วันจันทร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2564

ทับหลังสังหาร

ทับหลัง “สังหารรากษส 7 ตน” การรบครั้งแรกในมหาศึกลงกา ที่ปราสาทหินพิมาย
ในมหากาพย์รามายณะ (Rāmāyaṇa Sanskrit epic)  สำนวนของวาลมิกิ (Vālmīki)  ในภาคอรัณยกัณฑ์ (Araṇya-Kāṇḍa) ที่นิยมในงานศิลปะเขมรโบราณ ....ภายหลังจากที่นาง “สำมนักขา-ศูรปนขา” (Shurpanakha) พระขนิษฐาเพียงตนเดียวของท้าวราพณ์-ราวาณะ หรือทศกัณฐ์แห่งกรุงลงกา ได้รับความอับอายและเสียขวัญ จากการถูกลงโทษตัดปลายจมูกใบหูและปลายถันโดยองค์ลักษมัณ ( อ่านเรื่องได้จาก ลงทัณฑ์ “สำมนักขา” ปฐมเหตุแห่งมหาสงคราม ที่ปราสาทหินพิมายhttps://www.facebook.com/EJeab.Academy/posts/1002017190262983)
นางสำมนักขาทั้งเจ็บปวด เจ็บแค้น อับอายและหวาดกลัว หนีเตลิดไปยังเมืองโรมคัล เข้าเฝ้า “พญาขร” (คาร่า – Khara- Khon) ผู้เป็นพระเชษฐา ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จว่า นางถูกสองดาบสเข้ามารังแก หมายข่มเหงลวนลามแต่ตนขัดขืน จึงถูกทำร้ายอย่างสาหัส
พญาขรไม่รู้ความจริง จึงให้เจ็บแค้นดุจดังไฟสุมอก สั่งให้ส่งนักรบ “รากษส” 7 ตน ให้กับนางสำมนักขา กลับไปแก้แค้น ยังอาศรมแห่งองค์รามและองค์ลักษมันโดยทันที ด้วยเห็นเป็นเพียงนักบวชที่ไม่น่าจะมีพิษสงใด ๆ 
"รากษส" (Rakshasa) นั้น แตกต่างไปจาก "อสูร" (Asura) เพราะมีฐานะต่ำกว่า ถึงแม้ว่าจะมี "เทพฤษีวิศราวัส" เป็นบิดาคนเดียวกันกับกลุ่มยักษ์ แต่ก็คนละแม่กัน
รากษส (รากสด – รากสะสา) นั้นมีรากศัพท์มาจากคำว่า “รักษะ” แปลว่าการปกป้องคุ้มครอง เล่ากันว่าเมื่อแรกเกิด เหล่ารากษสร้องว่า “หิวกระหายเหลือเกิน” พระพรหมจึงนำไปไว้บนโลก ให้คอยคุ้มครองปกป้องแหล่งน้ำ ห้วยหนองคลองบึง ป่าชายน้ำ ป่าชื้นแฉะ บางตัวเผลอลงไปอาศัยอยู่ในน้ำจึงถูกเรียกว่า “ผีเสื้อน้ำ”
รากษสชอบกินเนื้อสด ๆ กินซากศพ และมีนิสัยแปลกๆ คือไม่ชอบฟังเสียงสวดมนตราบูชาเทพเจ้า จึงชอบแอบมารบกวนพวกพราหมณ์ที่กำลังประกอบพิธีกรรม ให้โดนปราบอยู่เสมอ
ด้วยเพราะรากษสมีพละกำลัง ฝีมือและความโหดร้ายไม่ธรรมดา ในวรรณกรรม จึงมักถูกนำมาใช้เป็นภาพของบริวารและไพร่ทหารให้กับกองทัพยักษ์ – อสุรา เช่นเดียวกับสัตว์ร้ายอื่น ๆ 
... เมื่อเหล่าขุนพลรากษสทั้ง 7  เข้าโจมตีหมายสังหารดาบส ด้วยคิดว่าง่ายแบบสังหารดาบสธรรมดาที่เคยทำอยู่เป็นประจำ แต่นี่คือองค์อวตารแห่งพระวิษณุ องค์รามแผลงศรเพียงครั้งเดียวก็ทะลุอกรากษสทั้ง 7 สิ้นชีพในทันที
เมื่อทราบข่าวว่าดาสบทั้งสองนี้ ไม่ธรรมดาอย่างที่หลงคิดเสียแล้ว พญาขรจึงได้ขนกองทัพยักษ์ – รากษส อีก 14,000 ตน หมายบดขยี้องค์ศรีรามให้สิ้นในทันที
เป็นศึกครั้งแรกของ มนุษย์กับเหล่ายักษ์/รากษส ในวรรณกรรมรามายณะ ทัพอสูรย่อยยับพินาศสิ้น
“....พญาขรเดือดดาล แผลงศรจักรพาลพัง ไปต้องศรพระนารายณ์ขององค์รามจนหักสะบั้น กระเด็นไปจากพระหัตถ์ องค์รามจึงให้พระพิรุณขอศรแห่งรามสูร ชักอัคนิวาตแผลงไปต้องศรของพญาขรจนหักสะบั้นจน ราชรถ ราชสีห์สารถีแหลกละเอียด พญาขรถอนต้นรังใหญ่เข้าคลุกคลีไล่ตีไม่ลดละ องค์รามใช้คันศรตีพญาขรจนกระเด็น เจ็บปวดร้าวแต่ก็ยังมานะอหังการ ลุกทะยานขึ้นมากระโดดเข้าหักเขาศิลาขว้างทุ่มลงมาใส่ พระรามจึงแผลงศรพรหมาสตร์ไป เสียงดั่งลมกาฬ พุ่งปักอกตัดทะลุหัวใจพญามาร สิ้นชีพพาลลงในทันใด.....”
--------------------------
*** ภาพสลักทับหลังหนึ่งจากปราสาทหินพิมาย ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย กำลังบอกเล่าเรื่องราวเหตุการณ์ในตอนรากษสทั้ง 7  โดยมีภาพของพระลักษณ์และนางสีดาที่มุมด้านซ้าย พระรามกำลังแผลงศรสังหาร และภาพนางสำมนักขากำลังชี้มือสั่งการตรงมุมด้านขวา
เครดิต ; FB
วรณัย พงศาชลากร
EJaeb Academy 

ยังมีสาระเรื่องราวดี ๆ ที่อยากเล่าตามมาดูเราได้ที่ ;
My blogs link 👆
https://sites.google.com/site/dhammatharn/
http://abhinop.blogspot.com
http://abhinop.bloggang.com
ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
A giver is always beloved.


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น