วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2563

อานิสงส์การให้ธรรมทาน

ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งหวงยิ่งอด เราไม่หวงเราไม่อด หมดเดี๋ยวก็มา
อานิสงส์แห่งการเผยแพร่ธรรมทาน
พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า 
“...ดูกรสุภูติ หากชายคนหนึ่งทำทานโดยการ
ถวายทานด้วยสมบัติกองสูงเท่ากับภูเขาพระสุเมรุทั้ง
จักรวาลมารวมกัน ส่วนอีกคนหนึ่ง รับฟังคำสอนไว้
ในใจ อ่าน เรียนรู้ จดจำ แล้วสั่งสอนผู้อื่น
บุญกุศลของชายคนแรกยังไม่มากเท่าหนึ่งใน
ร้อย หนึ่งในพัน หนึ่งในแสน ของบุญกุศลที่ชายคน
ที่สองได้รับ เพราะไม่สามารถจะเปรียบกันได้เลย
ครั้งหนึ่ง 
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จประทับอยู่ในเชตวันมหาวิหาร ณ กรุงสาวัตถี
ในเวลานั้นพระสารีบุตรเถระเจ้า มีความประสงค์จักทูลถามพระพุทธเจ้าให้ทรงแสดงธรรม
ประกาศอานิสงส์การสร้างพระไตรปิฎก ให้ทราบทั่วถึงกันแก่พุทธบริษัทพระเถระเจ้าก็เข้าเฝ้าทูลถาม แก่พระผู้มีพระภาคเจ้า ว่า
"ว่าข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าชนทั้งหลายให้พุทธศาสนายืนยาวถึง ๕ พันวัสสา 
จะมีอานิสงส์เป็นประการใด พระพุทธเจ้าข้า "
พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า 
"ดูกรท่านสารีบุตร ถ้าชนทั้งหลายมีจิตศรัทธาเลื่อมใสเช่นนั้นแล้ว
เมื่อตายไปแล้วก็จักรได้เสวยราชสมบัติเป็นพระเจ้าจักรพรรดิราชถึง ๘ หมื่น ๔ พันกัลป์
ใช่แต่เท่านั้น
เมื่อเคลื่อนจากความเป็นพระเจ้าจักรพรรดิแล้ว ก็จะได้เป็นพระราชา มีอนุภาพอีก ๙ อสงไขย
ต่อจากนั้นก็ได้เสวยสมบัติในตระกูลต่าง ๆ เป็นลำดับไป คือตระกูลพราหมณ์มหาศาล ตระกูลเศรษฐีคฤหบดี 
และเป็นภูมิเทวดาอากาศเทวดา อย่างละ ๙ อสงไขย 
ต่อแต่นั้นก็จะได้เสวยในสวรรค์ทั้ง ๖ ชั้น เป็นลำดับไปชั้นละ ๘ อสงไขย 
เมื่อ จุติจากชั้นเทวโลกแล้ว มาถือกำเนิดเกิดเป็นมนุษย์ ก็จะมีร่างกายบริสุทธิ์ผุดผ่อง 
เป็นที่รักใคร่แก่คนทั้งหลายที่ได้พบเห็นทั้งน้ำใจก็บริสุทธิ์
สุจริตปราศจากบาปธรรมอกุศลทั้งปวง 
และเป็นผู้มีปัญญาเฉลียวฉลาดรอบรู้ทั้งทางโลกและทางธรรม ดังนี้เป็นต้น 
และได้ตรัสต่อไปอีกว่า 
ดูกรท่านสารีบุตร เมื่อตถาคตสร้างบารมีอยู่ได้เกิดเป็นอำมาตย์ของพุทธบิดา 
แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ปุราณโคดม 
ได้สร้างพระไตรปิฎกไว้ให้สืบองค์ ได้ตั้งความปรารถนา ขอตรัสเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งเถิดในอนาคตกาล 
สมเด็จพระปุราณโคดมบรมศาสดาทรงพยากรณ์ไว้ว่า อำมาตย์ผู้นี้ต่อไปภายภาคหน้า จะได้ตรัสเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง
มีพระนามว่า พระสมณโคดมก็คือพระตถาคตเรานี้เองดังนี้แล"
ก็สิ้นสุดพระกระแสธรรมเทศนา ที่พระบรมศาสดาทรงแสดงแก่พระสารีบุตรเถระเจ้าแต่เพียงเท่านี้
“สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ 
การให้ธรรมเป็นทาน ย่อมชนะการให้ทั้งปวง”

1 ความคิดเห็น:

  1. ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
    A giver is always be love. _/|\_

    ตอบลบ