วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ชายจมูกแหว่ง

ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งหวงยิ่งอด เราไม่หวงเราไม่อด หมดเดี๋ยวก็มา

ชายจมูกแหว่ง



ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวันเมืองสาวัตถี ทรงปรารภพวกภิกษุได้บูชาต้นโพธิ์ด้วยดอกบัวเพราะอาศัยพระอานนทเถระผู้ฉลาดในการกล่าวถ้อยคำ ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า...

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นลูกชายของเศรษฐีคนหนึ่งในเมืองพาราณสี มีเพื่อนที่เป็นลูกชายเศรษฐีด้วยกันอีก ๒ คน 

ในสมัยนั้นมีชายจมูกแหว่งคนหนึ่งทำหน้าที่ดูแลสระดอกบัวอยู่ชานเมืองพาราณสี วันหนึ่งในเมืองพาราณสีมีมหรสพ ลูกชายเศรษฐีทั้ง ๓ คนได้พากันไปที่สระดอกบัวเพื่อขอดอกบัวประดับกายไปเที่ยวงานมหรสพนั้น 

พอไปถึงสระดอกบัวแล้วลูกชายเศรษฐีคนที่ ๑ ได้พูดขอดอกบัวกับชายจมูกแหว่งว่า 

" พี่ชาย ผมและหนวดที่ตัดแล้วยังงอกขึ้นได้ ขอให้จมูกของท่านงอกขึ้นเช่นกัน ผมขอดอกบัวด้วยครับ " ชายจมูกแหว่งโกรธไม่ชอบใจจึงไม่ให้ดอกบัวแก่เขา
ต่อจากนั้น ลูกชายเศรษฐีคนที่ ๒ ได้พูดขอดอกบัวว่า
" พี่ชาย ข้าวที่หว่านในนายังงอกขึ้นได้ ขอให้จมูกท่านงอกได้เช่นกัน ผมขอดอกบัวด้วยครับ " ชายจมูกแหว่งก็ยังโกรธอีกไม่ให้ดอกบัวแก่เขา


พระโพธิสัตว์จึงพูดขอดอกบัวเป็นคนที่ ๓ ว่า 

" พี่ชาย คนทั้งสองพูดกับท่านเกินความเป็นจริง ถึงยังไงจมูกของท่านก็ไม่มีวันงอกขึ้นมาได้อีก ผมขอดอกบัวด้วยครับ "

ชายจมูกแหว่งพอใจจึงพูดว่า " สองคนนั้นพูดมุสา ท่านจึงพูดความจริง เราให้ดอกบัวแก่ท่าน " ว่าแล้วก็ยกดอกบัวให้พระโพธิสัตว์ไปกำใหญ่ 



นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
อย่าพูดอะไรให้เกินความเป็นจริง จะเสียใจภายหลัง โดยไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น