วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2554

พระปริตป้องกันสัตว์ร้าย

ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งหวงยิ่งอด เราไม่หวงเราไม่อด หมดเดี๋ยวก็มา

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นฤาษีบำเพ็ญสมาบัติอยู่ที่คุ้งแม่น้ำแห่งหนึ่งในป่าหิมพานต์ มีฤาษีหลายร้อยตนเป็นบริวาร ณ ที่ฝั่งแม่น้ำนั้น มีงูนานาชนิดอาศัยอยู่ งูได้กัดฤาษีเสียชีวิตไปหลายตน พระโพธิสัตว์ทราบเรื่องนั้นแล้วจึงพูดให้โอวาทคณะฤาษีว่า
     “ท่านทั้งหลาย..หากพวกท่านเจริญเมตตาให้ตระกูลพญางูทั้ง ๔ งูทั้งหลายก็จะไม่กัดพวกท่านหรอก” แล้วกล่าวคาถาว่า
     “ขอไมตรีจิตของเราจงมีกับตระกูลพญางูวิรูปักขะ       ขอไมตรีจิตของเราจงมีกับตระกูลพญางูเอราปถะ       ขอไมตรีจิตของเราจงมีกับตระกูลพญางูฉัพยาปุตตะ       ขอไมตรีจิตของเราจงมีกับตระกูลพญางูกัณหาโคตมะ”
และกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า
     “ขอไมตรีจิตของเราจงมีกับสัตว์ที่ไม่มีเท้า ขอไมตรีจิตของเราจงมีกับสัตว์ ๒ เท้า ขอไมตรีจิตของเราจงมีกับสัตว์ ๔ เท้า ขอไมตรีจิตของเรา จงมีกับสัตว์ที่มีเท้ามาก”
พระโพธิสัตว์เมื่อจะแสดงธรรมด้วยการขอร้อง ได้กล่าวคาถาว่า
     “ขอสัตว์ที่ไม่มีเท้า สัตว์ที่มี ๒ เท้า สัตว์ที่มี ๔ เท้า สัตว์ที่มีเท้ามาก อย่าได้เบียดเบียนเราเลย”
เมื่อจะแสดงการเจริญเมตตาโดยไม่เจาะจงได้กล่าวคาถาว่า
     “ทั้งมวลจงพบกับความเจริญ ความชั่วช้าอย่าได้มาแผ้วพานสัตว์ตนใดตนหนึ่งเลย”
เพื่อระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย จึงพูดว่า
     “พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีพระคุณหาประมาณมิได้บรรดาสัตว์เลื้อยคลาน คือ งู แมลงป่อง ตะขาบ แมลงมุม ตุ๊กแกและหนู มีคุณหาประมาณได้”
เพื่อแสดงกรรมที่ควรทำให้ยิ่งขึ้นไปกว่านั้น ได้กล่าวคาถาว่า
     “เราได้ทำการรักษา ทำการป้องกันไว้แล้ว ขอสัตว์ทั้งหลายผู้มีชีวิตจงพากันหลีกไป ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอนอบน้อมพระสัมพุทธเจ้าทั้ง ๗ พระองค์”
ตั้งแต่นั้นมา คณะฤาษีได้เจริญเมตตารำลึกถึงพระพุทธคุณงูทั้งหลายต่างก็หลบหนีไปอยู่ที่อื่น


  นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
  แม้อสรพิษก็ไม่เบียดเบียนผู้เจริญเมตตาภาวนา

2 ความคิดเห็น:

  1. ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
    A giver is always be love. _/|\_

    ตอบลบ
  2. ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
    A giver is always beloved. _/|\_

    ตอบลบ