วันพุธที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

คุณของพระพุทธเจ้า ๘

ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งหวงยิ่งอด เราไม่หวงเราไม่อด หมดเดี๋ยวก็มา

คุณของพระพุทธเจ้า ๘

ทรงคุณเป็นที่ชอบใจ


          คนดีนั้นใคร ๆ ก็รัก อย่าว่าแต่คนธรรมดาเลย แม้แต่เทวดาก็ชอบ ท้าวสักกะผู้เป็นจอมเทพได้ถามพวกเทวดาชั้นดาวดึงษ์ว่า
"ท่านผู้นิรทุกข์ทั้งหลาย ท่านทั้งหลายอยากจะฟังพระคุณ ๘ ประการของพระผู้มีพระภาคเจ้าตามที่เป็นจริงไหม"เทวดาเหล่านั้นได้กล่าวรับคำว่า อยากจะฟัง
ท้าวสักกะได้กล่าวประกาศพระคุณ ๘ ประการของพระพุทธองค์ไว้ดังนี้

          ๑. พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ทรงปฏิบัติแล้วเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อความเอ็นดูต่อโลก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์    เราไม่เห็นประศาสดาผู้ประกอบด้วยองค์คุณแม้อย่างนี้เลย ในอดีตกาล แม้ในกาลนี้ก็ไม่เคยเห็นนอกจากพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น.

          ๒. พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ตรัสดีแล้ว เป็นธรรมอันผู้ศึกษาและปฏิบัติพึงเห็นได้ด้วยตนเอง ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา ควรเรียกกันมาดู ควรน้อมเข้ามาใส่ตน เป็นธรรมที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน   เราไม่เห็นพระศาสดาผู้ประกอบด้วยองค์คุณแม้อย่างนี้ ผู้แสดงธรรมที่ควรน้อมเข้ามาสู่ตนอย่างนี้เลย ในอดีตกาล แม้ในกาลนี้ก็ไม่เคยเห็น นอกจากพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น

          ๓. พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ทรงบัญญัติดีแล้วว่า นี้เป็นกุศล นี้เป็นอกุศล นี้ประกอบด้วยโทษ นี้ไม่ประกอบด้วยโทษ นี้ควรเสพ นี้ไม่ควรเสพ นี้เลว นี้ประณีต นี้ประกอบด้วยการแบ่งแยกเป็นธรรมดำธรรมขาว   เราไม่เห็นพระศาสดาผู้ประกอบด้วยองค์คุณแม้อย่างนี้ ผู้บัญญัติแล้วซึ่งธรรม โดยความเป็นกุศล อกุศล เป็นต้น อย่างนี้ เลยในอดีตกาล แม้ในกาลนี้ก็ไม่เคยเห็น นอกจากพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น.

          ๔. พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ทรงบัญญัตินิพพานคามีนีปฏิปทาแก่สาวก เป็นอย่างดีแล้ว  นิพพานและปฏิปทาย่อมกลมกลืนกัน เปรียบเสมือนน้ำในแม่น้ำคงคากับน้ำในแม่น้ำยมุนาย่อมไหลกลมกลืนเสมอกัน  เราไม่เห็นพระศาสดาผู้ประกอบด้วยองคคุณแม้อย่างนี้ ผู้บัญญัติปฏิปทา เพื่อให้ถึงซึ่งนิพพานอย่างนี้เลย ในอดีตกาล แม้ในกาลนี้ก็ไม่เคยเห็น นอกจากพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น

          ๕. พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ทรงได้ซึ่งสหายเป็นผู้ปฏิบัติในระดับพระเสขะและผู้อยู่จบพรหมจรรย์สิ้นอาสวะ : เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคจึงทรงละจากหมู่แล้ว ประกอบความยินดีในการอยู่พระองค์เดียวอยู่  เราไม่เห็นพระศาสดาผู้ประกอบด้วยองค์คุณแม้อย่างนี้ ผู้ประกอบความยินดีในการอยู่ผู้เดียวอย่างนี้เลยในอดีตกาล แม้ในกาลนี้ก็ไม่เคยเห็น นอกจากพระผุ้มีพระภาคพระองค์นั้น.

          ๖. ลาภและเสียงสรรเสริญ ได้พรั่งพร้อมแก่พระผู้มีพระภาคอย่างเดียวกันกับที่พวกกษัตริย์เขาพอใจกันอยู่ แต่พระผู้มีพระภาค พระองค์นั้น ปราศจากความมัวเมา เสวยพระกระยาหาร   เราไม่เห็นพระศาสดาผู้ประกอบด้วยองค์คุณแม้อย่างนี้ ผู้เสวยพระกระยาหารอยู่โดยปราศจากความมัวเมาอย่างนี้ เลยในอดีตกาล แม้ในกาลนี้ก็ไม่เคยเห็น นอกจากพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น.

          ๗. พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ตรัสอย่างไรทำอย่างนั้น ทำอย่างไรตรัสอย่างนั้น : เพราะเหตุนั้น พระองค์จึงชื่อว่าเป็นผู้ยถาวาทีตถาการี ยถาการีตถาวาที   เราไม่เห็นพระศาสดาผู้ประกอบด้วยองค์คุณแม้อย่างนี้ ผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมแล้วอย่างนี้เลย ในอดีตกาล แม้ในกาลนี้ก็ไม่เคยเห็น นอกจากพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น.

          ๘. พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ทรงเป็นผู้ข้ามวิจิกิจฉาได้แล้ว ปราศจากความสงสัยว่าอะไรเป็นอะไร มีความดำริประสบความสำเร็จแล้ว ถึงกับมีอาทิพรหมจรรย์เป็นอัธยาศัย   เราไม่เห็นพระศาสดาผู้ประกอบด้วยองค์คุณแม้อย่างนี้ ผู้มีอาทิพรหมจรรย์เป็นอัธยาศัยอย่างนี้เลย ในอดีตกาล แม้ในกาลนี้ก็ไม่เคยเห็นนอกจากพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น


          ท้าวสักกะผู้จอมเทพ ได้กล่าวประกาศพระคุณของพระผู้มีพระภาคตามที่เป็นจริงแก่เทวดาชั้นดาวดึงษ์ ๘ ประการเหล่านี้แล้ว   พวกเทวดาพากันยินดีปรีดา ส่งเสียงกึงก้อง, บางพวกร้องขึ้นว่า อยากจะให้มีพระพุทธเจ้าอย่างนี้เกิดขึ้นในโลกสัก ๔ องค์, บางพวกร้องว่า อยากให้เกิดขึ้นสัก ๓ องค์,บางพวกว่า อยากให้เกิดขึ้นสัก ๒ องค์ 
แต่ท้าวสักกะอธิบายให้ฟังว่า เป็นไปไม่ได้ที่พระพุทธเจ้าจะเกิดขึ้นในโลกพร้อมคราวเดียวกันเกินกว่า ๑ องค์ฯ

2 ความคิดเห็น:

  1. ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
    A giver is always be love. _/|\_

    ตอบลบ
  2. ททมาโน ปิโย โหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
    A giver is always beloved. _/|\_

    ตอบลบ