ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถีปรารภความไม่สำรวมของภิกษุ ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า…
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีแพะหลายร้อยตัวอาศัยอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง ในที่ไม่ไกลจากถ้ำนั้น มีสุนัขจิ้งจอกสองผัวเมียอาศัยอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง วันหนึ่งสุนัขจิ้งจอกสองผัวเมียออกหากินเห็นแพะเหล่านั้น จึงลวงกินแพะเหล่านั้นวันละตัว ๆ จนร่างกายอ้วนพี จำนวนแพะจึงลดลงตามลำดับ ในฝูงแพะนั้นมีแม่แพะตัวหนึ่งฉลาดรู้เท่าทันกลลวงของสุนัขจิ้งจอกจึงรอดชีวิตตลอดมา ยิ่งทำให้สุนัขจิ้งจอกต้องการกินนางแพะเพิ่มมากยิ่งขึ้น มันจึงวางแผนให้ภรรยาไปตีสนิทกับนางแพะแล้วพามาที่อยู่ของตนจะได้ดักตะครุบกิน ภรรยาได้ไปตีสนิทกับนางแพะนั้นจนสนิทสนมกันแล้วชวนไปที่ถ้ำของตน นางแพะทนคำวิงวอนไม่ไหวก็เลยไปด้วย
ในขณะที่เดินไปยังถ้ำสุนัขจิ้งจอกนั้น นางแพะระวังตัวอย่างเต็มที่ให้นางสุนัขจิ้งจอกเดินนำหน้าตนเองเดินตามหลังเข้าถ้ำไป สุนัขจิ้งจอกทำทีเป็นนอนตาย เมื่อได้ยินเสียงเดินมานึกว่าเป็นภรรยาจึงยกหัวขึ้นชำเลืองดู นางแพะเห็นสุนัขจิ้งจอกทำเป็นตายแล้วยกหัวขึ้นได้ จึงหยุดอยู่และหันหลังจะกลับไป นางสุนัขจิ้งจอกจึงถามว่า “ทำไมท่านจะกลับไปเสียละ” นางแพะจึงตอบว่า “เพื่อนรัก สามีท่านยังไม่ตาย เมื่อกี้ยังชะเง้อคอดูฉันอยู่ ฉันไม่ชอบใจสหายเช่นนี้ ” ว่าแล้วก็กลับถ้ำของตนเอง
นางสุนัขจิ้งจอกไม่สามารถจะวิงวอนให้นางแพะเข้าถ้ำได้ โกรธนางแพะนั้นจึงนั่งบ่นอยู่ ฝ่ายสามีเมื่อเห็นแผนการล้มเหลวก็พูดติเตียนภรรยาว่า “นางเมียบ้า นั่งบ่นถึงนางแพะให้สามีฟังอยู่ได้ ไปคิดถึงนางทำไม?”
นางสุนัขจิ้งจอกจึงตอบว่า “ท่านนั้นแหล่ะเป็นบ้า โง่เขลาเต่าตุ่น ท่านทำเป็นตาย แต่กลับชะเง้อคอดูในเวลาที่ไม่ควร ทำให้เขารู้ทัน” ว่าแล้วก็ปลอบใจสามี พร้อมกับใช้ความพยายามไป วิงวอนนางแพะใหม่อีกว่า “เพื่อนรัก..สามีฉันกลับฟื้นคืนมาแล้วไปพวกเราไปดูด้วยกันเถิด”
นางแพะคิดจะลวงใช้นางสุนัขจิ้งจอกบ้าง จึงพูดว่า “เพื่อนรก..ถ้าเช่นนั้น ขอท่านจงเตรียมอาหารไว้ก็แล้วกัน ฉันจะไปพร้อมบริวารหมู่ใหญ่”
นางสุนัขจิ้งจอกถามว่า “บริวารของเธอเป็นอย่างไร ฉันจะได้ไปเตรียมอาหารถูก”
นางแพะ “บริวารของฉันคือสุนัข ๔ ตัว แต่ละตัวมีลูกสมุนอีก ๕๐๐ ตัว รวมทั้งหมดก็ ๒,๐๐๐ ตัวพอดี ถ้าสุนัขเหล่านั้นไม่ได้อาหาร ก็จักฆ่าท่านทั้ง ๒ กินเสีย ”
นางสุนัขจิ้งจอกได้ฟังดังนั้นแล้วเกิดความกลัว จึงพูดเพื่อไม่ให้นางแพะไปหาว่า “เพื่อนรัก.. เมื่อท่านออกจากถ้ำไปไม่มีใครดูแลสิ่งของจักเสียหายได้ เอาเป็นว่าท่านอยู่ที่นี่ก็แล้วกัน ฉันกลับคนเดียวก็ได้” ว่าแล้วก็รีบอำลากลับถ้ำไป พาสามีหนีไปอยู่ที่อื่น ไม่หวนกลับคืนมาที่นั่นอีกเลย
นางสุนัขจิ้งจอกจึงตอบว่า “ท่านนั้นแหล่ะเป็นบ้า โง่เขลาเต่าตุ่น ท่านทำเป็นตาย แต่กลับชะเง้อคอดูในเวลาที่ไม่ควร ทำให้เขารู้ทัน” ว่าแล้วก็ปลอบใจสามี พร้อมกับใช้ความพยายามไป วิงวอนนางแพะใหม่อีกว่า “เพื่อนรัก..สามีฉันกลับฟื้นคืนมาแล้วไปพวกเราไปดูด้วยกันเถิด”
นางแพะคิดจะลวงใช้นางสุนัขจิ้งจอกบ้าง จึงพูดว่า “เพื่อนรก..ถ้าเช่นนั้น ขอท่านจงเตรียมอาหารไว้ก็แล้วกัน ฉันจะไปพร้อมบริวารหมู่ใหญ่”
นางสุนัขจิ้งจอกถามว่า “บริวารของเธอเป็นอย่างไร ฉันจะได้ไปเตรียมอาหารถูก”
นางแพะ “บริวารของฉันคือสุนัข ๔ ตัว แต่ละตัวมีลูกสมุนอีก ๕๐๐ ตัว รวมทั้งหมดก็ ๒,๐๐๐ ตัวพอดี ถ้าสุนัขเหล่านั้นไม่ได้อาหาร ก็จักฆ่าท่านทั้ง ๒ กินเสีย ”
นางสุนัขจิ้งจอกได้ฟังดังนั้นแล้วเกิดความกลัว จึงพูดเพื่อไม่ให้นางแพะไปหาว่า “เพื่อนรัก.. เมื่อท่านออกจากถ้ำไปไม่มีใครดูแลสิ่งของจักเสียหายได้ เอาเป็นว่าท่านอยู่ที่นี่ก็แล้วกัน ฉันกลับคนเดียวก็ได้” ว่าแล้วก็รีบอำลากลับถ้ำไป พาสามีหนีไปอยู่ที่อื่น ไม่หวนกลับคืนมาที่นั่นอีกเลย
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : หนามยอกเอาหนามบ่ง ผู้คิดประทุษร้ายผู้อื่น ย่อมได้รับการประทุษร้ายตอบ
ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
ตอบลบA giver is always be love. _/|\_
ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
ตอบลบA giver is always beloved. _/|\_