วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

การทำเอนไซม์ผลไม้รวม

ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งหวงยิ่งอด เราไม่หวงเราไม่อด หมดเดี๋ยวก็มา
เอนไซม์ คือ สารโปรตีน ที่ได้จากขบวนการสลายตัวด้วยวิธีธรรมชาติ โดยการสร้างสภาพความเป็นกรดอ่อนด้วยสารอินทรีย์ แบบจำกัดอากาศ และมีน้ำเป็นองค์ประกอบ เพื่อให้ไอน้ำในอากาศแตกตัวเป็น ออกซิเจนอิสระ ทำให้สารอาหารในพืชผัก, ผลไม้ มีโอกาสแตกตัว ออกมาเป็นแร่ธาตุต่าง ๆ ซึ่งอยู่ในรูปของประจุไฟฟ้า และเปิดโอกาสให้จุลินทรีย์   สลายตัวให้สารโปรตีนในรูปของกรดอะมิโน  และไวตามิน

การทำเอนไซม์ เป็นกระบวนการในการเปลี่ยนรูปพืชผัก, ผลไม้ ให้อยู่ในรูปของสารอาหารเพื่อให้เก็บไว้ได้นาน โดยอาศัยประสิทธิภาพของการแตกประจุไฟฟ้า ( Effective Ionic Charge ) จึงทำให้ได้สารอาหารในรูปอิออน และพลังงาน ที่พร้อมจะดูดซึมเข้าสู่ร่างกายเพื่อนำไปใช้ได้ทันที

ดังนั้น จะพบว่าเมื่อเรารับประทานเอนไซม์แล้วจะรู้สึกสดชื่น ร่างกายมีพละกำลังแข็งแรง  รอบๆ ตัวเราล้วนเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เรียกว่าจุลินทรี  เราสามารถมีชีวิตอยู่ได้ก็ด้วยอาศัยสิ่งเหล่านี้ ในปัจจุบันมนุษย์เราทำลายสภาพแวดล้อม ทำให้เกิดอาหาร, อากาศ เป็นพิษกันมากขึ้น เมื่อร่างกายมนุษย์อ่อนแอ จุลินทรีย์ ที่เป็นประโยชน์ก็กลับกลายเป็นโทษกับตัวมนุษย์เอง  

ดังนั้นเราจึงต้องช่วยกันจัดสรรสิ่งแวดล้อมเพื่อให้จุลินทรีย์ต่าง ๆ ทำประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เอนไซม์คือตัวกลางที่ทำหน้าที่ในการกระตุ้นให้วงจรหรือระบบต่างๆในร่างกายของเราให้ทำงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

เอนไซม์มีหน้าที่สำคัญ 2 ประการ  คือ

  1. เพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดขึ้นและ
  2. เพื่อบำรุงส่งเสริมให้ระบบต่างๆให้ทำงานได้ดีขึ้น 
การนำเอาน้ำผลไม้ที่ได้จากการหมักมาดื่มเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยในการกระตุ้นและส่งเสริมการทำงานของร่างกายให้ดียิ่งขึ้นนี่เองที่เราเรียกว่า "น้ำเอนไซม์"

การทำน้ำเอนไซม์สำหรับดื่มนั้นสามารถทำได้ 2 วิธี คือ

  1.  ได้จากการคั้น, ปั่นด้วยเครื่องปั่น, สับ, หรือตำกับครก แล้วกรองเอากากออกด้วยผ้าขาวบาง หรือจะใช้เครื่องแยกกากก็ได้  แต่หลังทำเสร็จควรดื่มทันทีและไม่ควรทิ้งไว้นานเกินครึ่งชั่วโมง เพราะหากเก็บไว้นานจะทำให้เอนไซม์ที่มีอยู่ในตัวผักและผลไม้เสื่อมประสิทธิภาพลง
           
  2. ได้จากการนำผลไม้มาหมัก   ซึ่งในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะกระบวนการที่ได้จากการหมักและกรรมวิธีขั้นตอนของการหมัก  เพราะสามารถเก็บไว้ดื่มได้นานกว่าและให้สารโปรตีนที่ประกอบไปด้วยวิตามิน  ซึ่งเมื่อทานเข้าไป จะเกิดการแลกเปลี่ยนการใช้สารอาหารได้สูงสุด ณ จุดที่ร่างกายสามารถนำของ เสียทิ้งได้ทั้งหมด และทำให้ร่างกายสร้างพลังงานในแต่ละเซลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งผลให้เกิดการ สร้างเซลใหม่ทดแทนเซลเก่าที่ตายในแต่ละวันได้เต็มที่ 
เราลองมาดูกันว่าน้ำเอนไซม์ในผัก ผลไม้ที่ดื่มกันนั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง

ประโยชน์ของเอนไซม์

1. ปรับความเป็นกรดเป็นด่างในร่างกาย

2. ทำให้ระบบการย่อยและการขับถ่ายดีขึ้น

3. ทำให้แต่ละเซลในร่างกายได้สารอาหารอย่างสมดุล

4. สลายสารพิษและสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย ( ลดการใช้ยาปฏิชีวนะ )

5. อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามินและเกลือแร่ คือ วิตามินบีรวม, บี 1, บี 2, บี12วิตามินที่ได้ในการนำผลไม้แต่ละชนิดมาหมักผลไม้แต่ละชนิดการนำมาหมักเป็นเอนไซม์จะได้วิตามินไม่เหมือนกัน โดยมีรายละเอียดดังนี้

ลำดับ
ชนิดพืชที่นำมาหมัก
วิตามินที่ได้
1
ผลไม้รสหวาน
วิตามิน เอ, ดี, อี, เค
2
ผลไม้รสเปรี้ยว
วิตามิน ซีและเค
3
จากข้าว
วิตามิน บี ซี อี

ขั้นตอนการทำน้ำเอนไซม์
            
การทำหัวเชื้อน้ำเอนไซม์ (Enzyme) น้ำผลไม้เข้มข้นใช้ดื่มเพื่อสุขภาพทำหัวเชื้อ      

นำผลไม้ 3 กก. +  น้ำผึ้ง 1 กก. +  น้ำ 10 ลิตร

หมักไว้เป็นเวลา 3 เดือน – 1 ปี


ขึ้นไปจะได้หัวน้ำผลไม้เข้มข้นที่สกัดด้วยวิธีการทางธรรมชาติ ให้แยกเอาน้ำออกมา



ส่วนกากผลไม้ที่เหลือให้ผสมน้ำผึ้ง1 กก. + น้ำ 10 ลิตรหมักทิ้งไว้ 2 เดือนขึ้นไป จนกว่ากากผลไม้ที่เหลือจะย่อยสลายหมดสามารถทำซ้ำอีก 3-4 ครั้งก็จะได้หัวน้ำผลไม้เข้มข้นที่สกัดด้วยวิธีการทางธรรมชาติเก็บไว้เพิ่มอีก

เราจะพบว่าในช่วงอายุของการหมักหรือการขยายก็ดี ช่วงเวลาภายใน  3 เดือนแรก – 1ปี จะมีจุลินทรีย์ต่างๆ มากมายลงมาทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพเรียกว่าหัวเชื้อน้ำผลไม้เข้มข้นที่สกัดด้วยวิธีการทางธรรมชาติ หากเรานำผลิตผลช่วงนี้ไปใช้ดื่มกิน จะเกิดผลข้างเคียง ซึ่งไม่เป็นที่นิยมยอมรับ              

แต่เมื่อเราได้หัวเชื้อดังกล่าวแล้ว ซึ่งอายุต้องมากกว่า 1 ปีขึ้นไปจึงจะมีประสิทธิภาพ เราสามารถที่จะนำหัวเชื้อไปขยาย ด้วยกระบวนการหมักในภาชนะพลาสติกที่ปิดจำกัดอากาศ ในขั้นตอนนี้จะไม่มีเชื้อจุลินทรีย์ต่างๆที่เป็นอัตตรายเหลืออยู่เลย เพราะสัดส่วนดังกล่าวเป็นสัดส่วนที่ปลอดเชื้อ

ดังนั้นท่านจะพบว่าในกระบวนการดังกล่าวเราไม่มีจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม แต่เป็นผลผลิตของจุลินทรีย์ ซึ่งให้สารอาหารต่างๆ ในรูปของ โปรตีน( กรดอะมิโน), ไวตามิน, เกลือแร่, พลังงาน ฯ  

โดยใช้หัวเชื้อน้ำผลไม้เข้มข้นที่สกัดด้วยวิธีการทางธรรมชาติ 4 แก้ว +น้ำผึ้ง 1 กก. + น้ำ 10 ส่วน  หมักไว้เป็นเวลานาน  7 วันขึ้นไป ก็จะได้น้ำเอนไซม์พร้อมดื่มที่ช่วยให้การย่อยอาหารและการขับถ่ายดีขึ้น, ทำให้เซลในร่างกายได้รับสารอาหารอย่างสมดุล , สลายสารพิษและสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย, ลดการถูกทำลายในเซล, คงความเป็นหนุ่มสาวทำให้แก่ช้า,อุดมด้วยโปรตีน ไวตามิน และเกลือแร่

ง่าย ๆ เพียงแค่นี้ ทำไม่ยาก แต่อาจต้องใจเย็นและใช้เวลาในการหมักหน่อยค่ะ

น้ำผักปั่น พลังเอนไซม์
โดย ดร.รสสุคนธ์ พุ่มพันธุ์วงศ์ (แพทย์ทางเลือก และนักธรรมชาติบำบัดแบบองค์รวม)

เคล็ดไม่ลับในการดูแลสุขภาพ

น้ำผักปั่นช่วยฟื้นฟู การทำงานของร่างกาย 5 ระบบ
1. ระบบดูดซึม
2. ระบบทางเดินหายใจ
3. ระบบหมุนเวียนโลหิต
4. ระบบภูมิคุ้มกัน
5. ระบบต่อมไร้ท่อ

ดื่มสด ๆ เป็นประจำทุกวัน ต้านโรค เพิ่มพลัง เพื่มสมรรถภาพทางเพศ ลดไขมันส่วนเกิน ผิวสวย หน้าใส ดูอ่อนวัย ดีกับผู้ป่วยทุกโรค

คุณสมบัติเด่น


  • ในน้ำผักมีสภาพเป็นกรดอ่อน ๆ ที่มีคลอโรฟิลด์สารสีเขียวในพืชมีวิตามินเอ วิตามินซี ธาตุเหล็ก โปรแตสเซียม แมกนีเซียม และฟอสฟอรัส จะเกิดการแลกเปลี่ยนการใช้สารอาหารได้สูงสุด ณ. จุดที่ร่างกายสามารถนำของเสียทิ้งได้หมด และทำให้ร่างกายสร้างพลังงานในแต่ละเซลล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
  • ซึ่งส่งผลให้เกิดการสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์เก่าที่ตายในแต่ละวันได้เต็มที่ลักษณะนี้คือ ปัจจัยสูงสุดที่ร่างกายจะไม่เกิดความอ่อนแอทุกอวัยวะเมื่อไปอยู่ในประเทศไหนก็ตาม ถ้าได้สัดส่วนของสารอาหารออกมาเป็นกรดอ่อน มีคลอโรฟิลล์ มีวิตามินเอ วิตามินซี  นี่คือที่มาของการทำให้ร่างกายสามารถมีอาหารได้เต็มที่ในแต่ละเซลล์ 
  • ถ้าทุกเซลล์แข็งแรงไม่มีเซลล์ตายก็จะไม่เก่ ถ้า pH เป็นกรดเกินไปการใช้แคลเซียมก็จะยาก กรดอ่อนทำให้เกิดการใช้ไขมัน ไขมันถูกย่อยสลายได้เร็ว ถ้าเป็นด่างเกินไปการย่อยสลายไขมันก็ทำได้น้อย 
  • ไขมันคือของแข็งที่มีปริมาณถึง 60% ของของแข็งทั้งหมดในร่างกายเป็นตัวที่จะไปเปลี่ยนเป็นน้ำหล่อเลี้ยงเป็นน้ำเมือกที่ไปหล่อเลี้ยงตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายน้ำไขข้อเป็นไขกระดูกเป็นกล้ามเนื้อ เป็นกระดูกเส้นเอ็นไขมันหล่อเลี้ยงน้ำเมือกที่ไปหล่อเลี้ยงเส้นผมเป็นลำดับ pH ของน้ำผักที่เหมาะสมกับคนไทยอยู่ที่ pH 4 - 6 
  • คนอ้วนมากให้น้ำผักที่ pH 4 เลยเนื่องจากคนอ้วนมีไขมันค้างอยู่ในลำไส้มาก น้ำผักจะไปเปลี่ยนไขมันเป็นโคเลสเตอรอล ไปเป็นไตรกลีเซอร์ไรด์ และเป็นกลีเซอร์ไรด์ในที่สุด ซึ่งร่างกายนำไปใช้ได้การดื่มน้ำผัก คือการเติมสารอาหารประเภทวิตามิน เกลือแร่จำเป็น และที่สำคัญที่สุด คือ คลอโรฟิลล์ เมื่อดื่มแล้วถูกดูดซึมไปฟื้นฟูตับทำให้น้ำตับและน้ำตับอ่อนหลั่งการย่อยคาร์โบไฮเดรต ไขมัน เกลือแร่ และวิตามินมีมากขึ้น 
  • ขณะที่น้ำผักไปย่อยไขมันส่วนที่เก่าส่วนหนึ่งแล้ว เปลี่ยนรูปเป็นพลังงานดังนั้น ร่างกายก็ได้พลังงานมาสนับสนุนให้อวัยวะทำงานได้มากกว่าเดิม น้ำผัก จึงช่วยล้างสิ่งปฏิกูลในร่างกายตลอดจนสารพิษต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว 
  • ซึ่งปรากฏการที่สังเกตุได้คือ ลดอาการปวดต่าง ๆ จากอาการท้องเสียหรือมีของเสียค้างอยู่ในระบบเลือดมาก จนปวดตามกล้ามเนื้อ อาการปวดหลัง ดังกล่าวจะลดลง ลดอาการปวดศรีษะ ลดไข้ ลดความอ่อนเพลีย ลดอาการนอนหลับยาก ลดอาการนอนกรน 
  • ซึ่งอาหารที่ดีขึ้นคือ ขบวนการที่ร่างกายชะล้างของเสียออกได้ดีขึ้น ซึ่งอาการดังกล่าวไม่ควรเก็บกด ด้วยการใช้ยาระงับปวด ซึ่งเป็นการไปหยุดความสามารถในการชะล้างของร่างกายทำให้เกิดสารพิษมากขึ้นในทุกระบบของร่างกายและแพร่กระจายสะสมจนก่อเกิดเซลล์มะเร็ง
  •  การกินน้ำผักก่อนอาหารเป็นการเตรียมร่างกาย ในการย่อยสารอาหารที่เรากินลงไปได้ดีกว่าเดิมนั่นคือ เกิดสภาวะดีกับร่างกายทั้งระบบ


สรุปน้ำผักปั่นทำหน้าที่ 2 อย่างในเวลาเดียวกัน

1. ให้สารอาหารที่ร่างกายนำไปฟื้นฟูตับกับตับอ่อน

2. กระตุ้นให้ร่างกายพร้อมในการย่อยไขมันที่เหลือค้างอยู่เปลี่ยนรูปไปเป็นพลังงานทำให้ร่างกายเตรียมพร้อมที่จะย่อยสารอาหารที่รับประทานเข้าไปในมื้อต่อไป

ส่วนประกอบสำคัญ

  1.  ผักกาดหอม 6-8 ใบ ช่วยฟื้นฟูเซลล์โดยเฉพาะระบบประสาทและเซลล์ในปอด ช่วยชะล้างของเสียในระบบเลือดทำให้ร่างกายมีความสามารถใช้แคลเซียมได้อย่างมีประสิทธิภาพช่วยลดอาการเจ็บปวดของระบบข้อเสื่อมต่าง ๆ 
  2. มะเขือเทศ (ท้อหรือสีดา)1-2 ลูก ช่วยทำให้เม็ดเลือดแดง แข็งแรงช่วยทำให้ผิวพรรณดี เพิ่มภูมิต้านทานมีสารช่วยย่อยอาหารทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้ทำงานเป็นปกติ
  3. หอมใหญ่ 1/4 ลูก  ช่วยทำให้หัวใจแข็งแรง
  4. เนื้อเสาวรสสดหรือน้ำมะนาว 1 - 2 ลูก ช่วยฟื้นฟูภูมิคุ้มกัน
  5. คื่นฉ่าย 2 ก้าน ลดความดันโลหิต
  6. แอปเปิ้ล หรือกล้วยน้ำว้าสุกงอม 1 ลูก (หรือผลไม้ อื่น ๆ ให้เลือกใส่เพิ่มได้ เช่น ชมพู่ องุ่น สาลี่ ส้ม ส้มโอ ลองกอง สับปะรด เชอร์รี่ อื่น ๆ) ช่วยเสริมระบบขับถ่ายของเสีย
  7. น้ำผึ้ง ความชื้นต่ำ 2 - 4 ช้อนโต๊ะ (ห้ามใช้น้ำผึ้งค้ัางหลายปีหรือน้ำเชื่อม) ช่วยบำรุงผิวพรรณฟื้นฟูเซลล์ที่เสื่อมสภาพเป็นเบาหวานก็สามารถทานได้)
  8. เอนไซม์ (Multi fruit Enzyme)  1 - 2 ช้อนโต๊ะ ช่วยปรับสมดุล ช่วยย่อย ไขมัน โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ให้เปลี่ยนรูปเป็นพลังงาน ช่วยคลายกล้ามเนื้อ ช่วยเปลี่ยนสารพิษให้เป็นสารอาหาร
  9. น้ำสะอาด (น้ำดื่ม ไม่แช่เย็น 2 - 4 แก้ว ทยอยใส่โถเวลาปั่น (ขนาด 1.5 ลิตร)

ปั่นรวมกันให้ละเอียดไม่แยกกากเม็ดเสาวรสมีสารอาหารบำรุงสมองกินได้

การดื่มเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

  • ทยอยดื่มทันทีที่ปั่นเสร็จ ครั้งละ 1 ลิตร 3 ครั้งต่อวัน
  • ควรดื่มทุกคน ทุกวัน ทุกวัย เวลาที่ดีที่สุดคือก่อนอาหารเช้า 
  • หญิงตั้งครรภ์ควรดื่มเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันคลอดง่าย  ทารกในครรภ์ได้รับสารอาหารในการเจริญเติบโตจากเลือดแม่ ทำให้แข็งแรงทั้งแม่และทารก


ขอแนะนำให้ใช้เอนไซม์แช่ผัก

ก่อนล้างควรเด็ดผักออกเป็นใบ ๆ ล้างน้ำให้สะอาดทั้งผลไม้ด้วย สำหรับผักนำไปแช่เอนไซม์ 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 2ลิตร แช่นาน 15 -30 นาที
***สำหรับผลไม้แช่ทั้งลูกนาน 1 ชั่วโมงขึ้นไป หรือแช่ข้ามคืนได้ยิ่งดี แอปเปิ้ล หอมใหญ่ มะเขือเทศ ก่อนนำไปบริโภคทยอยนำมาผ่าซีก แล้วแช่ในน้ำเอนไซม์ซ้ำอีกครั้งนาน 15 นาที ถ้าทำได้จะดีต่อสุขภาพ (แอปเปิ้ล ควรรับประทานทั้งเปลือก)

การทดลอง

เพื่อการฟื้นฟูควรดื่มต่อเนื่องทุกวันเป็นเวลา 7 - 15 วัน จะเริ่มเห็นผล มื้อเย็นควรงดอาหารประเภท แป้ง ข้าว เพราะเป็นตัวลดเกร็ดเลือด ควรดื่มน้ำเอนไซม์ด้วยจะช่วยคุ้มครองเกร็ดเลือดให้แข็งแรง และเปลี่ยนพฤติกรรมให้ได้ตามบทปฏิบัติ 10 ประการ

**** จะพบความมหัศจรรย์ของร่างกายด้วยตัวท่านเอง***
ควบคุมอาหารให้ได้ตามคำแนะนำของชมรมบ้านสุขภาพ

หมายเหตุ
ผัก ผลไม้ พวกมียางห้ามนำไปปั่นเด็ดขาด เพราะยางจะเปลี่ยนรูปเป็นยางมะตอย เช่น ผักบุ้ง ใบบัวบก ว่านหางจระเข้ แก้วมังกร อโวคาโด เนื้อฝรั่ง ไม่ดีต่อไต และแครอทไม่เหมาะกับคนไทยเพราะมีแคลเซียมไบคาบอเนทที่ย่อยยาก


เอนไซม์แช่ผัก ผลไม้ ไข่ไก่

Aectyl เอนไซม์แช่ผัก


เอนไซม์อะเซ็ทไทล์ แช่ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ ข้าวสาร ไข่ไก่
ไม่ใส่วัตถุกันเสีย
ไม่เจือสี
ไม่มีฟอง
ไม่มีสารเคมี
ไม่ต้องล้างน้ำซ้ำ อีกครั้งหลังแช่

เอนไซม์ล้างแช่ผัก
อุดมด้วยพลังเอนไซม์อ๊อกซิเจนและสารอาหารด้วยเทคโนโลยีไบโอนาโน ทำให้การแทรกซึมเข้าสู่เซลล์ได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น สลายสารพิษให้เปลี่ยนรูปเป็นสารอาหารหลังแช่ผักจะสดกรอบเก็บได้นานขึ้น ช่วยสลายไข่แมลง ไข่พยาธิ ทำให้ฝ่อลดกลิ่นคาวปลาแช่ เนื้อสัตว์ เพิ่มความนุ่ม เพิ่มน้ำหนัก




ประโยชน์อื่น ๆ ของเอนไซม์อะเซ็ทไทล์ โค-เอ
  1. ใช้ฉีดพ่น จุ่ม แช่ พรมดอกไม้สด ผัก ผลไม้ตามแผงขายในตลาดสด และที่อื่น ๆ
  2. ใช้ฉีดพ่นสลายกลิ่นสารเคมี ทินเนอร์ แลคเกอร์ ควันท่อไอเสีย ควันบุหรี่ ฉีดพ่นในรถยนต์ หรือ รถเมล์ ห้องนอน ในตู้เย็น พ่นใบหน้าก็ได้เพื่อคลายเครียด
    น้ำที่เหลือจากการแช่ผัก ผลไม้ เนื้อสตัว์
  3. นำไปรดน้ำต้นไม้แทนปุ๋ยได้ดีมาก ใบไม้จะเขียว
  4. นำไปราดท่อระบายน้ำช่วยดับกลิ่นเหม็น สลายไข่แมลงสาบ ไข่ยุง ทำให้ฝ่อ ลดการขยายพันธุ์
  5. นำไปเทลาดลงในโถส้วมช่วยดับกลิ่นเหม็นเพิ่มโอโซนทำบ่อย ๆ ส้วมเต็มช้าลง

วิธีล้างแช่ผัก
เอนไซม์ 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 2 ลิตร
  1. แช่ผักนาน 15-30 นาที หลังล้างด้วยน้ำให้ผักสะอาด และควรเด็ดผักออกเป็นใบ ๆ
  2. แช่ผลไม้ เนื้อสัตว์ ไข่ไก่ นาน 1 ชั่วโมงขึ้นไป หรือบางอย่างอาจต้องแช่ทั้งลูกข้ามคืน เช่น แอปเปิล ส้ม หอมใหญ่ มะเขือเทศทยอยนำมาผ่าซึกแช่น้ำอีกครั้งนาน 15 นาที ก่อนนำไปบริโภค (แอบเปิ้ลควรรับประทานทั้งเมล็ดและเปลือกหลังจากแช่เอนไซม์นานพอแล้ว)
  3. ข้าวสารไม่ต้องแช่ ให้ซาวข้าวตามปกติแล้วเติม เอนไซม์ในหม้อหุงข้าวหุงได้เลย ความร้อนช่วยให้การแตกประจุได้เร็วขึ้น ข้าวจะหอมนุ่มน่ารับประทาน

วิธีการเก็บรักษา
เก็บในที่ร่มไม่ต้องแช่เย็น

วันหมดอายุ
เก็บนานหลายปี คุณภาพยิ่งเพิ่มขึ้น สีของนำเอนไซม์อาจไม่เหมือนกันทุกขวดขึ้นอยู่กับผลไม้และสภาพแวดล้อมบางขวดอาจมีฝ้าขาวลอยอยู่ก็ไม่เป็นไรให้เขย่าขวดนำไปใช้ต่อได้เลย บางขวดอาจมีตะกอนนอนก้นหรือมีวุ้น (เจลลาติน) ก็ยิ่งดีเพราะเป็นสุดยอดหัวอาหารที่เกิดขึ้นเอง

3 ความคิดเห็น:


  1. เป็นชุดความรู้ที่ดีมากเลยครับ เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นอย่างยิ่ง

    ตอบลบ
  2. ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
    A giver is always be love. _/|\_

    ตอบลบ
  3. ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
    A giver is always beloved. _/|\_

    ตอบลบ