วันอังคารที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2564

เจ้าฟ้าพินทวดี

ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก A giver is always beloved.

เจ้าฟ้าพินทวดี เจ้านายกรุงศรีอยุธยา ที่ทรงรอดพระชนม์จากคราวเสียกรุงครั้งที่ ๒ และทรงพระชนม์มาถึงต้นกรุงรัตนโกสินทร์

เจ้าฟ้าพินทวดี เลือดขัตติยนารี ๓ แผ่นดิน คำว่า ๓ แผ่นดิน มิได้หมายถึง ๓ รัชกาลแต่อย่างใด แต่หมายถึง ๓ อาณาจักร คือ กรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี กรุงรัตนโกสินทร์

เจ้าฟ้าพินทวดี เป็นพระราชธิดาพระองค์ที่ ๓ ในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ประสูติแต่กรมหลวงพิพิธมนตรี พระองค์ทรงเป็นเจ้านายในสมัยกรุงศรีอยุธยาเพียงไม่กี่พระองค์ ที่มีพระชนมายุยืนยาวมาจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งพระองค์มีบทบาทสำคัญในการถ่ายทอดราชประเพณีในราชสำนักฝ่ายในตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาสู่ราชสำนักรัตนโกสินทร์ ทำให้ประเพณีโบราณไม่สูญหายไป

พระองค์เป็นพระเชษฐภคินีในสมเด็จพระเจ้าเอกทัศ และสมเด็จพระเจ้าอุทุมพร ประสูติเมื่อพุทธศักราช ๒๒๕๐ มีพระเชษฐภคินี พระอนุชา และพระขนิษฐาร่วมพระชนกพระชนนีทั้งหมด ๘ พระองค์ คือ เจ้าฟ้าประภาวดี เจ้าฟ้าประชาวดี เจ้าฟ้าพินทวดี เจ้าฟ้าเอกทัศน์ กรมขุนอนุรักษ์มนตรี (สมเด็จพระเจ้าเอกทัศ) เจ้าฟ้าจันทวดี เจ้าฟ้ากษัตรี เจ้าฟ้ากุสุมาวดี และเจ้าฟ้าอุทุมพร กรมขุนพรพินิจ (สมเด็จพระเจ้าอุทุมพร)

หลังจากเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ ในปี ๒๓๑๐ นั้น ชาวเมืองอยุธยาและเชื้อพระวงศ์ ต่างถูกจับเป็นเชลย และถูกกวาดต้อนไปยังกรุงอังวะ ส่วนเจ้าฟ้าพินทวดีถูกจับไปที่ค่ายโพธิ์สามต้น พร้อมด้วยพระขนิษฐาคือเจ้าฟ้าจันทวดี และเจ้าฟ้าสุริยา พระขนิษฐาต่างพระมารดา และเจ้านายพระองค์อื่น ๆ เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงตีค่ายโพธิ์สามต้นแตกแล้วก็ทรงโปรดฯ อัญเชิญเสด็จมาประทับที่กรุงธนบุรี ดังปรากฏในพระนิพนธ์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพว่า

“...เมื่อพระเจ้าตากมีชัยชนะพม่าแล้ว ตั้งพักกองทัพ อยู่ที่ในค่ายพม่า ที่โพธิ์สามต้น ขณะนั้นผู้คนและทรัพย์สมบัติ ซึ่งสุกี้มิได้ส่งไปเมืองพม่า เอารวบรวมรักษาไว้ ในค่ายแม่ทัพ มีพวกข้าราชการที่พม่าจักเอาไปไว้หลายคน คือ พระยาธิเบศร์บดี จางวางมหาดเล็ก เป็นต้น ต่างพากันมาเฝ้าถวายบังคมเจ้าตาก ทูลให้ทราบถึงที่ พระเจ้าเอกทัศสวรรคต สุกี้ให้ฝังพระบรมศพไว้ที่ในกรุงฯ และทูลว่า ยังมีเจ้านาย ซึ่งพม่าจับได้ ต้องกักขังอยู่ในค่ายนั้นหลายพระองค์ ที่เป็นพระราชธิดา ของพระเจ้าบรมโกษฐ์ คือ เจ้าฟ้าสุริยาพระองค์หนึ่ง เจ้าฟ้าพินทวดีพระองค์หนึ่ง เจ้าฟ้าจันทวดีพระองค์หนึ่ง พระองค์เจ้าฟักทองพระองค์หนึ่ง รวม ๔ พระองค์ ที่เป็นชั้นหลานเธอ คือ หม่อมเจ้ามิตร ธิดาของกรมพระราชวังบวรมหาเสนาพิทักษ์ (เจ้าฟ้ากุ้ง) องค์หนึ่ง หม่อมเจ้ากระจาด ธิดากรมหมื่นจิตรสุนทรองค์หนึ่ง หม่อมเจ้ามณี ธิดากรมหมื่นเสพภักดีองค์หนึ่ง หม่อมเจ้าฉิม ธิดาเจ้าฟ้าจีด องค์หนึ่ง รวม ๔ องค์ เจ้านายทั้ง ๘ องค์นี้ เมื่อพม่าจับได้ประชวรอยู่ จึงยังมิได้ส่งไปยัง เมืองอังวะ...”

ในขณะที่เจ้าฟ้าพินทวดีทรงเป็นผู้แนะนำเรื่องราชประเพณี และการรั้ววังต่าง ๆ จนกระทั่งหมดสมัยกรุงธนบุรี เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ พระองค์จึงเชิญเจ้าฟ้าพินทวดีให้เข้ามาประทับ ในพระบรมมหาราชวัง

เจ้าฟ้าพินทวดีเป็นเจ้านายผู้ใหญ่พระองค์หนึ่งที่เคยดำรงพระชนม์ชีพอยู่ในกรุงศรีอยุธยา พระองค์จึงมีพระกรณียกิจสำคัญในการถ่ายทอดราชประเพณีในราชสำนักฝ่ายในตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาสู่ราชสำนักรัตนโกสินทร์ โดยเฉพาะพระราชพิธีสำคัญ คือพิธีโสกันต์ ซึ่งเจ้าฟ้าพินทวดีเป็นผู้มีพระดำริให้จัดการโสกันต์แบบสมัยอยุธยา ดังปรากฏเรื่องราวของพระองค์ในพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่องพระราชพิธีโสกันต์ตอนหนึ่งว่า

“...เจ้าฟ้าพินวดี ซึ่งเป็นพระราชธิดาพระเจ้าแผ่นดินกรุงศรีอยุธยาโบราณนั้น ท่านเคยลงสรงโสกันต์ด้วยพระองค์เอง แลเห็นการงานต่าง ๆ เมื่อเวลาลงสรงโสกันต์ เจ้าพี่เจ้าน้องของท่านๆทราบการทุกอย่าง เป็นผู้แนะนำอย่างธรรมเนียมโบราณอื่น ๆ ต่าง ๆ หลายอย่างหลายประการในกรุงเทพฯ นี้ เมื่อท่านเห็นว่าเจ้าฟ้า ๗ พระองค์ที่โสกันต์ ไม่ได้ทำเต็มตามตำราพระราชพิธีแต่สักพระองค์หนึ่ง จนหมดเจ้าฟ้าไปแล้ว ท่านก็บ่นนักว่าการอย่างธรรมเนียมพระราชพิธีลงสรงโสกันต์เจ้าจะสาบศูนย์ไป เสียแล้ว ท่านก็ทรงชราแล้ว เมื่อไม่มีพระชนม์ท่าน ถ้าการสืบไปมีเวลาที่จะได้ทำขึ้น ใครจะมาแนะชี้การให้ถูกต้องตามแบบแผนได้เล่า

ท่านจึงคิดอ่านจดหมายการงานลงสรงโสกันต์ต่าง ๆ ลงไว้ แล้วชี้แจงให้ผู้ใหญ่ผู้น้อยข้างหน้าข้างในเรียนดูรู้ไว้ด้วยกันมาก เพื่อจะไม่ให้การสาบศูนย์ไป ความที่เจ้าฟ้าพินทวดีทรงพระวิตกนั้น กรมพระราชวังฯ ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงเห็นชอบด้วย จึงทรงสร้างเขาไกรลาสมีพระมณฑปเป็นยอด และมีสระอโนดาต และท่อไขนำจากปากสัตว์ทั้ง ๔ ตามอย่างเจ้าฟ้าพินทวดีชี้การให้ทำ ครั้นการเขาไกรลาสเสร็จแล้ว ก็กราบทูลขอแต่พระเจ้าอยู่หัวได้โปรดให้ทำการโสกันต์ พระราชบุตร แลพระราชบุตรีของท่าน ที่เป็นแต่พระองค์เจ้าสมมติให้เป็นดังเจ้าฟ้า ทำการทั้งนี้แม้นผิดอย่างธรรมเนียม ก็เพื่อว่าจะให้เห็นเป็น (ตัว) อย่างทันเวลาเมื่อเจ้าฟ้าพินทวดียังทรงพระชนม์อยู่ จะให้มีผู้ได้รู้ได้เห็นไว้เป็นอันมากมิให้การสาบสูญไป...”

ในวาระสุดท้ายแห่งพระชนม์ชีพ คาดว่าทรงประทับอยู่ฝ่ายใน พระบรมมหาราชวัง จนสิ้นพระชนม์ในวันที่ ๒๗ มกราคม พุทธศักราช ๒๓๔๔ ในรัชกาลที่ ๑ พระราชทานเพลิงศพเจ้าฟ้าพินทวดี ณ วัดสุวรรณาราม

รูปภาพ “เขาไกรลาส” ในการพระราชพิธีโสกันต์ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ กรมขุนพินิตประชานาถ

ที่มาข้อมูล ประกาศพระราชพิธีโสกันต์ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ (ลิงก์ https://bit.ly/2EVSHnJ)
ยังมีสาระเรื่องราวดี ๆ ที่อยากเล่าตามมาดูเราได้ที่ ;
My blogs link 👆
https://sites.google.com/site/dhammatharn/
http://abhinop.blogspot.com
http://abhinop.bloggang.com
ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
A giver is always beloved.


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น