“พระศรีสรรเพชญ์” พระพุทธรูปหุ้มทองคำแห่งราชอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา
ในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ ได้กล่าวถึงการสร้างพระศรีสรรเพชญ์ไว้ว่า
“... ศักราช 862 วอกศก (พ.ศ. 2043) สมเด็จพระรามาธิบดีเจ้า แรกให้หล่อพระพุทธเจ้าศรีสรรเพชญ์ แลแรกหล่อในวัน 186 ค่ำ ครั้นเถิงศักราช 865 กุนศก (พ.ศ. 2046) 11 ค่ำ เดือน 8 ฉลองพระพุทธเจ้าพระศรีสรรเพชญ์ คณนาพระพุทธเจ้านั้น แต่พระบาทเถิงยอดพระรัศมีนั้น สูงได้ 8 วา (16 เมตร) พระพักตร์นั้นยาวได้ 4 ศอก (2 เมตร) กว้างพระพักตร์นั้น 3 ศอก (1.5 เมตร) แลพระอุระนั้นกว้าง 11 ศอก (5.5 เมตร) แลทองหล่อพระพุทธเจ้านั้นหนัก 5 หมื่น 3 พันชั่ง (3,480 กิโลกรัม) ทองคำหุ้มนั้นหนักสองร้อยแปดสิบหกชั่ง (343 กิโลกรัม) ข้างหน้านั้นทองเนื้อ 7 น้ำสองขา ข้างหลังนั้นทองเนื้อ 6 น้ำสองขา...”
ในเอกสารคำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม ฉบับหอหลวง ได้กล่าวถึงพระมหาพุทธปฏิมากรที่มีพระพุทธานุภาพเปนหลักกรุงศรีอยุธยา สืบมาแต่โบราณ 8 องค์ พระศรีสรรเพชญ์ถูกระบุไว้ว่า".... พระพุทธศรีสรรเพชรดาญาณยืนสูง 8 วา หุ้มทองคำทั้งพระองค์ อยู่ในพระมหาวิหารวัดพระศรีสรรเพชร...."
--------------------------------------
*** บันทึกของ “บาทหลวงฟร็องซัว-ตีมอเลอง เดอ ชัวซี” (François-Timoléon de Choisy) ผู้ช่วย “มองสิเออร์ เลอ เชอร์วาเลีย เดอ โชมอง" (Chevalier de Chaumont) ราชทูตฝรั่งเศสที่เข้ามากรุงศรีอยุธยาในช่วงเดือนตุลาคม ปี พ.ศ. 2228 ได้กล่าว่า "...มองสิเออร์ คอนสตันซ์ (Constance Phaulkon - คอนสแตนติน ฟอลคอล) ได้นำคณะบาดหลวงเข้าชมภายในวันพระศรีสรรเพชญ เมื่อวันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ.2228....
....เราพากันเดินต่อไปอีกสักพักใหญ่ก็ไปถึงพระอารามหลวง (วัดพระศรีสรรเพชญ์) พอเดินย่างเข้าไปข้าพเจ้าก็คิดว่าเป็นโบสถ์อย่างของเรานั่นเอง ที่ระเบียงโบสถ์มีเสากลมใหญ่เป็นอันมาก แต่ไม่มีลวดลายพิสดารอะไรเลยเสาใหญ่ ๆ ตามทางเดินและที่ชานระเบียงปิดทองตลอดทั้งต้นทุก ๆ ต้น ส่วนกลางในที่ใกล้กับแท่นอันประดิษฐานพระพุทธรูปนั้น ประดับประดางดงามมาก บนฐานมีพระพุทธรูปทองคำอยู่ 3 องค์ ขนาดเท่าคนธรรมดา นั่งอยู่ในท่าที่ชาวเมืองชอบนั่งกันเสมอเป็นนิจ (เห็นจะนั่งขัดสมาธิ,ไม่ใช่นั่งพับเพียบ) มีเพชรเม็ดใหญ่ประดับอยู่ที่พระนลาฏและที่นิ้วพระหัตถ์ เทวรูปองค์ที่ตั้งอยู่ทางซ้ายมือเมื่อขาเข้ามานั้นเป็นที่เคารพบูชาของชนชาวสยามทั่วไป เป็นสมมุติเทวรูปแห่งเทพยดาของชาวสยาม ซึ่งเมื่อสองหรือสามพันปีมาแล้วอยู่ที่เกาะลังกา ต่อมาประเทศอื่นๆ ที่ใกล้เคียงได้ไปรักษาไว้ และในที่สุดพระเจ้ากรุงสยามมีชัยชนะในการสงคราม จึงอัญเชิญเทวรูปนั้นมาประดิษฐานไว้ที่พระอารามนี้ บรรดาพระเจ้าพระสงฆ์ชาวบ้านชาวเมืองโจษกันว่าเทวรูปองค์นี้บางทีแสดงปาฏิหาริย์ออกไปนอกพระราชวัง ในเมื่อนึกอยากจะออกไป...
...ส่วนกลางพระอารามแห่งนี้ค่อนข้างจะคับแคบและมืดไปสักหน่อย มีชวาลาจุดตามประทีปไว้ 50 ดวง พอไปถึงที่สุดตอนกลางพวกเราก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอันมาก ด้วยได้เห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่หุ้มด้วยทองคำหนาถึง 3 นิ้วฟุตทั้งองค์พระพุทธรูปองค์นี้สูงประมาณ 42 ฟุต (6 วา 2 ศอก ประมาณ 13 เมตร) ส่วนกว้าง (ฐาน) ประมาณ 13 – 14 ฟุต (ประมาณ 4.2 เมตร) เขาพูดกันว่าทองคำที่หุ้มนั้นมีน้ำหนักถึง 12400,000 ปอนด์ฝรั่งเศส...
...นอกจากนี้ เรายังได้เห็นพระพุทธรูปทองคำในโบสถ์อื่น ๆ ในพระอารามหลวงอีกหลายองค์ สูง 17 - 18 ฟุตเท่านั้น (5.4 เมตร) ขนาดเท่าคนก็มี และแทบทุกองค์มีอัญมณีประดับอยู่ที่พระนลาฏและนิ้วพระหัตถ์ ข้าพเจ้ารับรองว่านิ้วพระหัตถ์นั้นเป็นทองคำแท้ทีเดียว พวกเราลองจับและลูบคลำดูทุกคน ส่วนพระพุทธรูปองค์ใหญ่นั้นข้าพเจ้ามิได้แตะต้อง เป็นแต่ยืนห่าง แต่ก็เชื่อแน่นอนว่าคงเป็นทองคำเช่นเดียวกันกับพระพุทธรูปองค์อื่นๆเหมือนกัน เพราะลักษณะและสีสันวรรณะเท่าที่แลเห็นนั้นก็เป็นอย่างเดียวกันทั้งสิ้น นอกจากพระพุทธรูปเหล่านี้แล้ว ยังมีพระพุทธรูปซึ่งประดับเครื่องทองคำอีก 30 องค์เศษ และยังมีอีก 3 องค์สูง 25 ฟุต (7.6 เมตร) และอีก 150 องค์ ขนาดเท่าคนธรรมดา (ในระเบียงคด) พระพุทธรูปเหล่านี้มีอยู่ 3 - 4 องค์ที่หุ้มทองคำ ข้าพเจ้าเห็นพระพุทธรูปเงิน 2 องค์เท่านั้น และที่เป็นทองสัมฤทธิ์ก็มีบ้าง ท่านอยากจะรู้จักชื่อพระพุทธรูปองค์ใหญ่ไหม ? พระพุทธรูปองค์ใหญ่นั้นมีชื่ออย่างเดียวกับพระอาราม (วัดพระศรีสรรเพชญ์) ....
....พระพุทธรูปบางองค์สูงสูงเพียง 2 ฟุต ก็มี ทำด้วยทองคำและทองแดงประสมกัน (นาก) มีรัศมีอร่ามสุกใสยิ่งเรียกว่าทองคำแท้ ๆ เรียกว่า “พระธรรมภาค” (Tambaqne) ข้าพเจ้าไม่เห็นว่าจะสวยงานสมจริงดังคำเล่าลือเลย บางทีจะทำด้วยแร่ทองขาวก็เป็นได้ พระพุทธรูปองค์นี้อนุสาวรีย์ สมมุติกันว่าเป็นโซโลมอน (Salomon) ข้าพเจ้าได้สังเกตดูต้นไม้ที่ตั้งไว้เป็นพุทธบูชานั้น ต้นลำกิ่งก้านและใบทำด้วยทองคำอย่างประณีต ต้นไม้ทองคำเหล่านี้เป็นเครื่องราชบรรณาการซึ่งเจ้าประเทศราชอันเป็นเมืองขึ้นของสยามประเทศส่งมาถวายพระเจ้ากรุงสยาม เมื่อได้ดูทองคำเสียจนจุใจลานตาแล้ว เราก็เลยพากันไปชมปืนใหญ่มหึมา ...
-----------------------------
*** บาทหลวงกี ตาชาร์ด (Guy Tachard) หนึ่งในคณะบาทหลวงที่ได้เข้าไปในวัดพระศรีสรรเพชญพร้อมกับบาทหลวงเดอชัวสี บันทึกว่า “...ตอนเช้าราว 8 นาฬิกา จึงได้เข้าไปในพระราชวังหลวง ซึ่ง มองสิเออร์ คอนสตันซ์ คอยรับอยู่ที่นั่น หลังจากที่ผ่านลานไปสักแปดหรือเก้าแห่งแล้วก็ถึงพระอุโบสถหลังหนึ่ง (พระวิหารหลวง) ซึ่งงดงามและเป็นที่เลื่องชื่อมากของราชอาณาจักร หลังคานั้นมุงด้วยแผ่นตะกั่วถ้ำ อันเป็นโลหะสีขาวชนิดหนึ่งระหว่างดีบุกกับตะกั่วเป็นหลังคา เหลื่อมกันถึงสามชั้นซ้อน ตรงหน้าประตูทางเข้าพระอุโบสถนั้น มีรูปปั้นพระโคอยู่ด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งเป็นรูปสัตว์ประหลาดหน้าตาน่ากลัว พระอุโบสถนี้มีความยาวมากแต่ค่อนข้างแคบ และเมื่อเข้าไปข้างในก็มีแต่ทองคํา ไปเสียทั้งนั้นทั้งต้นเสา ผนัง ลายกระหนกบนเพดาน และปฏิมากรต่าง ๆ ล้วนหุ้มทองไว้อย่างแนบเนียนราวกับว่าปิดทองคําเปลวไปทั่วทุกสิ่ง ตัวพระอุโบสถนั้นก็เหมือน ๆ กับโบสถ์ฝรั่งของเรา คือค้ำจุนหลังคาไว้ด้วยเสาต้น ใหญ่ ๆ เมื่อล่วงลึกเข้าไป มีแท่นคล้ายแท่นบูชาเป็นที่ประดิษฐานปฏิมากร อยู่สามหรือสี่องค์ ล้วนเป็นทองทึบทั้งสิ้น สูงขนาดเท่าตัวคน บ้างก็ยืน บ้างก็นั่งขัดสมาธิตามแบบคนสยาม ลึกเข้าไปมีแท่นยกพื้น คล้ายเวทีที่คณะร้องเพลงสวดในโบสถ์ฝรั่ง เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปอันมีค่ามากของราชอาณาจักร เขาให้ชื่อวัดตามชื่อพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ภายใน....
... พระพุทธรูปองค์นี้สร้างแบบประทับยืน ยอดพระเศียรจรดหลังคาพระอุโบสถ มีความสูงราว 45 ฟุต (ประมาณ 13.7 เมตร) และกว้างราว 7 หรือ 8 ฟุต (2 – 2.4 เมตร) สิ่งที่น่าอัศจรรย์ก็คือเป็นทองทึบทั้งองค์ พระพุทธรูปขนาดนี้น่าจะต้องใช้ทองคําหนักไม่ต่ำกว่าร้อยหาบ (Pic) และจะต้องมีมูลค่าประมาณสิบสองล้านห้าหมื่น livres ทีเดียว เขาว่ากันว่าพระพุทธรูปขนาดมหึมานี้ได้รับการหล่อหลอมตรงที่ประดิษฐานนั่นเอง แล้วจึงสร้างพระอุโบสถขึ้นครอบต่อภายหลัง เราไม่เข้าใจเลยว่าประชาชนพลเมืองที่ค่อนข้างยากจนเหล่านี้ ไปได้ทองคํามาจากที่ไหนมากมายถึงเท่านี้ แต่ก็ไม่สามารถหักห้ามมิให้รู้สึกประทับใจได้เลยเมื่อ ได้เห็นพระพุทธรูป ซึ่งเพียงองค์เดียวเท่านั้นก็มีมูลค่ากว่าศีลศักดิ์สิทธิ์ (Fabernacle) ทุกแห่งในโบสถ์ฝรั่งทั้งหลายของทวีปยุโรปรวมกันเสียแล้ว ใน ที่ใกล้เคียงกันนั้นยังมีพระพุทธรูปขนาดย่อมลงมาอีกหลายองค์ ล้วนเป็นทองคําและประดับด้วยอัญมณี พระอุโบสถหลังนี้มิใช่หลังงามที่สุดในกรุงศรีอยุธยา เป็นความจริงที่ว่าแห่งอื่นมิได้มีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ถึงเท่านี้ แต่ก็มีอยู่หลายแห่งทีเดียวที่มีพระพุทธรูปที่ได้สัดได้ส่วน ประกอบด้วยพุทธลักษณะอันงดงาม อันมีพระอุโบสถอยู่หลังหนึ่งซึ่งควรจะได้บรรยายไว้ ณ ที่นี้ด้วย....
---------------------------------
*** บันทึกของ นิโกลาส์ แชร์แวส (Nicolas Gervaise) ที่เข้ามาพร้อมนักบวชเพื่อเผยแพร่ศาสนาในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2224 – 2229 ได้พรรณนาถึงเรื่องทรัพย์สมบัติของพระมหากษัตริย์ภายในพระราชวังหลวงและในส่วนของวัด จากคำบอกเล่าโดยที่ไม่ได้เข้าไปเห็นด้วยตัวเอง ในบันทึกภาคที่ 4 บทที่ 6 ว่า “... ในพระเจดีย์ (Le Pagode) ที่อยู่ในวังหลวงนั้นมีทรัพย์สมบัติมากมายเป็นที่รับรู้กันของชาวต่างประเทศในกรุงศรีอยุธยา เล่ากันว่าภายในวัดมีรูปทองคำบริสุทธิ์ (Idole d'or, tout pur,) สูงประมาณ 13 เมตร (42 ฟุต - quarantc-deux pieds) หล่อขึ้นตรงบริเวณที่ประดิษฐาน แล้วจึงสร้างวิหารครอบขึ้นภายหลัง....”
------------------------------------
*** จากหลักฐานที่สอดรับกัน ยืนยันว่ามีพระพุทธรูปยืนหุ้มด้วยทองคำ “หนา” 3 นิ้วฟุต (Pouce) น้ำหนักทองคำ 286 ชั่ง ประดิษฐานเป็นประธานภายในวิหารหลวงวัดพระศรีสรรเพชญ์ ทองคำที่หุ้มมีจำนวน 343 กิโลกรัม เท่ากับน้ำหนักทองคำในปัจจุบัน 22,295 บาท ประมาณมูลค่าทองคำเป็นเงินบาทในปัจจุบันที่ 558 ล้านบาทครับ
เครดิต ; FB
วรณัย พงศาชลากร
EJeab Academy
..........................................................
ยังมีสาระเรื่องราวดี ๆ ที่อยากเล่าตามมาดูเราได้ที่ ;
My blogs link 👆
https://sites.google.com/site/dhammatharn/
http://abhinop.blogspot.com
http://abhinop.bloggang.com
..........................................................
ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
A giver is always beloved.
..........................................................
วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564
พระศรีสรรเพชญ์
ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
A giver is always beloved.
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น