วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

วิธีตอบแทนบุญคุณพ่อแม่

ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งหวงยิ่งอด เราไม่หวงเราไม่อด หมดเดี๋ยวก็มา

วิธีตอบแทนบุญคุณพ่อแม่
ที่ดีที่สุด ตามคำสอนพระพุทธองค์
ถ้าหากญาติธรรมทุกท่านเห็นว่ามีประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์
#ร่วมเผยแพร่ธรรมทานให้เพื่อนมนุษย์ร่วมกันยามเช้า
“สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ แปลความว่า
'' การให้ธรรม ย่อมชนะการให้ทั้งปวง ”
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เปรียบเทียบบิดามารดาไว้ว่า เปรียบเสมือนพรหมของบุตร เพราะท่านรักใคร่เมตตา มีกรุณา มุทิตาและอุเบกขาต่อบุตร อีกทั้งยังเปรียบพ่อแม่ไว้เป็นเช่น บูรพาจารย์หรือครูคนแรก คอยอบรมแนะนำสั่งสอน และเปรียบพ่อแม่ไว้ เป็นเช่นอาหุไนยบุคคล คือบุคคลผู้ควรแก่การบูชา
ซึ่งการตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่อย่างแท้จริงนั้น
พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เรากล่าวการกระทำตอบแทนไม่ได้ง่ายแก่
ท่านทั้ง ๒
ท่านทั้ง ๒ คือใคร
คือ มารดา บิดา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุตร
พึงประคับประคองมารดาด้วยบ่าข้างหนึ่ง
พึงประคับประคองบิดาด้วยบ่าข้างหนึ่ง
เขามีอายุ มีชีวิตอยู่ตลอด 100 ปี
และเขาพึงปฏิบัติท่านทั้ง 2 นั้นด้วยการอบกลิ่น
การนวด การให้อาบน้ำ และการดัด
และท่านทั้ง ๒ นั้น พึงถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ
บนบ่าทั้งสองข้าง ของเขานั่นแหละ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย การกระทำอย่างนั้น
ยังไม่ชื่อว่าอันบุตรทำแล้วหรือทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดาเลย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
อนึ่ง บุตรพึงสถาปนามารดาบิดาในราชสมบัติ อันเป็นอิสราธิปัตย์ ในแผ่นดิน ( เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ )
ใหญ่อันมีรตนะ ๗ ประการ มากหลายนี้
( คือ จักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว มณีแก้ว นางแก้ว ขุนพลแก้ว ขุนคลังแก้ว )
การกระทำกิจอย่างนั้น ยังไม่ชื่อว่าอัน
บุตรทำแล้วหรือทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดาเลย
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะ
มารดาบิดามีอุปการะมาก
บำรุงเลี้ยง แสดงโลกนี้แก่บุตรทั้งหลาย
ส่วนบุตรคนใดยังมารดาบิดาผู้ไม่มีศรัทธา
ให้สมาทานตั้งมั่นในศรัทธาสัมปทา
ยังมารดาบิดาผู้ทุศีล ให้สมาทานตั้งมั่นในศีลสัมปทา
ยังมารดาบิดาผู้มีความตระหนี่ ให้สมาทานตั้งมั่นในจาคสัมปทา
ยังมารดาบิดาทรามปัญญา ให้สมาทานตั้งมั่นใน
ปัญญาสัมปทา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล
การกระทำอย่างนั้นย่อมชื่อว่าอันบุตรนั้นทำแล้ว และทำตอบแทนแล้ว แก่มารดาบิดา ฯ
ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสนั้น จะเห็นว่า  การปรนนิบัติดูแลบิดามารดาภายนอก การมอบทรัพย์สมบัติให้ท่านมากมายแค่ไหน แม้แต่การมอบความเป็นใหญ่ให้ท่านเพียงไรก็ตาม  ก็ยังไม่ถือว่าเป็นการตอบแทนท่านอย่างแท้จริง เพราะเป็นการตอบแทนโดยการให้ทรัพย์สมบัติหรือความสุขต่างๆในทางโลกเท่านั้น แต่การตอบแทนที่แท้จริงและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อบิดามารดาที่บุตรพึงกระทำ คือ
1.หากบิดามารดาเป็นผู้ไม่มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ก็จงชักนำท่านให้เกิดความศรัทธา
2.หากบิดามารดา เป็นผู้ไม่มีศีล ก็จงชักนำท่านให้ตั้งมั่นอยู่ในศีล
3.หากบิดามารดาเป็นผู้ตระหนี่ถี่เหนียว ก็จงชักนำท่านให้บริจาคทานหรือการสละทรัพย์ต่างๆ
4.หากบิดามารดาเป็นผู้ขาดปัญญา ก็จงชักนำท่านให้ทำสมาธิภาวนา เพื่อให้ท่านเกิดปัญญา
การตอบแทนบิดามารดาด้วยการชักนำให้ท่านถึงพร้อมด้วยศรัทธา ด้วยศีล ด้วยจาคะ ด้วยปัญญานั้น จะเป็นเหตุให้บิดามารดามีโอกาสบรรลุธรรมได้ในภายภาคหน้า การกระทำใน ๔ อย่างนี้ จึงถือได้ว่าเป็นการตอบแทนบิดามารดาอย่างแท้จริงและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อตัวของท่านเอง
แต่อย่างไรก็ดี การปฏิบัติดูแลบิดามารดาในภายนอก เช่น การดูแลท่าน การช่วยแบ่งเบาภาระต่างๆ เป็นต้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรกระทำอยู่แล้วในฐานะของบุตร แต่จะให้ดีที่สุด ก็ควรพึงกระทำใน ๔ อย่างควบคู่ไปด้วย คือ การชักนำท่านให้เข้าถึงศรัทธา ศีล จาคะ และปัญญา เพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณอย่างสูงสุด
เครดิต ; FB อมตะธรรม ประเทศไทย
.....................................................
ยังมีสาระเรื่องราวดี ๆ ที่อยากเล่าตามมาดูเราได้ที่ ;
My blogs link 👆
https://sites.google.com/site/dhammatharn/
http://abhinop.blogspot.com
http://abhinop.bloggang.com
.....................................................
ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
A giver is always beloved.
.....................................................


2 ความคิดเห็น:

  1. ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
    A giver is always beloved.

    ตอบลบ
  2. ยังมีสาระเรื่องราวดี ๆ ที่อยากเล่าตามมาดูเราได้ที่ ;
    My blogs link 👆
    https://sites.google.com/site/dhammatharn/
    http://abhinop.blogspot.com
    http://abhinop.bloggang.com
    ..........................................................
    ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
    A giver is always beloved.

    ตอบลบ