ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้า ประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงปรารภการบริโภคปัจจัยที่มิได้พิจารณา เรื่องมีอยู่ว่า ในสมัยนั้น พวกภิกษุได้ปัจจัย ๔ มีจีวรเป็นต้น ไม่ได้พิจารณาก่อนแล้วบริโภค ภิกษุเหล่านั้น โดยมากจะไม่พ้นจากนรกและกำเนิดสัตว์เดียรัจฉาน
พระพุทธองค์ จึงตรัสถึงโทษในการไม่พิจารณาปัจจัย ๔ แล้วใช้สอนว่า ” ภิกษุทั้งหลาย ธรรมดาภิกษุ ได้รับปัจจัย ๔ แล้ว ไม่พิจารณาบริโภคไม่ควรเลย เพราะฉะนั้น จำเดิมแต่นี้ พวกเธอ ต้องพิจารณาแล้วจึงค่อยบริโภค ”
เมื่อทรงแสดงวิธีพิจารณาปัจจัย ๔ ทรงวางแบบแผนไว้โดยนัยมีอาทิว่า ” ภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พิจารณาโดยแยบคายแล้ว จึงใช้สอยจีวร ฯลฯ เมื่อต้องการปกปิดอวัยวะที่น่าละอาย ” แล้วตรัสว่า ” ภิกษุทั้งหลาย การพิจารณาปัจจัย ๔ อย่างนี้แล้วบริโภคย่อมสมควร ขึ้นชื่อว่า การไม่พิจารณาแล้วบริโภค เป็นเช่นกับบริโภคยาพิษที่ร้ายแรงยิ่งใหญ่ ด้วยว่า คนในครั้งก่อน ไม่พิจารณา ไม่รู้โทษ บริโภคยาพิษ ผลที่สุดต้องเสวยทุกข์ใหญ่หลวง ” แล้วทรงนำอดีตนิทานมาสาธกดังนี้ว่า…
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นนักเลงสกา ในกรุงพาราณสี วันหนึ่ง ได้เล่นสกากับชายโกงคนหนึ่ง เมื่อเวลาตนชนะก็จะไม่ทำลายสนามเล่น พอเวลาแพ้จะเอาลูกสกาใส่ปากแล้วบอกว่า ลูกสกาหาย แล้วก็เลิกเล่นหนีไปเป็นประจำ
พระโพธิสัตว์ จึงคิดหาวิธีแก้เผ็ดด้วยการเอาลูกสกาย้อมยาพิษแล้วตากให้แห้ง นำไปเล่นกับเขา พอเวลาแพ้เขาก็ทำเช่นนั้นอีก พระโพธิสัตว์เห็นเช่นนั้น จึงกล่าวคาถาว่า
     ” บุรุษ กลืนลูกสกา อันเคลือบด้วยยาพิษอย่างแรง ยังไม่รู้ตัว
       เฮ้ย เจ้านักเลงชั่ว เจ้าจงกลืนเข้าไป พิษร้ายแรงจักออกฤทธิ์แก่เจ้าในภายหลัง ”
ขณะที่พระโพธิสัตว์กำลังพูดอยู่นั่นแหละ เขาได้ล้มลงสลบไปด้วยฤทธิ์ยาพิษ พระโพธิสัตว์จึงปรุงยาเพื่อให้เขาสำรอกออกมา ให้รอดพ้นจากความตาย แล้วสั่งสอนเขาไม่ให้ทำเช่นนั้นอีก
   นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
  จะกินจะใช้อะไร ควรพิจารณาก่อนกินก่อนใช้เสมอ