วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ดงพญาไฟ

ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งหวงยิ่งอด เราไม่หวงเราไม่อด หมดเดี๋ยวก็มา

ดงพญาไฟ

ตำนาน ” ดงพญาไฟ ” คือชื่อภูเขาดงพญาเย็นนี้เดิมชื่อว่าดงพญาไฟ มีประวัติเล่าว่าในสมัยหนึ่ง ขุนบรมราชาได้สร้างเมืองขวางทะบุรีขึ้น และได้ประกาศห้ามการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตในวันพระ จึงทำให้ประชาชนอยู่กันมาด้วยความร่มเย็นเป็นสุข ต่อมาเจ้าผู้ครองเมืองขวางทะบุรีองค์หนึ่งปกครองเมืองสืบต่อจากองค์ก่อน ไม่ตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรมมักไปรุกรานผู้อื่น และฆ่าสัตว์ทั้งสัตว์บกสัตว์น้ำเป็นนิจ เมื่อพระยาแถน(เทวดา) ได้ทราบก็ส่งงูร้ายมาทำอันตรายผู้คนในเมือง จนทุกคนรวมทั้งเจ้าผู้ครองเมืองก็เจ็บป่วยล้มตายกันหมด เหลือแต่ราชธิดาของเจ้าผู้ครองเมืองชื่อกลองศรีซึ่งถูกเอาไปซ่อนไว้กลองในชาตินี้โพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นมานพหนุ่มชื่อคัทธกุมาร ได้ท่องเที่ยวไปกับทหารคู่ใจ 2 คน ชื่อ นาย ชายไม้ร้อยกอ และนาย ชายเกวียนร้อยเล่ม
ทั้งสามมาถึงเมืองขวางทะบุรี ก็เห็นเป็นเมืองร้างไม่มีผู้คน และพบกลองใบใหญ่ก็ลองตี จึงรู้ว่ามีคนอยู่ภายใน คัทธกุมารใช้พระขรรค์ผ่าดูแล้วนำราชธิดากลองศรีออกมาสอบถามเรื่องราว นางก็เล่าให้ฟัง และบอกว่า ถ้าผู้ใดจุดไฟไหม้ให้มีแสงสว่างและมีควันขึ้นไปบนท้องฟ้าเมื่อใดก็จะมีงูร้ายฝูงใหญ่มาทำอันตราย คัทธกุมารและทหารทั้งสองจึงเก็บฟืนมากอง แล้วจุดไฟเผาเป็นควันขึ้นไปบนท้องฟ้า
พระยาแถนทราบว่ายังมีคนอยุ่ในเมืองขวางทะบุรีจึงปล่อยฝูงงูมาทำร้ายคัทธกุมารและทหารคู่ใจก็สังหารงูตายหมดสิ้น แล้วคัทธกุมากก็ชุบชีวิตพระยาขวางทะบุรีพร้อมมเหสีและไพร่บ้านพลเมืองให้ฟื้นคืนชีวิตโดยทั่วกัน ส่วนกระดูกของเหล่างูร้ายก็บันดาลให้เป็นสายน้ำพัดพาออกไปนอกเมือง ไปรวมเป้นกองใหญ่เกิดเป็นภูเขาเรียกว่า ภูหอ หรือ ภูโฮง กองไฟใหญ่ที่จุดเผ่าล่อให้งูมานั้น ภายหลังเป็นป่าชัฎ เรียกว่า ดงพญาไฟ เมืองขวางทะบุรีนั้นก็มีนามเรียกว่า เมืองนครราช ปัจจุบัน เมืองนครราช อยู่ในเขต จังหวัด นครราชสีมา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น