วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

กระต่ายกับดวงจันทร์

ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก A giver is always beloved.

ทำไม “กระต่าย” จึงได้ขึ้นไปอยู่บนดวงจันทร์
หลายท่านคงสงสัยกันว่า ทำไมกระต่ายถึงได้ไปเกี่ยวข้องกับดวงจันทร์ ซึ่งบ้างก็ว่า คงเป็นเพราะรอยสีเทาคล้ำบนพระจันทร์ในยามเต็มดวง คล้ายรูปร่างของกระต่าย
ในปกรณัมของจีนและญี่ปุ่น เล่าว่า ภาพที่ปรากฏบนดวงจันทร์ คือ “กระต่ายขาวกำลังตำข้าวในครก” กระต่ายเป็นผู้รับใช้ “เซียน” หรือผู้วิเศษ ทำหน้าที่ปรุงยาอายุวัฒนะ ทั้งยังเป็นสัตว์เลี้ยงของ “ฉางเอ๋อ” เทพธิดาแห่งดวงจันทร์อีกด้วย
ในปกรณัมของฮินดู เล่าว่า “พระจันทราเทพ” จะถือกระต่ายไว้ในพระหัตถ์ เนื่องจากคำว่ากระต่ายในภาษาสันสกฤต คือ "ศศะ" ดังนั้นจึงเรียกดวงจันทร์ว่า "ศศิน" (ศศินฺ) แปลว่า "ที่ซึ่งมีกระต่าย” กระต่ายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธ์ของพระจันทรา จึงได้รับการปกป้องคุ้มครองในยามค่ำคืน
วัฒนธรรมอินคาในอเมริกาใต้   ก็มีเทวีแห่งจันทรา “อิช เชล” (Ix Chel) อุ้มกระต่ายไว้บนตัก ในความหมายของ “เทวี-ผู้หญิงแห่งการมีลูก” (กระต่ายเป็นสัตว์ที่ชอบมีลูกมากที่สุดในโลก)
-------------------------------------
*** นิทานสมัยใหม่เรื่องหนึ่ง ดัดแปลงมาจาก “สสปัณฑิตชาดก” (Sasa Jātaka) เล่าไว้ว่า ......เมื่อครึ่งหนึ่ง พระอินทร์ อยากลองใจสัตว์สามชนิด คือ “เต่า ลิงและกระต่าย” ที่ต่างก็บำเพ็ญเพียรบารมี เพื่อลองใจดูว่าสัตว์ตัวไหนจะบรรลุธรรม
พระอินทร์จึงแปลงร่างเป็นฤๅษีเฒ่า ลงมาบนโลกด้วยอาการอดอยากหิวโหย และเข้าไปหาเต่าที่ริมหนองน้ำ เป็นตัวแรก เต่าจึงลงไปหาผักบุ้ง และพืชน้ำ (อันเป็นอาหารประจำของตน) มาเป็นอาหารให้กับฤๅษี (แปลง) ซึ่งก็สร้างความพอใจกับองค์อินทราเป็นอย่างมาก จึงกล่าวให้พร “เจ้าผ่านการบำเพ็ญแล้ว ขอให้เจ้ามีอายุยืนยาว ยิ่งกว่ามนุษย์”
เมื่อพระอินทร์ในร่างฤๅษี เดินทางมาพบกับลิง และขอความช่วยเหลือเช่นเดียวกันกับเต่า ลิงก็ได้กุลีกุจอไปหาผลหมากรากไม้ (อันเป็นอาหารประจำของตน) มาให้ด้วยความเต็มใจ พระอินทร์จึงให้พร “เจ้าผ่านการบำเพ็ญแล้ว ขอให้เจ้าว่องไวและชาญฉลาด”
จนเมื่อพระอินทร์เดินทางมาทดลองใจกับกระต่าย กระต่ายรีบไปหาหญ้า ที่เป็นอาหารประจำของตนมาให้พระอินทร์ ระหว่างทางกระต่ายก็คิดขึ้นได้ว่า “อันหญ้านั้นเป็นเพียงอาหารสำหรับสัตว์อย่างเราเท่านั้น พระดาบสผู้เจริญจะมาทานอาหารแบบนี้ คงไม่เหมาะสมเป็นแน่”
เมื่อกลับมาพบพระฤๅษี กระต่ายก็ยกแต่หญ้าแห้งมากองใหญ่ พระอินทร์ (แปลง) เลยสงสัย และฉุกคิดในใจทันทีเมื่อเห็น  “กระต่ายเอย เจ้าคงบำเพ็ญบารมีไม่เพียงพอ จึงคิดได้แค่เอาหญ้าแห้งที่แม้แต่ตัวเจ้าเองไม่สามารถกินได้มาให้แก่ผู้อื่น เพราะเจ้าเพียงคิดถึงแต่ตัวเอง เจ้าคงไม่ผ่านการบำเพ็ญในครั้งนี้แล้วเป็นแน่”
แต่ยังไม่ทันที่จะเอ่ยคำใด ๆ กระต่ายได้กล่าวขึ้นก่อนว่า “พระดาบสเจ้าข้า อันตัวข้าน้อยนั้น มิอาจจะนำอาหารที่เป็นของสัตว์ชั้นต่ำอย่างข้า มาถวายให้แก่ผู้ถือศีลบารมีเช่นท่านได้” ว่าแล้วกระต่ายก็จุดกองไฟจากหญ้าแห้งที่ตนนำมาขึ้นจนลุกโชติ พาให้พระอินทร์แปลงงวยงงสงสัย
“...พระมุนีผู้เมตตา ถึงข้านั้นจะไม่มีอาหารในชีวิตประจำวันของข้ามาถวายให้สมแก่ท่าน แต่ตัวข้านั้นก็คือ “อาหาร” อันโอชะที่สุดในโลกนี้ พระมุนีไม่ต้องแตะต้องหรือฆ่าตัวข้าให้เกิดเป็นบาปกรรม ข้านั้นยินยอมที่จะเป็นอาหารเพื่อดับความหิวโหยให้แก่ผู้ทรงศีล..... ขอพระมุนีได้โปรดทานข้าดับความหิวโหยอันโหดร้าย เมื่อข้าสิ้นชีวิตลงด้วยเถิด....”
ว่าแล้ว กระต่ายจึงกระโดดเข้าสู่กองไฟ จนร่างไหม้สุก ส่งกลิ่นหอมหวนน่ากินไปทั่วป่า
พระฤๅษีหรือพระอินทร์ ผู้ทดสอบความดีแห่งสรรพสัตว์ ถึงกับน้ำตาไหลพราก
“นี่ข้าดูเจ้าผิดพลาด ไปตั้งแต่แรกเลยเชียวหรือ การบำเพ็ญเพียรของเจ้าได้สร้างคุณธรรมแห่งความเสียสละที่ยิ่งใหญ่กว่าสรรพสัตว์ใด ที่ข้าเคยพบเห็น
... ขนาดสายตาผู้ดูแลสรรพสัตว์เช่นข้า ก็ยังคิดดูแคลนเจ้าได้ แล้วใครเล่า จะได้เห็นความดีงามอันประเสริฐของเจ้ากัน”
พระอินทร์จึงนำวิญญาณของกระต่ายขึ้นไปยังดวงจันทร์ และได้นำขี้เถ้าจากร่างอันสุกไหม้ (สีเทาขุ่น) ไปใช้วาดรูปของกระต่ายไว้บนประภามณฑลแห่งจันทราเทพ เป็นอนุสรณ์เตือนใจถึงการเสียสละอันยิ่งใหญ่ให้เป็นที่รับรู้ทั้งสามโลก
“...ในทุกคืนพระจันทร์เต็มดวง เมื่อเหล่าสรรพสัตว์บนโลก เทพยดาบนสรวงสวรรค์และผู้ชดใช้กรรมในนรกภูมิ มองขึ้นมาบนท้องฟ้า พวกเขาจะได้สัมผัสแสงอันรัญจวนแห่งจันทรา และพวกเขาจะเห็นเจ้า .... “กระต่าย” เพื่อเตือนสำนึกให้เพียรสร้างความดีงาม แลความเสียสละแก่ผู้อื่นเป็นที่มั่น”
…ทุกคนจะได้เห็นเจ้าอยู่เสมอ ...ไม่ใช่แค่เพียงข้า อีกต่อไป
(*** ใน สสปัณฑิตชาดก กระต่ายคือพระโพธิสัตว์ มีเพื่อนคือ ลิง สุนัขจิ้งจอกและนาก กระต่ายกระโดดเข้ากองไฟเนรมิตแต่ไม่ตาย ท้าวสักกะวาดรูปกระต่ายไว้บนดวงจันทร์เพื่อแสดงให้เห็นคุณธรรมการเสียสละทาน ประจักษ์แก่ผู้คนไปตลอดกาล)
เครดิต ; FB
วรณัย พงศาชลากร
EJeab Academy
.....................................................
ยังมีสาระเรื่องราวดี ๆ ที่อยากเล่าตามมาดูเราได้ที่ ;
My blogs link 👆
https://sites.google.com/site/dhammatharn/
http://abhinop.blogspot.com
http://abhinop.bloggang.com
.....................................................
ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
A giver is always beloved.
.....................................................


1 ความคิดเห็น:

  1. ยังมีสาระเรื่องราวดี ๆ ที่อยากเล่าตามมาดูเราได้ที่ ;
    My blogs link 👆
    https://sites.google.com/site/dhammatharn/
    http://abhinop.blogspot.com
    http://abhinop.bloggang.com
    ..........................................................
    ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
    A giver is always beloved.

    ตอบลบ