วันพุธที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2564

วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์

ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก A giver is always beloved.


พระศรีสรรเพชญ์
วัดมหาธาตุ​ยุวราช​รังสฤษฎ์
เมื่อต้นกรุง​รัตน​โกสินทร์​ วัดมหาธาตุ​ยุวราช​รังสฤษฎ์​ เป็นวัดใหญ่​ที่สุดสำคัญ​ที่สุด​ คู่กับวัดพระเชตุพน​วิมล​มังคลาราม​
ทั้งนี้เพราะวัดพระเชตุพน​ เป็นวัดวังหลวงสร้าง​ คู่กันกับวัดมหาธาตุที่เป็นวัดวังหน้าสร้าง
วัดมหาธาตุ​เป็นวัดโบราณ​สมัย​อยุธยา​ เดิมชื่อวัดสลัก​ กรมพระราชวังบวรมหาสุร​สิงหนาท​ เมื่อครั้งยังเป็นนายสุดจินดา​ มหาดเล็กหุ้มแพรได้ล่มเรือเพื่อหลบหนีพม่าบริเวณ​หน้าวัดนี้​ ทรงอธิษฐาน​ว่าหากรอดจากพม่า​และได้เป็นใหญ่จะมาบูรณะปฏิสังขรณ์​
ครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จ​พระ​พุทธ​ยอด​ฟ้า​จุฬา​โลก​มหาราช​ทรงสร้างกรุงเทพพระ​มหานคร​ กรมพระราชวัง​บวร​มหา​สุร​สิงหนาท​จึงทรงสถาปนา​วัดสลักเป็นพระอารามหลวงใหญ่โต​ และพระราชทานนามวัดว่า​ "วัดนิพพาน​าราม" ต่อมาคงเห็นว่า​ ชาวบ้านมักเข้าใจว่านิพพานแปลว่าตาย​ จึงเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น​ "วัดพระศรี​สรรเพชญ" ตามชื่อวัดสำคัญที่สุดในกรุงศรีอยุธยา​ ใช้ชื่อวัดพระศรี​สรรเพชญ​อยู่​ 15​ ปี​ เห็นว่าความจริง​วัดพระศรี​สรรเพชญ​ในกรุงเทพ​พระ​มหานคร​ ไม่มีอะไรเหมือนวัดพระศรี​สรรเพชญ​ของกรุงศรี​อยุธยา​เลย​ จึงโปรดพระราชทานนามวัดใหม่เป็น​ "วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ​" ตามอย่างโบราณ​ที่เมืองราชธานีต้องมีวัดมหาธาตุ​เป็นศรีเมือง​ ทั้งวัดนี้ก็ได้มีพระวิหารประดิษฐาน​พระมหาธาตุอยู่ด้วย
ถึงรัชกาลที่​ 5​ เมื่อพระราชทานเพลิงพระบรมศพ​สมเด็จ​เจ้าฟ้า​มหาวชิรุณหิศ​ สยามมกุฎ​ราชกุมารแล้ว​ พระบาท​สมเด็จ​พระ​จุล​จอมเกล้า​เจ้า​อยู่​หัวได้พระราชทานพระราชทรัพย์​ส่วนพระองค์​ของสมเด็จ​เจ้าฟ้า​มหาวิรุณหิศจำนวน​ 1,000​ ชั่งบรูณะปฏิสังขรณ์​วัดมหาธาตุ​เป็นการใหญ่​ ทั้งนี้เพราะสมเด็จ​เจ้าฟ้า​มหาวชิรุณหิศ​ ทรงเป็นสยามมกุฏ​ราชกุมาร​ ซึ่งเป็นตำแหน่งสมเด็จ​พระมหาอุปราช​ เช่นเดียวกับตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคล​ และโปรดให้เพิ่มชื่อสร้อยวัด​ เป็น​ "วัดมหาธาตุ​ยุวราช​รังสฤษฎ์"
พระศรี​สรรเพชญ​เป็นพระประธาน​พระอุโบสถ​วัดมหาธาตุ​  สืบเนื่องมาจากเมื่อครั้งชื่อวัดพระศรี​สรรเพชญ​  เป็นพระปูนปั้น​องค์​ใหญ่​ปางมารวิชัย​ ที่กรมพระราชวัง​บวร​มหา​สุร​สิงหนาท​โปรดให้พระยาเทพรังสรรค์​ช่างปั้นฝีมือดี​ของวังหน้าเป็นผู้ปั้น​ ประดิษฐาน​ในพระอุโบสถ​ขนาดกว้างใหญ่มาก​ อันเป็นเอกลักษณ์​ของวัดวังหน้า​ เรียกพระอุโบสถ​ทรงโรง​ ซึ่งมีอยู่​ 3​ วัดคือ​ วัดมหาธาตุ​ วัดชนะสงคราม​ และวัดไพชยนต์​พลเสพที่พระประแดง
ยังมีสาระเรื่องราวดี ๆ ที่อยากเล่าตามมาดูเราได้ที่ ;
My blogs link 👆
https://sites.google.com/site/dhammatharn/
http://abhinop.blogspot.com
http://abhinop.bloggang.com
ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
A giver is always beloved.


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น