วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ปาตาจาลา

ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งหวงยิ่งอด เราไม่หวงเราไม่อด หมดเดี๋ยวก็มา

ปาตาจาลา
เศรษฐีตระกูลหนึ่ง มีอยู่ 4 คน คือ พ่อ แม่ ลูกสาวชื่อ ปาตาจาลา ส่วนคนที่ 4 เป็นคนใช้ลูกสาว ชื่อจูละ และเหล่าไพร่พลบ่าว จูละนั้นเป็นคนใช้อยู่ที่นั่นตั้งแต่ปาตาจาลาเป็นเด็กแล้ว ทั้งคู่เติบโตมาด้วยกัน พ่อกับแม่ปรึกษากันว่าจะให้ ปาตาจาลา แต่งงาน แต่ความเป็นจริงปาตาจาลานั้นได้มีความรักกับจูละมานานแล้ว (อ้าว! จูละเป็นผู้ชายหรอกเหรอ) นางไม่กล้าบอกพ่อแม่
นานวันเข้า พ่อกับแม่ก็ยิ่งรบเร้าให้นางมีครอบครัวบ่อยขึ้น นางปาตาจาจึงปรึกษากับจูละ จูละบอกให้ปาตาจาลาไปแต่งงานกับคนอื่นที่เหมาะสมกว่าเถอะ แต่นางปาตาจาลาก็ยังครองความสาวเรื่อยมา
ต่อมามีเศรษฐีอีกตระกูลหนึ่ง มาทาบทามนางปาตาจาลาเป็นเมีย พ่อแม่เลยมาบอกปาตาจาลา นางปาตาจาลาก็ไม่ยองปลงใจ พ่อแม่วิงวินอย่างไรก็ไม่ยอมท่าเดียว เลยเกิดการเฆี่ยนตีบังคับกันขึ้น นางถูกมัดมือมัดเท้าโบยให้ยอมแต่งงาน แต่ถึงกระนั้นนางก็ไม่ยอมท่าเดียว
จูละรู้ความยิ่งต้องบอกให้นางไปแต่งกับคนที่เหมาะสมเถิด แต่นางก็ไม่ยอมท่าเดียว จูละเห็นนางปาตาจาลาเป็นหญิงที่ซื่อสัตย์ต่อความรัก จึงตกลงหนีตามกันไปในคืนนั้น…
ทั้งสองไปอยู่กระต๊อบน้อย อยู่อย่างง่ายๆตามประสายากหลังภูเขา นางปาตาจาลาไม่เคยทำอะไรก็ได้ทำ ตักน้ำ นึ่งข้าว เป่าไฟ ช่วยกันผลักกันดันให้ตัวเองและผัวอยู่รอด จนคลอดลูกออกมาคนหนึ่ง นางจึงคิดจะพาจูละกลับบ้านเอาลูกไปให้พ่อแม่ดู แต่จูละห้ามไว้
พอลูกคนแรกโตนางก็ตั้งท้องคนที่ 2 พอใกล้กำหนดนางก็ชวนกลับไปคลอดที่บ้านพ่อกับแม่และไปอยู่ที่นั่น เพราะว่าทุกข์ยากลำบากแท้ จูละก็ไม่ยอมท่าเดียว หนีแล้วต้องหนีให้ถึงที่สุด นางจึงทำท่าจะกลับไปออกลูกอยู่บ้านคนเดียว แต่ว่าฝนตกกลางทาง จูละจึงเรียกกลับมา พอถึงกระต๊อบแล้วนางก็เจ็บท้องพอดี ฝนตกแรงมากกระต๊อบน้อยไม่อาจต้านทานฝนได้ จูละจึงจะออกไปหาใบไม้มาซ่อมแซม จึงฝ่าฝนออกไปหา แต่ถูกงูพิษกัดตาย เพราะพิษงู
นางปาตาจาลาเจ็บท้องจะคลอดลูก ฝนก็ตกกระหน่ำหนัก กระต๊อบเปียกฝนก็ใกล้จะพง หลังคารั่วน้ำไหลลงจ้ากๆ ผัวก็ไม่มาสักที นางจึงคลอดลูกออกมากลางดึก นางกอดลูกทั้งสองนอนตากฝนอยู่ในกระต๊อบจนฟ้าแจ้งจางปางวันใหม่ นางตัดสินใจอุ้มลูกตามหาผัว ตามป่าจนเห็นศพ นางร่ำไห้เสียใจอกแทบแตกสลาย รำพึงรำพันต่างๆนานา อกคนเป็นเมียแทบแตกหักออกเป็นเสี่ยงๆ นางเลยเอากิ่งไม้มาปิดบังไว้ดี จะได้ไม่เป็นเหยื่อนกกา แล้วนางก็เดินทางต่อไปอย่างไม่มีจุดหมาย แล้วคิดถึงชีวิตที่รันทดของนาง ที่หนีความสบายจากการเป็นลูกเศรษฐีมาตกตระกำลำบากกว่า 2 ปี ครั้นผัวตายก็ไม่มีโอกาสทำศพให้ ฮือๆๆๆ
นางเดินทางรอนแรมซัดเซพเนจร จนพบทางสว่าง นางได้บวชชีใต้เงาพระพุทธศาสนา โอ้ อนุโมทนาสาธุนำเด้อ
ชีวิตคนเราไม่เที่ยงแท้ กาลเวลาผ่านรวดเร็วนัก สิ่งไหนดีๆก็เร่งรีบทำเถิดพี่น้องเอ้ย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น