วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2563
คาถาหลวงพ่ออินทร์วัดบัวโนนสูง
คาถาหลวงพ่อพรหมสร(รอด)
กินเนื้อสัตว์บาปหรือไม่
เนื้อสัตว์บาปหรือไม่
วันเสาร์ที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนสิบสอง(๑๒) ปีชวดวันลอยกระทงช กินเนื้อสัตว์บาปหรือไม่ ปัญหา มีพุทธศาสนิกชนบางพวกเห็นว่า การกินเนื้อสัตว์เป็นบาปเพราะเป็นการส่งเสริมให้คนอื่นฆ่า ในเรื่องนี้พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าอย่างไร? พุทธดำรัสตอบ “..... ดูก่อนชีวก เรากล่าวเนื้อว่าไม่ควรเป็นของบริโภคด้วยเหตุ ๓ ประการ คือ เนื้อที่ตนเห็น เนื้อที่ตนได้ยิน เนื้อที่ตนรังเกียจ ดูก่อนชีวก เรากล่าวเนื้อว่า เป็นของไม่ควรบริโภคด้วยเหตุ ๓ ประการนี้แล ดูก่อนชีวก เรากล่าวเนื้อว่าเป็นของควรบริโภค ด้วยเหตุ ๓ ประการคือ เนื้อที่ตนไม่ได้เห็น เนื้อที่ตนไม่ได้ยิน เนื้อที่ตนไม่ได้รังเกียจ ดูก่อนชีวก เรากล่าวเนื้อว่า เป็นของบริโภคด้วยเหตุ ๓ ประการนี้แล.....” ชีวกสูตร ม. ม. (๕๗) ตบ. ๑๓ : ๔๘-๔๙ ตท.๑๓ : ๑๓ : ๔๗ ตอ. MLS. II : ๓๓ |
คนตกปลาได้ไปสวรรค์
วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2563
สติปัฏฐาน ๔
พระร่วงโรจนฤทธิ์
วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2563
นครวัด
วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2563
พระกฤษณะ
วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2563
วันแห่งชัยชนะ
ท้าวกุเวร
วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2563
การไหว้ขอขมา๗ครั้ง
หลวงปู่ดู่
วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2563
คาถาพระพุทธเจ้า5พระองค์เปิดโลก
พระคาถาพระพุทธเจ้า 5 พระองค์เปิดโลก
( นะโม 3 จบ )
พระพุทธังอาราธนา พระพุทธเจ้าเปิดโลก
พระธัมมังอาราธนา พระพุทธเจ้าเปิดโลก
พระสังฆังอาราธนา พระพุทธเจ้าเปิดโลก
นะเปิดบุญ โมเปิดบารมี พุทเปิดวาสนา ธาเปิดจิต ยะเปิดธรรม
เปิดโลกเปิดจิตครอบจักรวาล ด้วยนะโมพุทธายะ
ยะเปิดกรรมดี ธาเปิดงานดี พุทเปิดโชคดี โมเปิดลาภดี นะเปิดอำนาจดี
เปิดสิ่งดีๆทั้งหลายมาสู่ตัวข้าพเจ้า ด้วยยะธาพุทโมนะ
นะมะพะธะ พุทธัง ธัมมัง สังฆัง ขออำนาจบารมีของพระรัตนตรัย โปรดเชื่อมโยงบุญบารมี ทานบารมี ศีลบารมี วิริยะบารมี เมตตาบารมี ปัญญาบารมี วาสนาบารมี ฌาณบารมี ญาณบารมี ทั้งหลายทุกภพทุกชาติของข้าพเจ้า จงมารวมกัน ณ ปัจจุบันชาติ และขอพลังบารมีทั้งหลายมาสู่ตัวข้าพเจ้า ณ กาลบัดนี้... เปิดโลก เปิดจิต เปิดธรรม เปิดด้วยนะโมพุทธายะ ยะธาพุทโมนะ
คาถาบทเดิม
"นะโมพุทธายะ ยะธาพุทโมนะ" พลังพระเปิดโลก เป็นพระคาถาเก่าแก่มาแต่โบราณกาล เป็นพระคาถาศักดิ์สิทธิ์มากของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ในภัทรกัปนี้ ได้แก่
นะ-คือ พระพุทธเจ้ากุกกะสันโธ องค์แรกในภัทรกัปนี้
โม-คือ พระพุทธเจ้าโกนาคม องค์ต่อมา
พุท-คือ พระพุทธเจ้ากัสสปะ องค์ถัดมา
ธา-คือ พระพุทธเจ้าพระสมณโคดม องค์ปัจจุบัน
ยะ-คือ พระพุทธเจ้าพระศรีอริยเมตไตรยในอนาคตกาลข้างหน้า
เครดิต ;
https://www.facebook.com/5Buddha/
วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2563
กำเนิดนางสีดา
พระยาพิชัยดาบหัก
พ.ศ. 2325 สิ้นแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ได้ตั้งกรุงเทพฯ เป็น เมืองหลวง พระยาพิชัยดาบหักทูลขอถวายความกตัญญู และความจงรักภักดี ถวายชีวิตเป็นราชพลี ตามพระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสิน เมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2325 จากวันนั้นถึงวันนี้ รวม 234 ปี
ทองดี ฟันขาว ท่านเดินทางถึงเมืองตาก ขณะนั้นได้มีพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาที่วัดใหญ่เจ้าเมืองตาก (สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี) จัดให้มีมวยฉลองด้วย นายทองดี ฟันขาว ดีใจมากเข้าไปเปรียบมวยกับครูห้าว ซึ่งเป็นครูมวยมือดีของเจ้าเมืองตาก และมีอิทธิพลมาก นายทองดี ฟันขาว ใช้ความว่องไวใช้หมัดศอก และเตะขากรรไกรจนครูห้าวสลบไปเจ้าเมืองตากจึงถามว่าสามารถชกนักมวยอื่นอีกได้หรือไม่ นายทองดี ฟันขาว บอกว่าสามารถชกได้อีก เจ้าเมืองตากจึงให้ชกกับครูหมึกครูมวยร่างสูงใหญ่ ผิวดำ นายทองดี เตะซ้ายเตะขวา บริเวณขากรรไกร จนครูหมึกล้มลงสลบไป
เจ้าเมืองตากพอใจมากให้เงิน 3 ตำลึง และชักชวนให้อยู่ด้วย นายทองดี ฟันขาว จึงได้ถวายตัวเป็นทหารของเจ้าเมืองตาก (สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี) ตั้งแต่บัดนั้น รับใช้เป็นที่โปรดปรานมาก ได้รับยศเป็น "หลวงพิชัยอาสา" เมื่อเจ้าเมืองตากได้รับพระราชทานโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระยาวชิรปราการ ครองเมืองกำแพงเพชร หลวงพิชัยอาสาได้ติดตามไปรับใช้อย่างใกล้ชิด และเป็นเวลาเดียวที่พม่ายกทัพล้อม กรุงศรีอยุธยา
พระยาวชิรปราการพร้อมด้วยหลวงพิชัยอาสาและทหารหาญ ได้เข้าปะทะต่อสู้จนชนะ ได้ช้างม้าอาหารพอสมควร ได้เข้าสู้รบกับทัพพม่าหลายคราวจนได้รับชัยชนะ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีได้รับการต้อนรับจากประชาชนและยกย่องขึ้นเป็นผู้นำ เมื่อกอบกู้เอกราชได้แล้ว สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองกรุงธนบุรีและได้โปรดเกล้าฯ ให้หลวงพิชัยอาสา เป็นเจ้าหมื่นไวยวรนาถ เป็นทหารเอกราชองครักษ์ในพระองค์
ในปี พ.ศ. 2311 พม่าได้ยกทัพมาอีก 1 หมื่นคน สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีพร้อมด้วยหมื่นไวยวรนาถได้เข้าโจมตีจนแตกพ่าย และได้มีการสู้รบปราบก๊กต่าง ๆ อีกหลายคราว เมื่อสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีเสด็จกลับกรุงธนบุรี โปรดตั้งเจ้าหมื่นไวยวรนาถเป็น "พระยาสีหราชเดโช" มีตำแหน่งเป็นนายทหารเอกราชองครักษ์ตามเดิม สุดท้ายเมื่อปราบชุมนุมเจ้าพระฝางได้แล้ว สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีได้ทรงปูนบำเหน็จความชอบให้ทหารของพระองค์โดยทั่วหน้า ส่วนพระยาสีหราชเดโช (จ้อย หรือ ทองดี ฟันขาว) นั้น ได้โปรดเกล้าฯ บำเหน็จความชอบให้เป็นพระยาพิชัยปกครองเมืองพิชัยอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนแต่เยาว์วัย
ในปี พ.ศ. 2313 - 2316 ได้เกิดการสู้รบกับกองทัพพม่าอีกหลายคราว และทุกคราวที่กองทัพพม่าแตกพ่ายไป ก็สร้างความอัปยศอดสูแก่แม่ทัพนายกองเป็นทวีคูณ พอสิ้นฤดูฝนปีมะเส็ง พ.ศ. 2316 โปสุพลายกกองทัพมาหมายตีเมืองพิชัยอีก "ศึกครั้งนี้พระยาพิชัยจับดาบสองมือคาดด้าย ออกไล่ฟันแทงพม่าอย่างชุลมุน ณ สมรภูมิบริเวณ วัดเอกา จนเมื่อพระยาพิชัยเสียการทรงตัว ก็ได้ใช้ดาบข้างขวาพยุงตัวไว้ จนดาบข้างขวาหักเป็นสองท่อน" กองทัพโปสุพลาก็แตกพ่ายกลับไป เมื่อวันอังคาร เดือนยี่ แรม 7 ค่ำ ปีมะเส็ง พ.ศ. 2316 (ตรงกับวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2316)
ขอบพระคุณข้อมูล
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1260246744015327&id=369516459755031
วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2563
ชื่อเต็มกรุงเทพฯ
ครั้งแรกที่ร้องเพลง"กรุงทพฯ"ให้นักท่องเที่ยวชาวสเปนฟัง #ชื่อเต็มกรุงเทพฯ
#LifeIsJourney
#ชีวิตคือการเดินทาง
ร้องเพลงให้นักท่องเที่ยวฟัง
ชื่อเพลงกรุงเทพมหานคร
"กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตน์ราชธานีบุรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยะวิษณุกรรมประสิทธิ์"
............
City of Angels, Great City of Immortals,
(พระนครอันกว้างใหญ่ดุจเทพนคร เป็นที่สถิตของพระแก้วมรกต เป็นนครที่ไม่มีใครรบชนะได้)
Magnificent City of the Nine Gems, Seat of the King,
(มีความงามอันมั่นคงและเจริญยิ่ง เป็นเมืองหลวงที่บริบูรณ์ด้วยแก้วเก้าประการ น่ารื่นรมย์ยิ่ง)
City of Royal Palaces, Home of the Gods Incarnate,
(มีพระราชนิเวศใหญ่โตมากมาย เป็นวิมานเทพที่ประทับของพระราชาผู้อวตารลงมา)
Erected by Visvakarman at Indra's Behest.
(ซึ่งท้าวสักกเทวราชพระราชทานให้พระวิษณุกรรมลงมาเนรมิตไว้)
.....................................................
มีเรื่องราวดี ๆ ที่อยากเล่าแวะมาดูเราที่ ;
My blogs link 👆
https://sites.google.com/site/dhammatharn/
http://abhinop.blogspot.com
http://abhinop.bloggang.com
.....................................................
ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
A giver is always be love.
.....................................................
วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2563
หลวงพ่อพรหมสร(รอด)
พระภิกษุรอด สนใจใฝ่ศึกษาทั้งธรรมะและวิปัสสนาธุระจนแตกฉาน จากนั้นจึงเริ่มออกธุดงควัตรไปตามสถานที่ต่างๆ และศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมจากพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงพุทธาคมมากมายหลายรูป จนมีความรอบรู้และเชี่ยวชาญสูง แต่ด้วยท่านเป็นพระที่เคร่งครัดในวัตรปฏิบัติ ไม่ยินดียินร้ายต่อลาภ ยศ และสมณศักดิ์ต่างๆ มุ่งเพียงเผยแผ่และสั่งสอนธรรมะแก่พุทธศาสนิกชน เพื่อให้รู้ดีรู้ชั่ว มีความเพียงพอเป็นที่ตั้ง พร้อมกันนั้นยังมุ่งสร้างศาสนสถานวัดวาอาราม เพื่อให้กุลบุตรได้มีโอกาสได้บวชเรียนศึกษาหาความรู้ และพุทธศาสนิกชนได้เข้าวัดทำบุญฟังเทศน์ฟังธรรมได้โดยสะดวก ไม่ต้องเดินทางไปวัดไกลๆ ด้วยบารมีบุญ หลวงพ่อรอดได้สร้างวัดถึง 5 วัด อันได้แก่ วัดดอนผวา ในปี พ.ศ.2443, วัดบ้านขามเฒ่า ปี พ.ศ.2453, วัดบ้านหนองเคลือขุด ปี พ.ศ.2467, วัดบ้านหนองพลอง ปี พ.ศ.2470 และ วัดบ้านไพ ในปี พ.ศ.2490 ซึ่งในการสร้างวัดแต่ละวัด ท่านได้รับความร่วมมือทั้งกำลังทรัพย์และกำลังแรงกายจากบรรดาลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านในละแวกนั้นๆ ทั้งสิ้น โครงการที่จะสร้างวัดต่อไปได้สิ้นสุดลง เพราะหลังจากสร้างโบสถ์วัดนุกแล้วเสร็จ ท่านก็มรณภาพเสียก่อนในปี พ.ศ.2500 สิริอายุได้ 86 ปี65 พรรษา
หลวงพ่อพรหมสร หรือที่มักเรียกกันติดปากว่า หลวงพ่อรอด ได้จัดสร้างวัตถุมงคล เพื่อแจกจ่ายแก่ศิษยานุศิษย์และสาธุชน เพื่อไว้สักการบูชาและปกป้องภยันตรายต่างๆ มีทั้ง พระรูปหล่อ, เหรียญรูปเหมือน, พระปิดตา รวมถึงเครื่องรางของขลัง อาทิ ขี้ผึ้ง, นางกวัก และผ้ายันต์รอยมือ-รอยเท้าของหลวงพ่อ ซึ่งทั้งหมดล้วนปรากฏพุทธคุณเป็นเลิศในด้านแคล้วคลาดและอยู่ยงคงกระพันชาตรี จนเป็นที่เลื่องลือและรับรู้ของชาวเมืองโคราชแทบทุกคน ที่ต่างเสาะแสวงหาเพื่อให้ได้มาครอบครอง โดยเฉพาะ “เหรียญรูปเหมือน” ที่มีการจัดสร้างด้วยกันถึง 3 รุ่น