วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ทำไมต้องทำบุญ

ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งหวงยิ่งอด เราไม่หวงเราไม่อด หมดเดี๋ยวก็มา
เคยมีท่านเจ้าคุณรูปหนึ่งถามท่านพ่อลีว่า
"ในเมื่อเป็นพระกรรมฐาน ดำเนินในปฏิปทาของ "ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต" แล้ว ทำไมท่านจึงชอบนำพาเหล่าบรรดาญาติโยม จัดงานบุญงานกุศลสร้างพระอยู่เป็นประจำ ไม่มุ่งเน้นพาเหล่าบรรดาญาติโยมให้ปฏิบัติภาวนาล่ะ?"
ท่านพ่อลีท่านก็ตอบท่านเจ้าคุณรูปนั้นว่า
เกล้ากระผม ทำนาไม่ได้เอา
"ข้าว" อย่างเดียว  (มรรคผล)
"แกลบ" ผมก็เอา  (เนกขัมมบารมี)
"รำ" ผมก็เอา  (บุญกุศล)
"ฟาง" ผมก็เอาขอรับ (นิสัยวาสนา)
หมายเหตุ : เพราะในบุคคลทั้งหลายย่อมมีนิสัยวาสนาและบุญบารมีธรรมที่สั่งสมอบรมมามากน้อย ต่างกันไม่เท่าเทียมกัน ครั้นถ้าท่านพ่อลีจะมุ่งเน้นสอนแต่ "การภาวนา" ก็คงจะได้ผลเพียงบางคนเท่านั้น
ท่านจึงเล็งเห็นว่า คนที่ "บารมียังอ่อน" ยังไม่ถึงพระนิพพานในชาตินี้ ก็คงต้องได้อาศัยยึดเกาะ "บุญกุศล" ให้จิตใจมีศีลมีธรรม เพื่อไม่ตกลงในอบายภูมิ ได้แก่ นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน ท่านจึงมีดำริสร้างพระพุทธรูปและมีงานบุญอยู่เป็นประจำ อันเป็นความปรารถนาดีที่ท่านมีต่อลูกศิษย์ทุกๆคน เพียงแต่ใครจะมีสายตามองเห็น "ความเมตตา"ขององค์ท่านได้มากน้อย ตามแต่ภูมิจิตภูมิธรรมของแต่ละบุคคลเป็นรายๆไป
กรรมเป็นผู้จำแนกสัตว์
สมบัติของเรา คือ กาย วาจา ใจ เป็นสิ่งที่ได้ด้วยยาก เพราะคนที่เกิดมาเป็นมนุษย์นี้ต้องประพฤติศีล ๕ มีกรรมบถ ๑๐ จึงจะเล็ดลอดมาเกิดเป็นมนุษย์ได้ ทีนี้เรามาพิจารณาดูสิ การจะมาปฏิบัติศีล ๕ หรือมาปฏิบัติกรรมบถ ๑๐ นี่มันยากง่ายเพียงใด แค่ไหน ถ้าเราคิดว่าการรักษาศีล ๕ เป็นของยาก การรักษากรรมบถ ๑๐ เป็นของยาก เราก็จะรู้ว่าการมาเป็นมนุษย์นี้เป็นของยาก
การได้ความเป็นมนุษย์มาก็ได้มาด้วยกฎของกรรม คนเราทุกๆ คนอยากจะไปเกิดในสถานที่ดีๆ ทีสมบูรณ์พูนสุข แต่เราก็เลือกเกิดเองไม่ได้ ทั้งนี้เพราะกฎของกรรมมันจำแนก กัมมัง สัตเต วิภะชะติ กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้เป็นต่างๆ กัน
บางคนถูกกรรมจำแนกในตระกูลต่ำ บางคนถูกกรรมจำแนกให้เกิดในตระกูลปานกลาง ลางคนก็ถูกจำแนกให้เกิดมาแล้วเป็นผู้มีสุขภาพไม่สมบูรณ์ ทั้งนี้เพราะกฏของกรรมและอำนาจของกรรมเป็นผู้จำแนก
ใครจะเชื่อก็ตาม ไม่เชื่อก็ตาม คนเรามีความสามารถพอๆ กันเกือบทุกคนนั่นแหละ สมมุติว่าใครก็ตามที่เรียนจบปริญญามาด้วยกัน มาทำงานร่วมกัน ในสถาบันเดียวกัน คนหนึ่งมีความก้าวหน้า ก้าวหน้าทั้งยศถาบรรดาศักดิ์และทรัพย์สมบัติ อีกคนหนึ่งก้าวไปไม่ได้ถึงไหน ยังแถมยากจนด้วย เงินเดือนก็ไม่พอใช้ ทั้งที่คน ๒ คนนี้มีความรู้เท่ากัน มีกำลังกายแข็งแรงเท่ากัน แต่ทำไมจึงประสบผลสำเร็จไม่เหมือนกัน ก็เพราะผลของกรรมนั่นเอง
ดังนั้น หลักพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าเป็นผู้รู้ทรงรู้แจ้งเห็นจริง คนที่ทำกรรมดีได้ดี ทำกรรมชั่วได้ชั่ว พระองค์จึงสั่งสอนให้ทำแต่กรรมดี ฉะนั้น ที่ท่านทั้งหลายตั้งใจร่วมกันจัดให้มีการฟังเทศน์เป็นประจำ จะว่าทุกเดือนหรือทุกสัปดาห์ก็ว่าได้นั้น ก็เพราะเชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้าว่าการฟังเทศน์เป็นบุญอย่างหนึ่ง และถ้าฟังแล้วนำเอาไปปฏิบัติตามด้วยก็ยิ่งได้บุญมาก

1 ความคิดเห็น:

  1. ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
    A giver is always be love. _/|\_

    ตอบลบ