เกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด
เกษตรกรต้นแบบ เกษตรกรเส้นทางรวย
เกษตรกรต้นแบบ
กูรู 4 ภาค เกษตรกรเส้นทางรวย เกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด
"มะม่วงงามเมืองย่า ทำ 1 ไร่ ได้ 1 ล้าน"
คุณกิตติกร กีรติเรขา
12 มกราคม 2560 จ.นครราชสีมา
ถ้าท้อถอยกับอุปสรรคที่เข้ามาทดสอบในชีวิต เราจะเป็นได้เพียงแค่ก้อนถ่าน แต่ถ้าเราผ่านไปได้ เราจะกลายเป็นเพชรที่มีมูลค่ามหาศาล
อาจารย์กิจติกร กีรติเรขา หรือ พี่อ้วน อดีตข้าราชการครู จาก จ. นครราชสีมา ผู้หันมาเอาดีด้านการทำสวนมะม่วงงามเมืองย่า จนโด่งดังคับจังหวัดและส่งผลผลิตไปขายไกลถึง ตะวันออกกลาง จีน และประเทศอื่นๆ ในเขตอาเซียน อดีตคนที่มีหนี้สูงถึง 15 ล้านบาทจากงานรับเหมาก่อสร้าง เมื่อครั้งที่ประเทศไทยเจอกับพิษเศรษฐกิจฟองสบู่ ในปี พ.ศ. 2540 แต่วันนี้สามารถปลดหนี้ได้ด้วยการปลูกมะม่วงพันธุ์งามเมืองย่าที่ตนค้นพบ และกลายเป็นเซียนมะม่วงที่นำศิลปะจากวิชาชีพที่ตนถนัดมาประยุกต์ใช้ ด้วยวิธีการปลูกแบบ 90 องศาตะวันออก ที่ทำให้มะม่วงรับแสงแดดได้เต็มที่ ติดลูกดกตลอดปี จนกลายเป็นที่ยอมรับของชาวสวนมะม่วงงามเมืองย่าใน จ.นครราชสีมา ทุกวันนี้ไม่ว่าผลผลิตมีออกมาเท่าไหร่ก็จำหน่ายได้หมดและไม่ต้องมานั่งห่วงเรื่องราคา เพราะควบคุมคุณภาพและปริมาณผลผลิตได้ ทำให้มีรายรับหมุนเวียนสะพัด เป็นหลักล้านต่อรอบการผลิต
กิตติกร กีรติเรขา เจ้าของมะม่วงสายพันธุ์ "งามเมืองย่า"
คุณกิจติกร กีรติเรขา หรือ พี่อ้วน อยู่บ้านเลขที่ 99 หมู่ที่ 11 บ้านหนองปล้อง ต.งิ้ว อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา 30150 อดีตข้าราชการครู สอนวิชาศิลปะ มานานกว่า10 ปี ก่อนจะอิ่มตัวลาออกมาในปี พ.ศ.2534 เพื่อมาทำสวน โดยเริ่มจากการซื้อพื้นที่รกร้าง ค่อนข้างแห้งแล้ง และ ดินเป็นทรายมีสภาพความเป็นกรด(pH 5) ท่ามกลางไร่มันสำปะหลังที่ห้อมล้อม มาพัฒนาเป็นสวนมะม่วง ก่อนจะลงมือปลูกต้นพันธุ์ที่ได้จากการเพาะเมล็ด ไว้หลากสายพันธุ์ โดยปลูกที่ระยะชิด 2 x 2 เมตร วางแถวปลูกไว้แถวละ 1 สายพันธุ์ ด้วยสภาพการปลูกที่ใกล้ชิดและมะม่วงทุกต้นเกิดจากการเพาะเมล็ด โอกาสที่จะเกิดการผสมข้ามและเกิดการกลายพันธุ์จึงมีสูง (2 ปีต่อมา คุณกิตติกร จึงได้มะม่วงลูกผสมพันธุ์ใหม่ขึ้นมาโดยบังเอิญ ซึ่งเป็นลูกผสมที่ได้จากการผสมข้ามสายพันธุ์กันระหว่างมะม่วงมันขุนศรีและมะม่วงน้ำดอกไม้เบอร์ 4 จึงได้ทำการขยายสายพันธุ์ไว้ ) ระหว่างการเริ่มต้นอาชีพชาวสวนที่ยังไม่สามารถทำเงินได้ คุณกิจติกรก็หันมาจับงานรับเหมาก่อสร้างควบคู่ไปด้วย โดยปล่อยให้งานสวนเป็นงานเสริมที่ทำควบคู่ไปกับงานรับเหมา
ในปี พ.ศ.2540 เจอพิษเศรษฐกิจฟองสบู่ กลายเป็นคนมีหนี้สินภายในข้ามคืนทันที 15 ล้านบาท วิกฤติครั้งนี้ทำเอาเซจนเกือบทรุด เพราะต้องสูญเสียทุกอย่างไปแบบไม่คาดคิด จำต้องปิดกิจการรับเหมาก่อสร้างลงไปอย่างปวดใจ เท่านั้นยังไม่พอ ยังผีซ้ำด้ามพลอย เมื่อสวนมะม่วงที่ทำอยู่เกิดไฟไหม้ ทำให้มะม่วงที่ปลูกไว้รอวันเก็บเกี่ยวตายเกือบยกสวน หลงเหลือไว้เพียงสายพันธุ์งามเมืองย่าเพียงไม่กี่ต้น
ปลูกระยะห่าง เอาใจใส่ดูแลอย่างใกล้ชิด
ช่วงที่ชีวิตมีแต่ตัวเลขในบัญชีติดลบจนเกินกว่าจะหาเงินไปลบกลบหนี้ได้ คุณกิจติกร ต้องพึ่งพาอาศัยธรรมมะและวัดเป็นที่เยียวยาหัวใจอยู่นานถึง 4 ปีเต็ม ก่อนจะเกิดจุดเปลี่ยนในชีวิตอีกครั้งหนึ่ง เมื่อพี่ชายกู้เงินมาให้ 70,000 บาท เพื่อให้ใช้ทำทุนตั้งหลักชีวิตใหม่ คุณกิจติกรจึงหันไปจับมะม่วงงามเมืองย่าที่เหลือรอดอยู่อย่างจริงจัง ทำการขยายพันธุ์ปลูกเพิ่มเติม รื้อฟื้นสวนมะม่วงขึ้นมาใหม่ แต่คราวนี้เน้นปลูกแต่พันธุ์งามเมืองย่าเท่านั้น จนกระทั่งใกล้ถึงเวลาได้เก็บเกี่ยวผลผลิตรุ่นแรก ก็ไม่วายที่จะเกิดมรสุมรุมเข้ามาซ้ำเติมอีก เมื่อเกิดพายุลูกเห็บถล่มลงมาทำให้ผลผลิตที่รอวันเก็บเกี่ยวนั้นเสียหาย เหลือรอดเพียงไม่กี่ผล แต่คนอย่างคุณกิจติกร ไม่มีวันถอยกลับไปจนตรอกคุดคู้กร่นว่าชะตากรรมอีกแล้ว จึงเฝ้าประคบประหงม ผลผลิตที่เหลือรอดจากพายุลูกเห็บให้รอดปลอดภัยจากศัตรูอื่นๆ ตามธรรมชาติ จนกระทั่งเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ครั้งแรก คุณกิจติกรเริ่มมองหาตลาดที่จะทำเงินกับมะม่วงสายพันธุ์ใหม่ ที่ยังไม่เคยมีใครลิ้มรส จึงหอบมะม่วงที่มีทั้งหมด ไปขายตามห้างสรรพสินค้า ในราคาลูกละ 250 บาท(น้ำหนักประมาณ 1-2 กก.) ด้วยความแปลกใหม่ ทั้งลูกใหญ่ รสชาติดี และอร่อยไม่เหมือนใคร ผลผลิตครั้งนั้นจึงขายได้หมดเกลี้ยงและนับว่าเป็นก้าวแรกของมะม่วงงามเมืองย่าที่ได้เปิดตัวสู่สาธารณะชนอย่างแท้จริง
คุณกิจติกร จึงทำการเพาะเมล็ดปลูกเพื่อขยายพันธุ์เพิ่มจำนวน เมื่อนำไปปลูกก็ต้องแปลกใจกับลักษณะเด่นที่ค้นพบในมะม่วงต้นนี้ นั้นคือ เมื่อปลูกต้นหลักได้ 1 ปี แล้วตัดยอดไปเสียบกับต้นตอมะม่วงพันธุ์อื่น ได้เพียง 2 ปี ก็ติดผลแล้ว 16 ผล แต่ละผล ให้น้ำหนักเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 1 กก. สามารถเก็บรักษาได้นานและทนทานต่อการขนส่งเพราะมีเปลือกหนา
มะม่วงงามเมืองย่าเกิดจากการผสมระหว่างมะม่วงมันขุนศรีกับน้ำดอกไม้เบอร์ 4 คุณกิจติกรจึงนำผลที่ลูกใหญ่ไปทางมันขุนศรีและหวานหอมไปทางน้ำดอกไม้ ไม่มีเสี้ยน เนื้อกรอบหนา เปลือกหนา เมล็ดลีบ(เล็ก)ผิวเนียนเหลือง ผลใหญ่ 2-3 กก. ทานได้ทั้งดิบและสุกไปขยายพันธุ์
มะม่วงงามเมืองย่า ช่วยฟื้นชีวิต
ในปี พ.ศ. 2536 เริ่มทำการขยายพันธุ์มะม่วงพันธุ์ใหม่นี้แบบจริงจัง ซึ่งจัดว่าเป็นปีแจ้งเกิดมะม่วงพันธุ์งามเมืองย่า มะม่วงพันธุ์ใหม่สายพันธุ์ไทยถิ่นโคราช แห่งบ้านหนองปล้อง หมู่ 9 ต.งิ้ว อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา
ต่อมา ในปี พ.ศ. 2546 คุณกิจติกรมีโอกาสได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ จากการกราบบังคมทูลของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่เข้ามาเห็นการปลูกมะม่วงของคุณกิจติกร พระองค์จึงมีรับสั่งให้คุณกิจติกรเข้าเฝ้าถวายกิ่งพันธุ์มะม่วงงามเมืองย่าที่สวนจิตรลดาในวันปลูกต้นไม้แห่งชาติ จนผู้คนรู้จักมะม่วงพันธุ์นี้กันมากขึ้นจนถึงปัจจุบัน
การเตรียมต้นพันธุ์และการวางแนวปลูก : คุณกิจติกรจะใช้วิธีการเสียบยอดมะม่วงพันธุ์งามเมืองย่าเข้ากับต้นตอมะม่วงแก้วที่ได้จากการเพาะเมล็ด เพื่ออาศัยระบบรากของมะม่วงแก้วในการหากิน เนื่องจากเป็นมะม่วงที่มีความอึดโดยธรรมชาติ มีต้นใหญ่ แข็งแรงทนทานต่อโรคและแมลง เมื่อเสียบยอดไปได้ 2 ปี แล้วนำไปปลูกลงดินอีก 1 ปี ด้วยระยะปลูก 2 x 2 หรือ 2 x 4 เมตร เลี้ยงดูในแนวทางเกษตรอินทรีย์ต่อไปจนกว่าจะให้ผลผลิต ระหว่างนี้ให้บำรุงต้นด้วยน้ำหมักมะม่วงสลับกับนมสด ที่เตรียมได้จาก นมสด 200 ลิตร + เครื่องดื่มชูกำลัง 1 ขวด ผสมให้ทางใบ เดือนละ 2 ครั้ง โดยฉีดพ่นให้ทั่วทรงพุ่ม ใบ ต้น และ ผล จะทำให้ได้มะม่วงผลสวยรสชาติดี ต้นแข็งแรงต้านทานโรค ควรปลูกประมาณเดือนพฤษภาคม - กรกฎาคม เพื่อให้มะม่วงตั้งตัวได้เร็วขึ้น เนื่องจากในฤดูฝนอากาศมีความชุ่มชื้นดี ทำให้มะม่วงตั้งตัวได้เร็ว และเป็นการสะดวกไม่ต้องรดน้ำในระยะแรก
การปลูก : ควรขุดหลุมปลูกให้มีขนาดกว้างยาว และลึก 50 เซนติเมตร - 1 เมตร ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดิน ถ้าดินดี ร่วนซุย มีอินทรีย์วัตถุมาก ก็ขุดหลุมขนาดเล็กได้ ส่วนดินที่ไม่ค่อยดี ให้ขุดหลุมขนาดใหญ่ เพื่อจะได้ปรับปรุงดินในหลุมปลูกให้ดีขึ้น ดินที่ขุดขึ้นมาจากหลุมนั้น ให้แยกเป็นสองกอง คือ ดินชั้นบนแยกไว้กองหนึ่ง ดินชั้นล่างอีกกองหนึ่ง ตากดินที่ขุดขึ้นมาสัก 15 - 20 วัน แล้วผสมดินทั้งสองกองด้วยปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ก้นหลุมก็ใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก รองพื้นด้วย แล้วจึงกลบดินลงไปในหลุมตามเดิม โดยเอาดินชั้นบนลงไว้ก้นหลุม และดินชั้นล่างกลบทับลงไปที่หลัง ดินที่กลบลงไปจะสูงกว่าปากหลุม ควรปล่อยทิ้งไว้ให้ดินยุบตัวดีเสียก่อน หรือรดน้ำให้ดินยุบตัวดีเสียก่อน จึงลงมือปลูก
การปลูกมะม่วงแนว 90 องศาตะวันออก ช่วยให้ติดลูกดกได้ตลอดปี โดยไม่ต้องพึ่งเคมี
อาหารเสริมมะม่วง บำรุงผลให้โต ผิวสวย
ต้นทุนการผลิต
ในปี พ.ศ. 2551 คุณกิจติกรได้รับรางวัลแทนคุณแผ่นดิน จากการทำ มะม่วงงามเมืองย่า 1 ไร่ ได้ 1 ล้าน จากการบริหารจัดการพื้นที่ปลูกมะม่วงงามเมืองย่า ระยะชิด 2 x 2 เมตร จำนวน 400 ต้น / ไร่ เรียกเก็บผลผลิตตั้งแต่ปีแรก ปีที่ 3 เป็นต้นไป ผลผลิตจะเก็บได้อย่างเต็มที่ ผลผลิตขั้นต่ำ 20 ผล / ต้น ซึ่ง 1 ไร่ มี 400 ต้น เท่ากับว่า ใน 1 ไร่ เราจะได้ผลผลิต 8,000 ผล หรือ 8 ตัน ผลละ 1.2 – 1.5 กิโลกรัม อาจารย์คิดขั้นต่ำผลละ 1 กิโลกรัม ขายกิโลกรัมละ 80 บาท จะได้เงิน 640,000 บาท / ไร่ / ปี นอกจากนั้นยังปลูกดีปลีหรือพริกไทยอีก 400 หลัก เก็บผลผลิตเฉลี่ยหลักละ 500 บาท / ปี เป็นเงิน 200,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งหมด 840,000 บาท พืชชั้นล่าง โหระพา และสาระแหน่ พื้นที่ 1 ไร่จะถูกเก็บมาสกัดน้ำมันจำหน่าย ลิตรละ 30,000 บาท รวมเป็นเงินจากการสกัดน้ำมันอีก 16,000 บาท รวมเป็นรายได้ทั้งสินต่อไร่ คือ 1 ล้านบาท
แผนการตลาด
จากคำพูดติดปากที่ว่า "3 เดือน ติดดอก 5 เดือน ติดผล 8 เดือนเก็บเกี่ยว " อาจารย์กิตติกร มีแนวคิดแบบฉีกตำราการตลาดทิ้งว่า ตลาดต้องอยู่ที่เราต้องสร้างผลผลิตให้ปลอดภัยสูงสุดในโลก อร่อยที่สุด เก็บรักษาได้นานที่สุด แปรรูปได้หลากหลายที่สุด และได้รับมาตรฐานและการยอมรับมากที่สุด แค่นี้คนทั้งโลกต้องมากินผลผลิตของเรา นี่คือแผนการตลาดของอาจารย์กิตติกร
ทั้งนี้ ผลผลิตมะม่วงงามเมืองย่าของคุณกิตติกร รวมทั้งการแปรรูปเป็นที่สนใจ จากประเทศญี่ปุ่น และ โซนตะวันออกกลาง จีน รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน (AEC) มีการเดินทางมาเจรจาและสั่งซื้อผลผลิตเป็นจำนวนมาก ทำให้ผลผลิตของอาจารย์กิตติกร ไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด
ผลมะม่วงงามเมืองย่า
เครดิต ;
รักบ้านเกิด.คอม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น