วันพุธที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2563

องคุลีมาล

ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งหวงยิ่งอด เราไม่หวงเราไม่อด หมดเดี๋ยวก็มา
ตำนานอังคุลิมาละปริตร
      พระปริตรบทนี้มีเนื้อความว่า นางพราหมณีภรรยาของปุโรหิตาจารย์อันเป็นอาจารย์ของพระเจ้าโกศลราช มีครรภ์ เมื่อวันครบกำหนดแล้วคลอดบุตร เวลาที่คลอดนั้นบังเกิดมหัศจรรย์ เครื่องศาสตราวุธของพราหมณ์ปุโรหิตและพระแสงศาสตราวุธของพระเจ้าโกศลก็ยังเกิดลุกรุ่งเรืองดั่งเปลวไฟ ปุโรหิตนั้นดูฤกษ์บนเมื่อบุตรของตนคลอดนั้นแล้ว ก็ประหลาดใจนักหนาจึงเข้าไปเฝ้าพระเจ้าโกศล ทูลว่า ศาสตราวุธที่ลุกขึ้นเป็นเปลว ทั้งนี้ ด้วยอานุภาพกุมารอันบังเกิดในเรือนข้าพระองค์จะเป็นโจรมีน้ำใจหยาบช้า นานไปจะพิฆาตหมู่ชนเสียเป็นอันมาก แต่ว่าหาประทุษร้ายต่อพระนครไม่ ขอพระองค์จงจับกุมารนั้นไปประหารชีวิตเสีย
      พระเจ้าโกศลรับสั่งว่า จะฆ่ากุมารเสียบัดนี้เป็นการไม่สมควร ให้ปุโรหิตบำรุงรักษากุมารนั้นไว้เถิด ปุโรหิตก็รักษากุมารนั้นไว้ พอกุมารค่อยเจริญขึ้น จึงให้นามกรตามเหตุที่ศาสตราวุธรุ่งเรืองดังแสงเพลิงว่า “อหิงสกกุมาร”
      เมื่ออหิงสกกุมารมีอายุสมควรแก่การเล่าเรียนศิลปศาสาตร์แล้ว มารดาบิดาจึงส่งอหิงสกกุมารไปเรียนวิชาในสำนักอาจารย์ทิศาปาโมกข์ ณ เมือง ตักกศิลา เจ้าอหิงสกะ เป็นผู้ฉลาดเรียนวิชาศิลปะสาสตร์ได้โดยเร็ว ทั้งการปรนนิบัติอาจารย์ก็ดียิ่ง เพื่อนศิษย์ที่เรียนด้วยกันมีความริษยา จึงพากันไปกล่าวแก่อาจารย์ว่า เจ้าอหิงสกะคิดอ่านประทุษร้ายอาจารย์ ทีแรกอาจารย์ก็หาเชื่อไม่ ครั้นพวกหลังมากล่าวอีก อาจารย์ก็ตัดความรักเจ้าอหิสกะนั้นเสีย แล้วทำอุบายเพื่อจะยืมอาวุธจากคนอื่นมาประหารชีวิตเจ้าอหิงสกะเสีย จึงบอกเจ้าอหิงสกะให้ไปฆ่าคนตัดเอานิ้วมือมาคนละนิ้วให้ได้พันหนึ่ง จึงประสาทวิษณุมนต์ให้ เจ้าอหิงสกะ ตอบแก่อาจารย์ว่า การฆ่าคนผิดประเพณีแห่งพราหมณ์วงศ์ ตนมิอาจที่จะกระทำได้ อาจารย์ก็ตอบยืนยันว่า ต้องไปฆ่ามาให้ได้จึงจะประสาทอิทธิมนต์ให้ เจ้าอหิงสกะก็จำใจต้องออกไปสู่ชายป่า ฆ่าคนสัญจรไปมาตัดเอานิ้วมือร้อยเป็นพวงแขวนไว้ได้ถึง ๙๙๙ นิ้ว เหตุนี้จึงเรียกกันว่า “องคุลิมาลโจร” ราษฎรได้รับความเดือดร้อนด้วยเรื่องโจรฆ่าคน จึงไปทูลพระเจ้าโกศลให้ทรงทราบ พระเจ้าโกศลก็ให้ตระเตรียมพลจะออกไปจับโจรฆ่าเสีย นางพราหมณีผู้เป็นมารดาองคุลิมาล ได้ทราบว่าอันตรายจะมีแก่บุตรของตน ก็รีบล่วงหน้าไปก่อนเพื่อจะบอกเหตุให้บุตรของตนทราบ
      ครั้น พระศาสดาทรงทราบด้วยพระญาณว่า องคุลิมาลมีอุปนิสัยแห่งพระอรหัตตผล ถ้าพระองค์ไม่ทรงทรมานเสียก่อน ก็จะทำมาตุฆาตและขาดจากมรรคผล พระองค์จึงเสด็จไปทรงทรมานองคุลิมาลโดยอำนาจพุทธปาฏิหาริย์ องคุลิมาลก็วิ่งไล่พระผู้มีพระภาคเจ้าแต่หาทันไม่ จึงต้องบอกให้พระองค์หยุด พระองค์ก็ทรงพระดำเนินอยู่แต่มีพุทธฎีกาว่า หยุดแล้ว องคุลิมาลจึงหาว่าพระองค์ตรัสมุสาวาท พระองค์ตรัสว่า เราหยุดจากบรรดาอกุศลกรรมแล้ว แต่ตัวเธอยังไม่หยุดจากบาปกรรม พระสุรเสียงนั้นทำให้องคุลิมาลได้สติเห็นโทษของตัว จึงเปลื้องอาวุธและองคุลีทั้ง ๙๙๙ ทิ้งเสีย และขออุปสมบท พระองค์ก็ทรงอนุญาต แล้วนำไปสู่พระเชตะวัน
      วันรุ่งขึ้น พระองคุลิมาลไปบิณฑบาตในพระนครสาวัตถี ชาวเมืองก็ตกใจกลัวต่อมรณภัยพากันหนีไปสิ้น ไม่มีใครใส่บาตรท่านเลย ครั้งนั้นมีหญิงคนหนึ่งท้องแก่ เห็นพระองคุลิมาลเข้าก็มีความตกใจ จึงทำกิริยาลอดรั้วหนี ด้วยเหตุท้องใหญ่ลอดไปมิได้ และบังเอิญเจ็บท้องจวนคลอดลูกในขณะนั้น แต่ยังทนลำบากอยู่หาคลอดได้ไม่ ญาติของหญิงคนนั้นคนหนึ่งคิดขึ้นว่า ถ้าพระองคุลิมาลท่านตั้งความสัจจาธิษฐานให้หญิงนี้คลอดลูกสะดวกแล้ว ก็คงคลอดได้ง่าย จึงนิมนต์ท่านไปตั้งความสัจจาธิษฐาน พระองคุลิมาลก็ตั้งความสัตย์ เนื้อความเหมือนในคาถาสวดมนต์ หญิงนั้นก็คลอดลูกได้โดยง่าย ที่ที่พระองคุลิมาลตั้งความสัตย์ ภายหลังได้ก่อเป็นแท่นไว้ แม้ว่าสัตว์เดรัจฉานและสตรีที่คลอดบุตรมิได้สะดวก ไปนอนบนแท่นนั้นก็คลอดบุตรง่ายยิ่งนัก แม้ไปไม่ได้เอาน้ำล้างแท่นนั้น มารดศีรษะสตรีที่คลอดบุตรไม่สะดวกก็ว่าคลอดได้ง่าย และว่าเป็นวัณโรคเมื่อเอาน้ำล้างแท่นนั้นมารดศีรษะบ้าง ให้กินบ้างก็หายได้
      เมื่อพระองคุลิมาลทำสัจจาธิษฐานแล้ว ก็ได้อาหารบิณฑบาตพอฉันจึงกลับมาเจริญสมณธรรมต่อไป พระผู้เป็นเจ้าเจริญสมณธรรมได้ความกำเริบร้อนใจยิ่งนัก ให้เห็นไปว่าอสูรกายที่ฆ่าไว้มาทวงเอาชีวิตเนืองๆ ภายหลังได้รับพุทโธวาทว่า ให้กำจัดบาปกรรมให้ปราศจากสันดานเหมือนดังบุรุษเอาสาหร่ายและจอกแหนออกจากบ่อน้ำ พระผู้เป็นเจ้าก็ปฏิบัติตามพุทธฎีกา ในไม่ช้าก็ได้บรรลุแก่พระอรหัตตผลเป็นอริยบุคคลในพระพุทธศาสนา
      พระคาถาที่สวด สวดแต่เฉพาะคาถาที่พระองคุลิมาลอธิษฐาน สวด ๓ จบ มีคาถาที่สวดและคำแปลดังต่อไปนี้
บทขัดอังคุลิมาละปริตร
 ปะริตตัง ยัมภะณันตัสสะ                          
แม้แต่น้ำล้างตั่งรองนั่งของ
นิสินนัฏฐานะโธวะนัง                                 พระองคุลิมาลเถระผู้กล่าวพระปริตรบทใด
อุทะกัมปิ วินาเสติ                                      ยังบันดาลให้อันตรยทั้งปวงหายไปได้
สัพพะเมวะ ปะริสสะยัง
โสตถินา คัพภะวุฏฐานัง                     
อนึ่ง พระปริตรบทใดที่พระโลกนาถเจ้า
ยัญจะ สาเธติ ตังขะเณ                      
ทรงภาษิต แก่พระองคุลิมาลเถระ
เถรัสสังคุลิมาลัสสะ                                   ย่อมยังการคลอดบุตรให้สำเร็จโดยสวัสดี
โลกะนาเถนะ ภาสิตัง                      
ทันทีทันใด
กัปปัฏฐายิ มะหาเตชัง    
เราทั้งหลาย จงสวดพระปริตรบทนั้น
ปะริตตันตัมภะณามะ เห ฯ  
ซึ่งมีเดชมาก ตั้งอยู่ตลอดกัป เทอญ ฯ
อังคุลิมาละปริตร
(บทนี้ทำให้คลอดบุตรง่าย และป้องกันอุปสรรคอันตรายได้ดีนักแล)
ยะโตหัง ภะคินิ อะริยายะ                        ดูก่อนพี่น้องหญิง ตั้งแต่เราเกิดแล้ว
ชาติยา ชาโต นาภิชานามิ สัญจิจจะ  
โดยชาติเป็นอริยะ มิได้รู้แกล้ง
ปาณัง ชีวิตา โวโรเปตา 
เพื่อจะปลงสัตว์มีชีพจากชีวิต
เตนะ สัจเจนะ โสตถิ เต     
ด้วยคำสัตย์นี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่ท่าน
โหตุ โสตถิ คัพภัสสะ ฯ                      
ขอความสวัสดี 
จงมีแก่ครรภ์ของท่าน ฯ
ธรรมะบูชา DhammaBoocha
ขอขอบคุณ
-         หนังสือสวดมนต์แปล วัดวงษ์ฆ้อง จ.พระนครศรีอยุธยา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น