วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2564

พระมหาเจดีย์ชเวดากอง

ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก A giver is always beloved.
พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง 
...ณ เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า 
ในสมัยพุทธกาล... สัปดาห์ที่ ๗ หลังการตรัสรู้ของ "พระพุทธเจ้า" พระพุทธองค์ทรงประทับเสวยวิมุตติสุข ณ ใต้ต้นราชายตนะ (ต้นเกดหรือต้นไม้ที่อยู่แห่งพระราชา) เป็นเวลาอีก ๗ วัน
"ท้าวสักกะเทวราช" ทรงทราบว่านับแต่พระพุทธองค์ตรัสรู้มา ๗ สัปดาห์ รวม ๔๙ วัน ยังมิได้เสวยภัตตาหารเลย จึงนำไม้สีพระทนต์ชื่อ "นาคลดา" พร้อมน้ำจาก "สระอโนดาต" และ "ผลสมอ" อันเป็นทิพยโอสถจากเทวโลก มาน้อมถวายในตอนเช้าของวันขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๘ หรือ "เดือนอาสาฬหะ"
>>> ณ ที่แห่งนี้เอง... ได้มีพ่อค้า ๒ คน ชื่อ "ตปุสสะ" กับ "ภัลลิกะ" นำเกวียน ๕๐๐ เล่ม เดินทางผ่านมาทางตำบลพุทธคยา (อุรุเวลาเสนานิคม) อันเป็นสถานที่ตรัสรู้ของ "พระพุทธเจ้า"
พ่อค้าทั้ง ๒ คน ได้พบพระผู้มีพระภาคเจ้า ขณะทรงประทับอยู่ใต้ต้นราชายตนะ มีพระรัศมีอันผ่องใสงดงามยิ่งนักก็บังเกิดความเลื่อมใส จึงนำ "ข้าวสัตตุผง - สัตตุก้อน" ซึ่งเป็นเสบียงเดินทางของตนไปน้อมถวาย 
ขณะนั้น... พระพุทธองค์ยังไม่มีบาตร "ท้าวจตุมหาราช' ทั้ง ๔ องค์ จึงได้น้อมนำ "บาตรแก้วอินทนิล" มาถวายองค์ละ ๑ ใบ พระพุทธองค์ทรงดำริว่า "ใบเดียวก็เพียงพอแก่เรา" จึงทรงอธิษฐานให้บาตรทั้ง ๔ ใบนั้นประสานเข้าเป็นใบเดียวกัน แล้วทรงรับ "ข้าวสัตตุผง - สัตตุก้อน" จากพ่อค้าทั้ง ๒
หลังจากพระพุทธองค์เสวยเสร็จก็ทรงแสดงธรรม และประทานอนุโมทนา เมื่อจบพระธรรมเทศนา พ่อค้าทั้ง ๒ คนก็เปล่งวาจาถึง "พระพุทธ - พระธรรม" เป็นสรณะตลอดชีวิต ไม่เปล่งวาจาถึง "พระสงฆ์" เพราะขณะนั้นยังไม่มีพระสงฆ์ พร้อมทั้งประกาศตนเป็น "อุบาสกผู้ถึงรัตนะเป็นคู่แรกในพระพุทธศาสนา" 
ก่อนที่จะเดินทางต่อไป... พ่อค้าทั้ง ๒ ได้กราบทูลขอสิ่งของที่ระลึก เพื่อนำกลับไปบูชาสักการะยังบ้านเมืองของตน พระพุทธองค์ทรงเอาพระหัตถ์ลูบพระเศียร "เส้นพระเกศา ๘ เส้น" หลุดติดพระหัตถ์มา จึงทรงประทานให้แก่ ๒ พ่อค้านั้น
พ่อค้า ๒ พี่น้องได้นำ "พระเกศาธาตุ ๘ เส้น" กลับไปยังบ้านเมืองของตน มีพิธีสมโภช "พระเกศาธาตุ" ซึ่งบรรจุไว้ภายในผอบทองคำหลายวันหลายคืน และได้จัดสร้าง "พระมหาเจดีย์ชเวดากอง" เพื่อประดิษฐาน "พระเกศาธาตุ"
ต่อมา... ทั้ง ๒ พี่น้องได้ตามมาเฝ้าพระพุทธเจ้าอีกครั้งที่กรุงราชคฤห์ พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมแก่ทั้ง ๒ จนได้ "บรรลุโสดาปัตติผล" พ่อค้าที่ชื่อ "ตปุสสะ" เป็นอุบาสกไม่บรรพชา ส่วนพ่อค้าที่ชื่อ "ภัลลิกะ" บรรพชาแล้วได้ "บรรลุอรหัตตผล" พร้อมด้วยอภิญญา ๖ ในเวลาต่อมา
"พระมหาเจดีย์ชเวดากอง" กล่าวกันว่า "บนยอดของพระเจดีย์มีเพชรอยู่จำนวน ๕,๔๔๘ เม็ด ชั้นข้างบนสุดมีเพชรเม็ดใหญ่อยู่ ๗๖ กะรัต และทับทิม ๒,๓๑๗ เม็ด มีมรกตเม็ดใหญ่อยู่ตรงกลาง เพื่อรับลำแสงแรกและลำแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์" 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น