วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ปูทอง

ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งหวงยิ่งอด เราไม่หวงเราไม่อด หมดเดี๋ยวก็มา


ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวันเมืองสาวัตถี ทรงปรารภหญิงชาวเมืองผู้ปกป้องสามีจากพวกโจรคนหนึ่ง ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า…
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีบึงใหญ่ใกล้ป่าหิมพานต์อยู่บึงหนึ่ง ในบึงนั้นมีปูทองตัวขนาดเท่าลานนวดข้าวตัวหนึ่งอาศัยอยู่ มันสามารถจับช้างที่มาดื่มน้ำในบึงเป็นอาหารได้ ฝูงช้างเพราะกลัวปูทองนั่นเองจึงไม่กล้าลงดื่มน้ำในบึงนั้น
สมัยนั้น พระโพธิสัตว์ได้ถือปฏิสนธิในครรภ์ของช้างพังเชือกหนึ่ง เพื่อป้องกันอันตรายจากปูทอง ช้างพังนั้นได้หนีไปอยู่ที่ภูเขาลูกหนึ่ง จนพระโพธิสัตว์เติบโตมีช้างพังเชือกหนึ่งเป็นภรรยาแล้วถึงได้กลับมายังถิ่นที่อยู่เดิม
วันหนึ่ง ช้างโพธิสัตว์ได้เข้าไปพูดกับพญาช้างผู้เป็นบิดาว่า ” พ่อ ฉันจักจับปูทอง ” พญาช้างห้ามไว้ไม่เห็นด้วย แต่สุดท้ายทนคำอ้อนวอนของลูกช้างไม่ได้ก็ต้องใจอ่อน ช้างโพธิสัตว์ได้เรียกประชุมฝูงช้างแล้วเดินไปใกล้บึงนั้นถามว่า ” ท่านทั้งหลาย ปูทองจะจับช้างในเวลาลงไปหรือเวลาขึ้นจากน้ำ ” ได้ฟังว่าปูทองมักจะจับช้างในเวลาขึ้นจากน้ำเท่านั้น จึงบอกช้างทุกตัวลงไปในบึงดื่มน้ำให้อิ่มแล้วค่อยขึ้นมา ส่วนตนจะตามขึ้นมาทีหลัง ช้างทุกตัวได้ลงไปดื่มน้ำในบึงแบบกล้า ๆ กลัว ๆ
ขณะที่ช้างโพธิสัตว์กำลังจะขึ้นจากน้ำตามหลังฝูงช้างนั่นเองก็ถูกปูทองหนีบ ๒ เท้าหลังไว้แน่น ช้างพังผู้ภรรยาไม่ทอดทิ้งสามีได้ยืนดื่มน้ำอยู่เป็นเพื่อนใกล้ ๆ นั่นเอง ช้างโพธิสัตว์พยายามดึงปูทองแต่ปูก็ไม่ขยับเขยื้อน กลับถูกปูดึงไปไว้ตรงปากพร้อมที่จะกิน ช้างโพธิสัตว์กลัวตายจึงร้องขึ้นสุดเสียงว่า ” ข้าพเจ้าขึ้นไม่ได้ ติดก้ามปูแล้ว ” เท่านั้นเองฝูงช้างต่างร้องแตกตื่นวิ่งขี้เยี่ยวราดเข้าป่าไปอย่างรวดเร็ว ช้างพังผู้ภรรยาก็กลัวตายกำลังจะวิ่งหนีไปด้วยเช่นกัน ถูกสามีอ้อนวอนว่า ” น้องรัก ปูทองมีนัยน์ตายาว มีหนังเป็นกระดูก ไม่มีขน ได้หนีบพี่ไว้แล้ว น้องอย่าทิ้งพี่ไปนะ ”
นางช้างจึงหันมาปลอบใจสามีว่า ” พี่ ฉันไม่ละทิ้งพี่ไปหรอก พี่มีกำลังมากกว่าใคร ๆต้องเอาชนะปูได้แน่ พี่เป็นที่รักของฉันยิ่งกว่าแผ่นดินแผ่นฟ้า ” แล้วหันมาพูดอ้อนวอนปูทองเป็นคาถาว่า
      ” ท่านเป็นสัตว์น้ำที่ประเสริฐกว่าปูทั้งหลายในสมุทร
        ในแม่น้ำคงคา และในแม่น้ำยมุนา ขอท่านจงปล่อยสามีของฉันผู้ร้องไห้อยู่เถิด ”
ปูทองได้ฟังนางช้างพังแล้วใจอ่อนยอมปล่อยเท้าช้างโพธิสัตว์ แต่หารู้ไม่ว่ากระดองของตนเองได้ถูกช้างโพธิสัตว์กระทืบจนพังทลายและเสียชีวิตไปเวลาต่อมา ช้างโพธิสัตว์ได้ลากปูทองขึ้นไปบนฝั่งเรียกฝูงช้างมาประชุมกันแล้วช่วยกันกระทืบปูทองจนละเอียดเป็นจุณในที่สุด

  นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
  ภรรยาที่ดีควรอยู่เคียงข้างสามีจนตราบเท่าชีวิต
ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ใด ๆก็ตาม

2 ความคิดเห็น:

  1. ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
    A giver is always be love. _/|\_

    ตอบลบ
  2. ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
    A giver is always beloved. _/|\_

    ตอบลบ