กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นคนจัณฑาล (คนทุกข์ยาก) ในเมืองพาราณสี เมื่อเติบโตเป็นหนุ่มแล้ว วันหนึ่งได้เดินทางไปต่างเมืองด้วยกิจธุระอย่างหนึ่ง จึงเตรียมข้าวสารและห่อข้าวเป็นเสบียง ในวันนั้น สตธรรมมานพ ลูกชายของพราหมณ์ตระกูลดังประจำเมืองพาราณสีก็เดินทางไกลเช่นกัน แต่เขาไม่ได้เตรียมเสบียงอาหารอะไรไปด้วย
ชายหนุ่มทั้งสองคนมาพบกันที่ทางใหญ่ สนทนากันทราบเรื่องแล้วก็เป็นเพื่อนร่วมเดินทางไปด้วยกัน พอเดินทางไปได้เวลาอาหารเช้า ก็ชวนกันแวะลงข้างทางที่สระน้ำลูกหนึ่ง พระโพธิสัตว์ล้างมือแล้วแก้ห่อข้าว เชิญชวนสตธรรมมานพร่วมกินข้าวด้วยกัน เมื่อได้รับคำปฏิเสธจากสตธรรมมานพแล้วก็แบ่งข้าวไว้ครึ่งหนึ่ง กินไปครึ่งหนึ่ง เสร็จแล้วก็ห่อไว้ตามเดิม ล้างมือแล้วชวนกันออกเดินทางต่อไป
จนกระทั่งเวลาเย็นชายหนุ่มทั้งสองจึงชวนกันแวะลงข้างทางอาบน้ำในสระแห่งหนึ่ง แล้ว พระโพธิสัตว์ก็แวะไปนั่งกินข้าวอย่างสำราญอยู่คนเดียวโดยไม่ได้เชิญชวนสตธรรมมานพอีก เพราะเข้าใจว่าถึงชวนก็คงไม่กินอยู่ดี ฝ่ายสตธรรมมานพเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางมาทั้งวัน หิวข้าวก็หิวได้แต่มองดูเขากินข้าว พร้อมกับคิดในใจว่า
“ถ้าเขาชวนเรากินข้าวด้วย ครั้งนี้เราต้องกินด้วยแน่ ๆ”
พระโพธิสัตว์ก็ไม่พูดอะไรกินข้าวท่าเดียว
สตธรรมมานพจึงคิดว่า “มันไม่ชวนเรา เราจะแอบกินข้าวเหลือเดนมันก็ได้วะ”
พระโพธิสัตว์ก็ไม่พูดอะไรกินข้าวท่าเดียว
สตธรรมมานพจึงคิดว่า “มันไม่ชวนเรา เราจะแอบกินข้าวเหลือเดนมันก็ได้วะ”
เขาได้แอบไปกินข้าวเหลือเดนนั้น เมื่อกินเสร็จแล้วก็เกิดความไม่สบายใจว่า
“เราทำอะไรนี่ กินอาหารเหลือเดนของคนจัณฑาล ทำสิ่งที่ไม่ดีแล้ว”
“เราทำอะไรนี่ กินอาหารเหลือเดนของคนจัณฑาล ทำสิ่งที่ไม่ดีแล้ว”
ทันใดนั่นเองเขาก็ได้อาเจียนออกมาเป็นเลือดคร่ำครวญอยู่ว่า
“เรากินอาหารที่เป็นเดนของคนสกุลต่ำ เราเป็นชาติพราหมณ์บริสุทธิ์ไม่น่าจะทำเลย”
“เรากินอาหารที่เป็นเดนของคนสกุลต่ำ เราเป็นชาติพราหมณ์บริสุทธิ์ไม่น่าจะทำเลย”
คร่ำครวญเสร็จก็เดินโซซัดโซเซเข้าป่าไปและเสียชีวิตในที่สุด
พระพุทธองค์เมื่อตรัสอดีตนิทานแล้วจึงตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย เพราะสตะรรมมานพบริโภคอาหารอันเป็นเดนของคนจัณฑาล จึงคิดเสียใจ ฉันใด ผู้บวชในพระพุทธศาสนานี้ก็ไม่ควรเลี้ยงชีพด้วยการแสวงหาที่ไม่เหมาะไม่ควร ฉันนั้น” ได้ตรัสพระคาถาว่า
พระพุทธองค์เมื่อตรัสอดีตนิทานแล้วจึงตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย เพราะสตะรรมมานพบริโภคอาหารอันเป็นเดนของคนจัณฑาล จึงคิดเสียใจ ฉันใด ผู้บวชในพระพุทธศาสนานี้ก็ไม่ควรเลี้ยงชีพด้วยการแสวงหาที่ไม่เหมาะไม่ควร ฉันนั้น” ได้ตรัสพระคาถาว่า
“ภิกษุใดละทิ้งธรรมเสีย หาเลี้ยงชีพโดยไม่ชอบธรรมภิกษุนั้นก็ย่อมไม่เพลินด้วยลาภแม้ที่ตนได้มาแล้วเปรียบเหมือนสตธรรมมานพ”
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
อย่ากินอาหารโดยไม่พิจารณาเสียก่อน และอย่าเลี้ยงชีพด้วยอาชีพที่ผิดกฎหมาย
อย่ากินอาหารโดยไม่พิจารณาเสียก่อน และอย่าเลี้ยงชีพด้วยอาชีพที่ผิดกฎหมาย
ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
ตอบลบA giver is always be love. _/|\_