วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2554

นกกระจอก (ท้าววรกิต นางจันทะจร)

ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งหวงยิ่งอด เราไม่หวงเราไม่อด หมดเดี๋ยวก็มา

นกกระจอก (ท้าววรกิต นางจันทะจร)

มีนกกระจอกน้อย 2 ผัวเมียทำรังอยู่ที่หนวดคางพระฤาษี วันหนึ่งพ่อนกได้ออกไปหาเหยื่อมาเลี้ยงแม่นก และลูกอ่อน ไปถูกดอกบัวหุบกลีบขังไว้ไม่สามารถกลับมาหาลูกเมียได้ เมื่อกลับมาได้ทะเลาะกับแม่นก และสาบานว่าถ้าตนนอกใจคู่ของตนดังที่แม่นกกล่าวหาก็ขอให้มีบาปเท่าฤาษี
ฤาษีได้ยินจึงโกรธ ถามนกว่าทำไมตนจึงมีบาป นกบอกว่าเพราะฤาษีไม่มีลูกสืบสกุล ตายไปต่อไปก็ตกนรก (คติความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู) ฤาษีจึงไล่นกไปอยู่ที่อื่นและตนก็ลาเพศฤาษี ไปมีชีวิตครอบครัวเช่นคนทั่วไป
นกสองผัวเมียพาลูกไปอาศัยป่าเลา อยู่มาวันหนึ่งไฟไหม้ป่า พ่อนกและแม่นกสัญญากันว่าจะไม่ทอดทิ้งลูกจะขอตายเมื่อไฟมาถึง พ่อนกทนความร้อนไม่ไหวจึงบินหนีไป ทิ้งให้แม่นกกับลูกตายในเปลวไฟ นางนกกระจอกไปเกิดเป็นลูกสาวเจ้าเมืองแห่งหนึ่งชื่อนางจันทจร นางมีรูปร่างงดงามแต่ไม่ยอมพูดจากับผู้ชายเลย พ่อนกไปเกิดเป็นชายหนุ่มรูปงาม ลูกชายของเจ้าเมืองแห่งหนึ่ง มีนามว่าท้าววรกิต เมื่อโตเป็นหนุ่มได้ยินกิตติศัพท์ความงามของนางจันทะจรจึงมาหา
พระราชาบิดานางจันทะจร ได้ป่าวร้องให้ผู้มีวิชาดีมารักษาโรคที่นางไม่ยอมพูดกับผู้ชาย ชายใดสามารถทำให้นางพูดด้วย จะยกนางให้อภิเษกเป็นคู่ครอง ท้าววรกิตไปเรียนวิชาถอดจิตกับพระอาจารย์และไปอาสาพูดกับนาง ท้าววรกิตได้ถอดจิตไปไว้กับหมอนกับเครื่องใช้ต่างๆ ทำให้เครื่องใช้นั้นๆ พูดได้ และเล่านิทานให้หมอนฟังเป็นนิทานโจมตีให้ร้ายผู้หญิง แต่นางไม่ยอมพูดด้วย ในที่สุดได้เล่าเรื่องนกกระจอกแต่ตอนจบแกล้งเล่าให้ผิดว่านกตัวเมียไม่ยอมรักษาสัญญาบินหนีก่อน ปล่อยให้นกตัวผู้ตายกับลูกในกองไฟ นางจันทะจรโกรธจึงได้แย้งว่าไม่จริง เมื่อนางพูดแล้วบิดาจึงอภิเษกให้ท้าววรกิตครองเมืองกับนางจันทะจรตามสัญญา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น