วันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2554

พังพอนกับงู

ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งหวงยิ่งอด เราไม่หวงเราไม่อด หมดเดี๋ยวก็มา

  ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงปรารภการทะเลาะกันของอำมาตย์ ๒ คน ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า…
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นฤาษีบำเพ็ญเพียรสมาบัติอยู่ป่าหิมพานต์ มีพังพอนตัวหนึ่ง อาศัยอยู่ในจอมปลวกที่จงกรมของฤาษีนั้น และมีงูตัวหนึ่ง อาศัยอยู่ที่โคนไม้ต้นหนึ่งใกล้จอมปลวกนั้น งูและพังพอนไม่ถูกกันเป็นคู่อริกันตลอดกาล
ฤาษีเห็นสัตว์ทั้งสองทะเลาะกัน จึงกล่าวถึงโทษของการทะเลาะกันและอานิสงส์ในการเจริญเมตตาแก่สัตว์ทั้งสอง จนทำให้งูและพังพอนเลิกทะเลาะกันกลับมาเป็นมิตรกันในที่สุด ถึงกระนั้นพังพอนก็ไม่ไว้ใจงู เวลางูออกไปข้างนอกพังพอนก็จะนอนอ้าปากหันหัวออกนอกโพรง แม้หลับก็ยังนอนอ้าปากอยู่
     ฤาษีเห็นพฤติกรรมเช่นนั้นของมันจึงถามมันว่า      “พังพอน..เจ้าได้ทำมิตรภาพกับงูผู้เป็นศัตรูแล้วมิใช่หรือ เหตุไฉนจึงนอนแยกเขี้ยวอยู่อีกเล่า ภัยที่ไหนจะมาถึงตัวเจ้าอีกละ”
     พังพอนตอบว่า “พระคุณเจ้า เราไม่ควรดูหมิ่นศัตรู ควรระแวงไว้เสมอ”
แล้วกล่าวเป็นคาถาว่า
“บุคคลพึงระแวงภัยในศัตรูไว้ก่อน แม้ในมิตรก็ไม่ควรไว้วางใจ ภัยที่เกิดขึ้นจากมิตรย่อมกัดกร่อนจนถึงโคนราก”
ฤาษีจึงกล่าวสอนพูดให้พังพอนเลิกระแวงว่า “เจ้าอย่ากลัวไปเลย เราได้ทำให้งูไม่ทำร้ายเจ้าแล้ว เจ้าเลิกระแวงได้แล้วละ” งูและพังพอนนั้นก็เป็นอยู่อย่างสันติจนตราบสิ้นชีวิต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น