วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2554

พ่อตากับลูกเขย

ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งหวงยิ่งอด เราไม่หวงเราไม่อด หมดเดี๋ยวก็มา

พ่อตากับลูกเขยใหญ่และเขยเล็ก

กาลครั้งหนึ่ง…นานมาแล้ว  (คือสิดนเติบอยู่  จนจำบ่ได้ว่ายามได๋)
(ภาคภาษาไทยอีสาน) :-
พ่อตามาจาต้าน  ขานคำย้ำถามไถ่  ”เป็นหยังหล่า…เป็ดจั่งมาลอยน้ำได้”
ลูกเขยใหญ่เอ่ยตอบให้  ”ที่ลอยได้เพราะขนมี…อีพ่อเอย”
“บ๊า…แหม่นคำบักทิดเว้า  เข้าท่าคือความมัน…อีหลีเด้อ”
“กูสิจำคำขาน  ไปต้านถามลูกเขยน้อย…เบิ่งก่อนนา”
ว่าแล้ว  พ่อตาก็เอ่ยปากถามเขยเล็ก  เมื่อได้โอกาสว่า…
“บักเชียง ๆ  โตฮู้บ่ว่า…เป็นหยังเปิดคือลอยน้ำได้”
ลูกเขย…?!? (กำลังหยุดใช้ความคิด…ยังไม่ทันได้ตอบ)
พ่อตาเลยชิงตอบซะเองว่า  ”อ้าว…กะมันมีขนนั่นเด้  มันจะเลยลอยน้ำได้  (ปัญหาง่าย ๆ  ซ่ำนี้  กะบ่ฮู้น้อบักเชียง)
ลูกเขยจึงบอกว่า  ”บัดว่า  ขอนไม้บ่มีขน  คือมาลอยโอ่งโล่ง ๆ  มาพุ้นน่ะ…พ่อใหญ่”
พ่อตา  ”ฮ่วย…บักอันนี่!”
อีกหลายวันต่อมา  (จักมื้อได๋ดอกล่ะ)
พ่อตานึกคำถามขึ้นมาได้  จึงอยากจะถามแก้เผ็ดลูกเขยซะหน่อยว่า  ”มึงฮู้บ่ว่า…เป็นหยังห่านคือฮ้องเสียงดังแท้”
เพราะกลัวลูกเขยจะตอบได้  เลยรีบชิงตอบไปก่อนว่า  ”เพราะว่าคอมันยาว  เวลาโก่งคอฮ้อง  มันจะเลยเสียงดัง…ซั่นแหล่ว”
ลูกเขยจึงแย้งขึ้นว่า  ”ฮ่วยพ่อ…บัดว่าอึ่งอ้างน้อย  คอสั้น ๆ  มันคือฮ้องได้ดั่งใจ  ไกลกว่าห่านพุ้นได๋ล่ะ”
พ่อตา  หมดปัญญาจะแก้คืน  นอนกล้ำกลืนหาโอกาสจะแก้แค้นให้ได้
วันต่อมา  (จักว่าเหิงปานได๋  ผู้เผิ่นว่ามา  บ่ได้บอกไว้)
“เอ้ย…บักเซียง ๆ มึงฮู้บ่ว่า  เป็นหยังหน่อไม้  มันคือซอนไซหม่นขี้ดินขึ้นมาได้”
ลูกเขยยังมิทันได้ตอบอีกล่ะ  พ่อตาก็รีบตอบก่อนเลย  เพื่อแสดงให้รู้ว่า  ข้าก็รู้เหมือนกัน…โว๊ยย!
“เพราะว่าปลายมันแหลม  มันกะเลยแทงดินขึ้นมาได้”
พ่อตายิ้มด้วยความสาแก่ใจ  ที่ชิงตอบก่อนลูกเขยได้  พร้อมกับคุยข่มทับลูกเขยอีกว่า  ”กะคือจั่งพ่อนี่ล่ะ  หัวแหลม…กะเลยตอบปัญหานี่ได้”  ลูกเขยจ่อมแก่น
ลูกเขยจอมแก่นก็ท้วงขึ้นมาว่า  ”แหม่นบ่พ่อ…บัดว่าเห็ดดอกหญ้า  เห็ดละโงกปลายนา  ปลายคือจั่งทู ๆ  เก็บมาแกงอยู่สู่มื้อ  คือจั่งเกิดแทงดิน…ล่ะพ่อใหญ่”
พ่อตา  ได้แต่บ่นพึมพำว่า “ฮ่วย…บักอันนี้  มันสิบ่ยอมแพ้พ่อเฒ่ามันอีหลีบ้อ  มึงเด้อ…กูสิหาความใหม่มาถามมึงอีก  สิเอาชนะมึงให้ได้  ฮู้จักพ่อแก่มึงหน่อยไปแล้ว”
ลูกเขย  ก็ยิ้ม ๆ  แต่ไม่พูดอะไรต่อ
ต่อมาอีกหลายวัน  (กว่าพ่อตาจะคิดปัญหาใหม่มาถามลูกเขยได้)
พ่อตา  ”บักเซียง ๆ  มึงฮู้บ่ว่า  ฮูอยู่ฝั่งน้ำ  มันคือจั่งทั้งเกลี้ยงทั้งหมื่นแท้”
ลูกเขยจึงว่า  ”บ่แหม่นมีคนเอาไม้ไปแหย่มันบ่น้อ…พ่อใหญ่”
พ่อตาเห็นทีได้โอกาส  ก็รีบพูดขึ้นมาในทันใดนั้นว่า  ”บ่แหม่นดอกบักเซียง  ที่แท้แล้ว  ฮูมันเกลี้ยงหมื่นได้  กะเพราะว่า  มีกบ  มีเขียดเข้าไป  แล้วงูมันกะเลยเข้าไปกินกบกินเขียด  ฮูนั่นกะเลยเกลี้ยงหมื่นดี…ซั่นแหล่วเซียงเอ๊ย”  พ่อตาพูดเสร็จ  ก็ยิ้มว่าตนเองคงชนะแล้ว
แล้วก็พูดข่มทับไปอีกหลายอย่าง  เพื่อเป็นการประกาศชัยชนะ  เข้าทำนองว่า  ”ได้ทีขี่แพะไล่”
พ่อตาพูดไปเรื่อย ๆ  ไม่ยอมหยุด  จนลูกเขยทนไม่ไหว  จึงพูดสวนกลับมาทันควันว่า  ”ฮ่วยพ่อ…พ่อคือแล้วหัวพ่อ  บ่มีไผแหย่  มันคือจั่งทั้งล้านทั้งหมื่นแท้ล่ะ”
พ่อตา…!?!
พ่อตา-ลูกเขย  (แปลให้คนภาคอื่น ๆ)
พ่อตาถามเขยใหม่ปัญหาเด็ด
ทำไมเป็ดลอยน้ำตอบคำข้า
เป็ดมีขนตอบคำถามพ่อตา
เออเข้าท่าฉลาดแท้แกรู้ดี
หันมาถามเขยเล็กปัญหาเด็ด
ทำไมเป็ดลอยน้ำตอบคำที
ธรรมดาหาใช่โลมาชี้
ขอนไม้ขนไม่มีมันก็ลอย
ทำไมห่านจึงร้องก้องเสียงดัง
เพราะคอมันยาวตั้งจึงดังหน่อย
ธรรมดาหาใช่คอยาวย้อย
อึ่งอ่างน้อยคอสั้นมันก็ดัง
ทำไมหนอหน่อไม้ไชพ้นดิน
ปลายมันแหลมยินบ่เป็นหยัง
ธรรมดาหาใช่ปลายแหลมจัง
เห็ดน่าชังปลายทู่ยังรู้แทง
ทำไมรูริมตลิ่งจึงลื่นอยู่
คงมีงูเข้าออกมิหน่ายแหนง
ธรรมดาหาใช่ใครแหย่แยง
หัวล้านแดงของพ่อก็ลื่นไง
มันเป็นเช่นนี้เองเร่งรู้อรรถ
คนหรือสัตว์เหมือนกันอย่าหวั่นไหว
ธรรมดาชี้เช่นต้องเป็นไป
เล็กหรือใหญ่นั้นน่ะธรรมดา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น