“นางอัปสรา ติโลตตมา" ความงามเหนือนางใดในสามโลก
ใน “มหากาพย์มหาภารตะ” (The great epic Mahabharata) พระฤๅษีนาทรมุนี (Sage Narada) ได้เล่าเรื่องความงามและความเสียสละของ “นางอัปสราติโลตตมา" (Tilottamā) ให้แก่ภารดาปาณฑพ (Pāṇḍava) เพื่อสั่งสอนศิลปะศาสตร์ในการครองเรือนระหว่างพี่น้องทั้ง 5 ที่มีมเหสีคนเดียวกันคือ “นางเทราปตี” (Draupadi) ว่า
.
เมื่อครั้งหนึ่ง มีอสูรพี่น้องสองตน ชื่อ “สุนทะ” (Sunda) และ “อุปสุนทะ” (Upasunda) บุตรของอสูรชัมภะ (Jambhā) ที่เคยรบแพ้พระอินทรา ทั้งสองบำเพ็ญตบะบนยอดเขาวินไธย (Vindyas) ทรมานกายด้วยการกินอากาศเป็นอาหาร ยืนหยั่งขาเดียว เบิกตาจ้องพระสุริยะไม่กระพริบตา ปากก็เปล่งวาจาสรรเสริญพระพรหมธาดา ถึงแม้เหล่าเทพเจ้าจะได้พยายามขัดขวาง ด้วยการส่งสาวงามมายั่วยวนทำลายการบำเพ็ญตบะของอสูรทั้งสองก็ตาม แต่ก็ไม่สำเร็จ ตบะที่เกิดขึ้นอย่างแรงกล้าทำให้ภูเขาวินไธยกลายเป็นภูเขาไฟ ระเบิดพวยพุ่งไปถึงถึงสวรรค์ชั้นอรูปพรหม (ชั้นที่ 16)
.
ด้วยอำนาจตบะบารมี พระพรหมธาดาจึงเสด็จลงมา ไต่ถามความต้องการของทั้งสอง อสูรพี่น้องได้ขอพรให้ตัวเองเก่งกว่าใครในสามโลก เป็นอมตะ ใครฆ่าก็ไม่ตาย แต่พระพรหมก็รู้สดับรู้ว่า การให้พรแก่อสูรนั้นเป็นเรื่องไว้ใจไม่ได้ ต้องมีข้อยกเว้นไว้แก้ไข แล้วจึงประสาทพรให้ตามที่ทั้งสองขอมาทุกประการ แต่ก็มีพระสุรเสียงต่อท้ายว่า
.
“..จะไม่มีใครฆ่าเจ้าทั้งสองให้ตายได้ แต่เจ้าจะตาย หากเจ้าเข่นฆ่ากันเอง... (นะ)”
.
ถึงจะสงสัย แต่สองพี่น้องอสูรก็ไม่ติดใจ เพราะมั่นใจว่าเป็นพี่น้องที่มีความรักใคร่กันเป็นอย่างมาก เรียกว่าตายแทนกันได้อยู่แล้ว เมื่อได้ฤทธาอำนาจก็ให้กำแหงหาญ ออกอาละวาดทำลายล้างไปทั่วสามภพ ไล่ฆ่ามนุษย์ นาค ฤๅษี เทวดา รวมทั้งพวกอสูรด้วยกัน ล้มตายเป็นเบือ เหล่าเทพเจ้าบนสรวงสวรรค์ต่างพากันอพยพหนีไปยังพรหมโลกครับ
.
เมื่อถึงกาลวิกฤต ไร้ซึ่งผู้เข้าต่อต้านด้วยเพราะอำนาจแห่งพรพรหม เหล่าเทพเจ้ารวมกันเข้าปรึกษาพระพรหมธาดาให้ช่วยแก้ไข ดั่งข้อยกเว้นที่ได้ทรงแนบไว้ในมหาพร พระองค์ได้ขอให้พระวิศวกรรม (Vishwakarma) ได้เนรมิตอัปสราที่งามเลิศกว่า (อัตมา – uttama- เหนือกว่า) นางใดในสามโลก
นาง“ติโลตตมา" (Tilottamā) จึงได้ถูกสร้างขึ้น โดยพระวิศวกรรมได้รวมเอารัตนอัญมณีจากทุกทั่วสวรรค์ ความหอมของบุปผามาลีทุกแดนฟ้า รัศมีแห่งสุริยะ สังคีตศิลป์ทุกกระแสเสียง สรรพสิ่งที่งามเลิศที่เห็นและสัมผัสได้ มาสร้างเป็นนางอัปสราที่มีชื่อว่าติโลตตมา ขึ้นมา ตามคำบัญชาของพระพรหม เพื่อให้เป็นนางอัปสราที่มีความงามอันสมบูรณ์พร้อม งามยิ่งกว่าเหล่านางอัปสราที่เกิดขึ้นมาจากการกวนเกษียรสมุทร (ที่มี “นางอรุวศี” เป็นนางอัปสราที่สวยที่สุดในบรรดาอัปสราทั้งมวล) ครับ
.
พระพรหมธาดา ได้ขอให้นางติโลตตมา ได้เสียสละกายใจเพื่อดับยุคอันเลวร้าย โดยใช้เรือนร่างทรวดทรง ความงามและเสน่ห์มารยา ยั่วยวนให้พี่น้องอสูรแตกคอกัน จนต้องฆ่าฟันกันเองให้ได้
.
ในยามนี้ ทั้งสามโลกจึงต้องฝากความหวังไว้ที่นางคนเดียวเท่านั้น
.
ด้วยความงามยิ่งกว่าใครในสามโลกอย่างแท้จริง ระหว่างที่นางลงมาจากสวรรค์ เหล่าทวยเทพต่างตาค้าง เหมือนต้องมนตราแห่งอัปสราสะกดนิ่ง เหลียวหลังตามนางไปทุกองค์
.
เมื่อนางได้มาถวายความเคารพพระศิวะด้วยการเดินทักษิณาวัตร (Circumambulated) รอบพระองค์ ก่อนลงมายังโลก พระศิวะยังต้องเปิดพระเนตรมอง จากที่พระองค์มีเพียงพักตร์เดียว เผลอเหลียวมองตามนางติโลตตมาที่เดินวนรอบจนคอหมุนตาม เกิดเป็นพระพักตร์ขึ้นมาอีกรวมเป็นสี่พระพักตร์ งามจนพระนางปารวตีต้องเอามือมาปิดพระเนตรไว้ไม่ให้มองนางติโลตตมา จนจักรวาลมืดดับ พระองค์จึงต้องเปิดพระเนตรที่สามขึ้นที่กลางพระนลาฏเพื่อให้แสงสว่างแก่จักรวาล
.
ส่วนพระอินทร์นั้น อาการหนักกว่าเพื่อน สอดส่ายสายตาตามนางไป จนดวงตาเพิ่มขึ้นทีละดวงจนถึงพัน กลายเป็น “ท้าวสหัสนัยน์”ที่มีดวงตาเต็มพระวรกาย
.
เมื่อนางติโลตตมาลงมาจากสวรรค์ มาพบกับพี่น้องอสูรที่กำลังเสพสุขสำราญในกามโลกีย์ท่ามกลางสาวสวยในโลกมนุษย์ นางเลือกเข้าไปหาและบำเรอกามราคะแก่สุนทะอสูรผู้พี่ก่อน แล้วย้ายไปเสพสังวาสกับอสูรอุปสุนทะผู้น้อง พลางกล่าวน้อยใจว่า
.
“อสูรผู้พี่ของท่านนั้นหมายปองที่จะครอบครองตัวข้าไว้เพียงผู้เดียว ไม่ต้องการให้ข้ามาพบกับท่าน” เสน่หาอันเย้ายวนของนางติโลตตมา สร้างความไม่พอใจให้กับอุปสุนทะอสูรเป็นอย่างมาก
.
แล้วนางติโลตตมาหวนกลับไปหาสุนทะอสูร ด้วยจริตมารยา ยั่วยวนปรนเปรอด้วยลีลาที่เหนือกว่านางใด จนอสูรผู้พี่หลงใหลพร่ำเพ้อ เอ่ยสัญญาว่าจะมอบทุกสิ่งในโลกให้ นางตัดพ้อว่า
.
“คงไม่ได้หรอกพี่อสูร เพราะอุปสุนทะน้องของท่านหมายจะครองข้าไว้เพียงคนเดียว และสัญญาจะมอบทั้งโลกมนุษย์นี้ให้เป็นกำนัลแก่ข้าอยู่แล้ว”
.
คำยุแหย่อันหวานละมุนด้วยเล่ห์กล ทำให้ทั้งสองอสูรเกิดผิดใจกันขึ้นอย่างรุนแรง เมื่อนางเดินออกมาที่กลางลาน ทั้งสองอสูรต่างก็เข้ามาแย่งยื้อ ฉุดรั้งมือแต่ละข้างของนางไว้ นางติโลตตมาจึงตะโกนขึ้นว่า
.
“เห็นไหม...เห็นไหม พี่ เขาหมายจะครอบครองข้าไว้เพียงผู้เดียวเท่านั้น” ทั้งสองอสูรหลงคิดว่านางพูดกับตนเอง จึงบันดาลโทสะเข้าเข่นฆ่าแย่งชิง จนตายไปพร้อมกันทั้งคู่
.
เมื่อเสร็จภารกิจสำคัญตามแผนการที่ได้วางไว้ นางติโลตตมาจึงกลับคืนมาสู่สวรรค์ พระพรหมธาดาเห็นว่า นางอัปสราผู้มีความงามที่สุดในสามโลกนี้จะก่อปัญหาแก่เทพเจ้าผู้มักมากในสวรรค์ จึงให้ไปหลบอยู่หลังแสงพระอาทิตย์ที่แสงเจิดจ้า จนไม่มีใครมองเห็นความงามของนางได้อีกต่อไป
.
"ความสวยงามของเจ้ามันมากนัก หากอยู่สวรรค์ สวรรค์ก็จะปั่นป่วนโกลาหล คงต้องพึ่งแสงอันสว่างของพระสุริยะเทพปิดบังความงามของเจ้าไว้ จะไม่มีใครเห็นเจ้า เรื่องร้าย ๆ เพราะหมายจะแย่งชิงเจ้ากัน จะได้ไม่เกิดบนพรหมโลกแห่งนี้ "
-----------------------------------
*** แต่ถึงแม้กระนั้น ยามที่แสงแห่งพระสุริยเทพอ่อนแรง ผู้คนต่างก็ยังคงเพ่งมองและหลงใหลในเสน่ห์ของนางติโลตตมา งามเหนือใครในสามโลก เมื่อพระอาทิตย์ทอแสงขึ้นและอัสดงลงที่ขอบฟ้า กันมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวครับ
เครดิต :
วรณัย พงศาชลากร
EJeab Academy
เพราะทุกที่มีเรื่องราวและเรื่องเล่า
ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
ตอบลบA giver is always be love. _/|\_