ค.๒๕๑๗
บิ๊ก ปาณรวัฐ กิตติกรเจริญ (ดีทูบี) ๒ ธ.ค.๒๕๒๕
จอย ศิริลักษณ์ ผ่องโชค ๓ ธ.ค.๒๕๒๐
มาริโอ้ เมาเร่อร์ ๔ ธ.ค.๒๕๓๑
สุพรรษา เนื่องภิรมย์ ๕ ธ.ค.๒๕๐๔
อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ ๕ ธ.ค.๒๕๒๑
พิศมัย วิไลศักดิ์ ๗ ธ.ค.๒๔๘๒
เบิร์ด ธงไชย ๘ ธ.ค.๒๕๐๐
เม ภัทรวรินทร์ ทิมกุล ๘ ธ.ค.๒๕๒๐
ตรี สุขเกษม ๘ ธ.ค.๒๕๑๔
สรพงษ์ ชาตรี ๘ ธ.ค.๒๔๙๒
คาเรน คล่องตรวจโรค ๘ ธ.ค.๒๕๒๕
หรั่ง รัฐธรรมนูญ ศรีฤกษ์ ๑๐ ธ.ค.๒๕๑๖
ออย ธนา สุทธิกมล (สุทธิกลม) ๑๐ ธ.ค.๒๕๑๙
เอ๋ รชยา รักกสิกรณ์ ๑๒ ธ.ค.๒๕๑๙
ทาทา ยัง ๑๔ ธ.ค.๒๕๒๓
จริยา (ไตรสรณะคมน์) แอนโฟเน่ ๒๑ ธ.ค.๒๕๐๘
ศิตา เมธาวี ๒๒ ธ.ค.๒๕๑๕
ทราย อินทิรา เจริญปุระ ๒๓ ธ.ค.๒๕๒๓
นิออน อิสรา (สิริพร เรืองอุตมานันท์) ๒๕ ธ.ค.๒๕๑๓
ตรีรัก รักการดี ๒๖ ธ.ค.๒๕๐๙
อั้ม ฐนิชา ดิษยบุตร ๒๙ ธ.ค.๒๕๒๐
เต๋า สโรชา วาทิตตพันธุ์ ๓๐ ธ.ค.๒๕๒๑
เป๊ก ผลิตโชค อายนบุตร ๙ สิงหาคม ๒๕๒๗
ไอซ์ ศรัณยู วินัยพานิช ๑๒ กันยายน ๒๕๒๗
ออฟ ปองศักดิ์ รัตนพงษ์

หญิง ฌัชฌา รุจินานนท์ ๒ กันยายน ๒๕๒๒
ติ๊ก กัญญารัตน์ จิรรัชกิจ ๙ กันยายน ๒๕๑๙
กัส วีรดิษฐ์ ศรีมาลัย ๓ สิงหาคม ๒๕๒๙
ต๊อบ ชัยวัฒน์ ทองแสง ๑๐ เมษายน ๒๕๓๒
บี บัณฑิต สาวแก้ว ๑๐ เมษายน ๒๕๑๙

และ รวมมิตรรักแห่งสยาม
ผกก มะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ๑๕ มีนาคม ๒๕๒๔
มาริโอ้ เมาเร่อร์ ๔ ธันวาคม ๒๕๓๑
พิช วิญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๓๒
ตาล กัญญา รัตนเพชร์ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๓๒
เบสท์ อธิชา พงศ์ศิลป์พิพัฒน์ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๓๑
คุณปู่ ดอกดิน กัญญามาลย์ ๒๕ ตุลาคม ๒๔๖๗
ม.ล.สุรีย์วัลย์ สุริยง ๑๒ กันยายน ๒๕๐๕
บางท่านไมทราบวันเกิดจริงๆและได้ข้อมูลไม่ค่อยชัวร์ ไว้ใครทราบแน่ๆ ชัวร์ๆ รบกวนบอกด้วยครับ

เด่น ดอกประดู่ เกิด ๒๔๘๕
ดี๋ ดอกมะดัน เกิด ๒๔๙๓
เทพ โพธิ์งาม เกิด ๒๔๙๒
เด๋อ ดอกสะเดา ๒๑ มีนาคม ๒๕๐๑ (อันนี้ไม่ชัวร์อย่างแรง!)
ดู๋ ดอกกระโดน เกิด ๒๔๙๒
กนกวรรณ บุรานนท์ เกิด ๒๕๐๙
วิทวัส สุนทรวิเนตร์ เกิด ๓๐ เมษายน ๒๔๙๗
ปัญญา นิรันดร์กุล เกิด ๒๔ มีนาคม ๒๔๙๗

สมชาย อาสนจินดา ๑๖ พ.ย.๒๔๖๔ - ๑๙ ก.ย.๒๕๓๖
สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์ (ไม่แน่ใจ ๒๔๖๓ หรือ ๒๔๖๖ - ๒๕๒๖)
ล้วน ควันธรรม ๒๔ ธ.ค.๒๔๕๕ - ๒๗ ม.ค.๒๕๒๒
หลวงสุขุมนัยประดิษฐ (1 พฤษภาคม พ.ศ. 2447 - 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2510)






มัณฑนา โมรากุล 30 มีนาคม พ.ศ. 2466
ชรินทร์ นันทนาคร เกิด 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2476 (บางที่บอก 2475)
ปวริศา เพ็ญชาติ หรือ แหวนแหวน ลูกคุณ ปัญชล๊ ครับ เกิด
ปัญญาริสา เธียรประสิทธิ์ (ชื่อเล่น หวาย) เกิดเมื่อวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2536 หรือนักร้อง วัยรุ่น หวาย K.C.Y ลูก ปัญชนิตย์ ครับ
ไสล ไกรเลิศ (12 กรกฎาคม พ.ศ. 2464 - 19 มีนาคม พ.ศ. 2529)
ชาลี อินทรวิจิตร เดิมชื่อ สง่า อินทรวิจิตร เกิดเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2466
ชนะ ศรีอุบล เกิดเมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2475 เสียชีวิต กุมภาพันธ์ 2539

อ.แมนรัตน์ ศรีกรานนท์ เกิดเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2471
สมควร กระจ่างศาสตร์ (13 ธันวาคม พ.ศ. 2464 — 13 มกราคม พ.ศ. 2551)
ล้อต๊อก หรือ สวง ทรัพย์สำรวย (อ่านว่า สะ-หวง) (1 เมษายน พ.ศ. 2457 — 30 เมษายน พ.ศ. 2545