วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2554

บทเพลงกล่อมลูก

ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งหวงยิ่งอด เราไม่หวงเราไม่อด หมดเดี๋ยวก็มา

เนื้อเพลงนกขมิ้น
เพลงนกขมิ้น
๑.ค่ำคืนฉันยืนอยู่เดียวดาย เหลียวมองรอบกายมิวายจะหวาดกลัว
มองนภามืดมัวสลัวเย็นย่ำ ค่ำคืนเอ๋ย ฮือ…..ฮื้อ….ฮือ…ฮือ..ฮือ……
# ยามนภาคล้ำไปใกล้ค่ำ ยินเสียงร่ำคำบอกเจ้าช่อไม้ดอกเอ๋ย
เจ้าดอกขจร นกขมิ้นเหลืองอ่อน ค่ำแล้วจะนอนไหนเอย เอ๋ย…..เล่านกเอย
๒.อกฉันทุกวันเฝ้าอาวรณ์ เหมือนคนพเนจรฉันนอนไม่หลับเลย
หนาวพระพายพัดเชย อกเอ๋ยหนาวสั่น สุดบั่นทอน ฮือ…..ฮื้อ….ฮือ…ฮือ..ฮือ….
# ยามนี้เราหลงทางกลางค่ำ ยินเสียงร่ำคำบอกเจ้าช่อไม้ดอกเอ๋ย
เจ้าดอกราตรี นกขมิ้นหลงที่  เงียบเหงาฤดีจริงเอย… เอ๋ย….โอ้หัวอกเอย…
(ดนตรี)
๓.บ้านใดหรือใครจะเอ็นดู รับรองอุ้มชูเลี้ยงดูให้หลับนอน
นกขมิ้นเหลืองอ่อน ค่ำไหนนอนนั่น อกฉันหมอง… ฮือ…..ฮื้อ….ฮือ…ฮือ..ฮือ
# ทนระกำช้ำใจยามค่ำ ยินเสียงร่ำน้ำตก โอ้หัวอกเอ๋ย
โอ้อกอาวรณ์ ฉันไร้คู่ร่วมคอน ต้องฝืนนอนหนาวเอย.. เอ๋ย..โอ้หัวอกเอย…

๔.เมื่อมองหมายปองก็แลเห็น หวิวในใจเต้น เหมือนเป็นเพียงแต่มอง
เหมือนพบรังจะครอง แต่หมองเกรงที่  หวั่นจะมีเจ้าของ ฮือ…..ฮื้อ….ฮือ…..
# ฟังสำเนียงเสียงเพลงครวญคร่ำ ใครหนอร่ำคำบอก เจ้าช่อไม้ดอกเอ๋ย
เจ้าดอกขจร นกขมิ้นเหลืองอ่อน ค่ำนี้จะนอนไหนเอย…เอ๋ยนอนที่ไหนก็ได้เอย
กาเหว่า








กาเหว่า


เจ้านกกาเหว่าเอย ไข่ไว้ให้แม่กาฟัก

แม่กาก็หลงรัก คิดว่าลูกในอุทร

คาบเอาข้าวมาเผื่อ ไปคาบเอาเหยื่อมาป้อน

ถนอมไว้ในรังนอน ซ่อนเหยื่อมาให้กิน

ปีกเจ้ายังอ่อนคลอแคล ท้อแท้จะสอนบิน

แม่กาพาไปกิน ที่ปากน้ำพระคงคา

ตีนเจ้าเหยียบสาหร่าย ปากก็ไซ้หาปลา

กินกุ้งแลกินกั้ง กินหอยกระพังแมงดา

กินแล้วก็โผมา จับที่ต้นหว้าโพธิ์ทอง

ยังมีนายพราน เที่ยวเยี่ยมเยี่ยมมองมอง

ยกปืนขึ้นส่อง จ้องเอาแม่กาดำ

ตัวหนึ่งว่าจะต้ม อีกตัวหนึ่งว่าจะยำ

กินนางแม่กาดำ ค่ำวันนี้อุแม่นา


ระฆังดังเหง่งหง่าง

บทท่องจำอาขยาน ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑
ระฆังดังเหง่งหง่าง

ฆ้องใหญ่กว้างดังหึ่ง ๆ

กลองหนังดังตึง ๆ

ตึกระดึงดังกริ่ง ๆ


นักเลงร้องเพลงพลาง

ตรงหน้าต่างไขว่ห้างหยิ่ง

เอาหลังนั่งเอนอิง

มือถือฉิ่งตีดัง ดัง


เด็ก เด็ก อย่าใหลหลง

ดูเรื่อง กง กอ กา บ้าง

ดูไปตั้งใจฟัง

เบื้องหน้ายังจะว่ากฎ





เด็กเอ๋ย..เด็กดี

เด็กเอ๋ย..เด็กดี ต้องมีหน้าที่ 10 อย่างด้วยกัน
เด็กเอ๋ย..เด็กดี ต้องมีหน้าที่ 10 อย่างด้วยกัน

หนึ่ง...นับถือศาสนา

สอง...รักษาธรรมเนียมมั่น

สาม...เชื่อพ่อแม่ครูอาจารย์

สี่...วาจานั้นต้องสุภาพอ่อนหวาน

ห้า...ยึดมั่นกตัญญู

หก...เป็นผู้รู้รักการงาน

เจ็ด...ต้องศึกษาให้เชี่ยวชาญ ต้องมานะบากบั่น ไม่เกียจไม่คร้าน

แปด...รู้จักออมประหยัด

เก้า...ต้องซื่อสัตย์ตลอดกาล น้ำใจนักกีฬากล้าหาญ ให้เหมาะกับกาล สมัยชาติพัฒนา

สิบ...บำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ รู้บาปบุญคุณโทษ สมบัติชาติต้องรักษา


เด็กสมัยชาติพัฒนา จะเป็นเด็กที่พา ชาติไทยเจริญ


( เพลง"หน้าที่เด็ก" คำร้อง ชอุ่ม ปัญจพรรค์ ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน)

Resource:
http://peeyong.exteen.com/20060702/entry


ตั้งไข่ล้มต้มไข่กิน ๏ ๏

(ร้องลำลมพัดชายเขา)

-สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ- ทรงนิพนธ์

ตั้งเอ๋ยตั้งไข่

จะตั้งใย ไข่กลม ก็ล้มสิ้น

ถึงว่า ไข่ล้ม จะต้มกิน

ถ้าตกดิน เสียก็อด หมดฝีมือ

ตั้งใจ เรานี้ จะดีกว่า

อุตส่าห์ อ่านเขียน เรียนหนังสือ

ทั้งวิชา สารพัด เพียรหัดปรือ

อย่าดึงดื้อ ตั้งไข่ ร่ำไรเอย.......

เพลง : อาขยาน








ยังจำกันได้ไหม เมื่อครั้งเรายังเป็นเด็ก ๆ
ตอนตัวเล็ก ๆ คุณครูสอนภาษาไทย
วันนั้นยังจำ ทุกคำจดจำขึ้นใจ
ก.เอ๋ย ก.ไก่ ท่องไปถึง ฮ.นกฮูก












ก.เอ๋ย ก.ไก่ ข.ไข่ในเล้า

ฃ.ฃวดของเรา ค.ควายเข้านา

ฅ.คนขึงขัง ฆ.ระฆังข้างฝา

ง.งู ใจกล้า จ.จานใช้ดี

ฉ.ฉิ่งตีดัง ช.ช้างวิ่งหนี

ซ.โซ่ล่ามดี ฌ.คู่กัน

ญ.หญิงโสภา ฎ.สวมพลัน

ฏ.ปฏักหุนหัน ฐ.ฐานเข้ามารอง


ฑ.นางมนโฑหน้าขาว ฒ.ผู้เฒ่าเดินย่อง

ณ.เณรไม่มอง ด.เด็กตั้งนิมนต์

ต.เต่าหลังตุง ถ.ถุงแบกขน

ท.ทหารอดทน ธ.ธงคนนิยม

น.หนูขวักไขว่ บ.ใบไม้ทับถม

ป.ปลาตากลม ผ.ผึ้งทำรัง

ฝ.ฝาทนทาน พ.พานวานตั้ง

ฟ.ฟันสะอาดจัง ภ.สำเภากางใบ

ม.ม้าคึกคัก ย.ยักษ์เขี้ยวใหญ่

ร.เรือพายไป ล.ลิงไต่ราว

ว.แหวนลงยา ศ.ศาลาเงียบเหงา

ษ.ฤาษีหนวดยาว ส.เสือดาวคะนอง

ห.หีบใส่ผ้า ฬ.จุฬาน่าผยอง

อ.อ่างเนืองนอง ฮ.นกฮูกตาโต



Resource:
http://iceindymusic.esmartmusic.com/song/mysong09.html


ภาพประกอบ : ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องจาก http://www.



ความเปลี่ยนแปลงใด ไม่ว่าจะเป็นไปในทางที่ดีขึ้นหรือเลวลง ต้องใช้ความกล้าหาญ เพราะการละทิ้งความคิดเก่าๆ ที่ให้ความรู้สึกปลอดภัย และ ควบคุมได้นั้น ทำได้ไม่ง่ายเลย

: Marcelo Gleiser อ้างถึงโดย Michelson Borges บราซิล

คัดลอกมาจากหนังสือ Reader's Digest ฉบับสมาชิก 2/03 มีนาคม 2545

เด็กน้อย






บทท่องจำอาขยาน ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑

๏ ๏ เด็กน้อย ๏ ๏
(ร้องลำฝรั่งรำเท้า)

เด็กเอ๋ย เด็กน้อย

ความรู้ เรายังด้อย เร่งศึกษา

เมื่อเติบใหญ่ เราจะได้ มีวิชา

เป็นเครื่องหา เลี้ยงชีพ สำหรับตน

ได้ประโยชน์ หลายสถาน เพราะการเรียน

จงพากเพียร ไปเถิด จะเกิดผล

ถึงลำบาก ตรากตรำ ก็จำทน

เกิดเป็นคน ควรหมั่น ขยันเอย......
แมวเหมียว แยกเขี้ยวยิงฟัน

บทท่องจำอาขยาน ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑






๏ ๏ แมวเหมียว แยกเขี้ยวยิงฟัน ๏ ๏

(ร้องลำแขกบรเทศ)

-นายทัด เปรียญ - แต่ง

แมวเอ๋ย แมวเหมียว

รูปร่าง ประเปรียว เป็นหนักหนา

ร้องเรียก เหมียวเหมียว ประเดี๋ยวก็มา

เคล้าแข้ง เคล้าขา น่าเอ็นดู

รู้จัก เอารัก เข้าต่อตั้ง

ค่ำค่ำ ซ้ำนั่ง ระวังหนู

ควรนับว่ามัน กตัญญู

พอดู อย่างไว้ ใส่ใจเอย......

นกขมิ้นเหลืองอ่อน

บทท่องจำอาขยาน ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑







๏ ๏ นกขมิ้นเหลืองอ่อน ๏ ๏

(ร้องลำพัดชา)

-หลวงพลโยธานุโยค(นก) - แต่ง



ปักเอ๋ย ปักษิน

นกขมิ้น เรื่อเรือง เหลืองอ่อน

ถึงเวลา หากิน ก็บินจร

ครั้นสายัณห์ ผันร่อน มานอนรัง

ความเคยคุ้น สกุณา อุตสาหะ

ไม่เลยละ พุ่มไม้ ที่ใจหวัง

เพราะพากเพียร ชอบที่ มีกำลัง

เป็นที่ตั้ง ตนรอด ตลอดเอย.......






Resource:
http://www.banfun.com/poet/prathom-1.html

บทท่องจำอาขยาน ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓







สักวาดาวจรเข้


สักวาดาวจรเข้ก็เหหก

ศีรษะตกหันหางขึ้นกลางหาว

เป็นวันแรมแจ่มแจ้งด้วยแสงดาว

น้ำค้างพราวปรายโปรยโรยละออง

ลมเรื่อยเรื่อยเฉื่อยฉิวต้องผิวเนื้อ

ความหนาวเหลือทานทนกมลหมอง

สกุณากาดุเหว่าก็เร่าร้อง

พอแสงทองส่องฟ้าขอลาเอย...


Resource:
http://www.banfun.com/poet/prathom-3.html


ภาพประกอบ: ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องจาก http://www.


















ใ...ผู้ใหญ่หาผ้าใหม่ ให้สะใภ้ใช้คล้องคอ


ผู้ใหญ่หาผ้าใหม่ ให้สะใภ้ใช้คล้องคอ
ใฝ่ใจเอาใส่ห่อ มิหลงใหลใครขอดู
จะใคร่ลงเรือใบ ดูน้ำใสและปลาปู
สิ่งใดอยู่ในตู้ มิใช่อยู่ใต้ตั่งเตียง
บ้าใบ้ ถือใยบัว หูตามัว มาใกล้เคียง
เล่าท่องอย่าละเลี่ยง ยี่สิบม้วน จำจงดี


Resource:
http://larndham.net/index.php?showtopic=14634&st=15

กลอนสุภาพ

๏ อย่าเกียจคร้านการเรียนเร่งอุส่าห์........มีวิชาเหมือนมีทรัพย์อยู่นับแสน

จะตกถิ่นฐานใดคงไม่แคลน....................ถึงคับแค้นก็พอยังประทังตน

อันความรู้รู้กระจ่างแต่อย่างเดียว............แต่ให้เชี่ยวชาญเถิดคงเกิดผล

อาจจะชักเชิดชูฟูสกนธ์.........................ถึงคนจนพงศ์ไพร่คงได้ดี

เกิดเป็นชายชาวสยามตามวิสัย...............หนังสือไทยก็ไม่รู้ดูบัดสี

ต้องอับอายขายหน้าทั้งตาปี...................ถึงผู้ดีก็คงด้อยถอยตระกูล

จะต่ำเตี้ยเสียชื่อว่าโฉดช้า.....................จะชักพายศลาภให้สาบสูญ

ทั้งขายหน้าญาติวงศ์พงษ์ประยูร..........จะเพิ่มพูนติฉินคำนินทา

หนึ่งหนังสือหรือตำรับฉบับบท.............เป็นของล้วนควรจดจำศึกษา

บิดาปู่สู้เสาะสะสมมา............................หวังให้บุตรนัดดาได้ร่ำเรียน

จะได้ทราบบาปบุญทั้งคุณโทษ..............ปะบุตรโฉดต่ำช้าก็พาเยร

ไม่สมหวังดังบิดาปู่ตาเพียร...................เนิ่นจำเนียรแพลงพลัดกระจัด

กระจาย


Resource:
http://board.dserver.org/p/plearn/00000589.html

กาพย์ยานี 11 (แม่ ก กา)


๏ แม่ไก่อยู่ในตะกร้า..............ไข่ไข่มาสี่ห้าใบ

อีแม่กาก็มาไล่.........................อีแม่ไก่ไล่ตีกา

๏ หมาใหญ่ก็ไล่เห่า..............หมูในเล้าแลดูหมา

ปูแสมแลปูนา.........................กะปูม้าปูทะเล

๏ เต่านาและเต่าดำ.................อยู่ในน้ำกะจระเข้
ปลาทูอยู่ทะเล.........................ปลาขี้เหร่ไม่สู้ดี ๚

อิ่มก่อน

อิ่มเอ๋ยอิ่มก่อน
รีบจะไปดูละครโขนหนัง
ทิ้งสำรับคับค้อนไว้รุงรัง
เหมาคนอิ่มทีหลังให้ล้างชาม

การเฝ้าเอาเปรียบกันอย่างนี้
มิดีหนอเจ้าฟังเราห้าม
คบเพื่อนฝูงจงอุตส่าห์พยายาม
รักษาความสามัคคีจะดีเอย ฯ

สมเด็จ ฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงนิพนธ์ (ร้องลำสระบุหร่งนอก)


Resource:
http://larndham.net/index.php?showtopic=14634&st=15


ปากเป็นเอก เลขเป็นโท หนังสือเป็นตรี ชั่วดีเป็นตรา



ปากเป็นเอกเหมือนเสกมนต์ให้คนเชื่อ ฉลาดเหลือวาจาปรีชาฉาน

จะกล่าวถ้อยร้อยคำไม่รำคาญ เป็นรากฐานเทิดตนพ้นลำเค็ญ

เลขเป็นโทโบราณท่านสั่งสอน เร่งสังวรเวี่ยไว้ใช่ว่าเล่น

การคำนวณควรชำนาญคูณหารเป็น ช่วยให้เด่นดีนักหนารู้ท่าคน

หนังสือเป็นตรีวิชาปัญญาเลิศ เรียนไปเถิดรู้ไว้ไม่ไร้ผล

ยามยากแสนแค้นคับไม่อับจน ได้เลี้ยงตนด้วยวิชาหาทรัพย์ทวี

ชั่วดีเป็นตราประทับไว้กับโลก ยามวิโยคชีพยับลับร่างหนี

ที่ศูนย์แท้ก็แต่ตัวส่วนชั่วดี คงเป็นที่ลือทั่วชั่วฟ้าดิน


ของท่านผู้หญิงสมโรจน์ สวัสดิกุล ณ อยุธยา

จาก บทประพันธ์อธิบายสุภาษิต


Resource:
http://www.lokwannakadi.com/neo/shakayan.php?ID=39

อย่าเกียจคร้านการเรียนเร่งอุตส่าห์

๐ อย่าเกียจคร้านการเรียนเร่งอุตส่าห์
มีวิชาเหมือนมีทรัพย์อยู่นับแสน
จะตกถิ่นฐานใดคงไม่แคลน
ถึงคับแค้นก็พอยังประทังตน
อันความรู้รู้กระจ่างแต่อย่างเดียว
แต่ให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล
อาจจะชักเชิดชูฟูสกนธ์
ถึงคนจนพงศ์ไพร่คงได้ดี
เกิดเป็นชายชาวสยามตามวิสัย
หนังสือก็ไม่รู้ดูบัดสี
ต้องอับอายขายหน้าทั้งตาปี
ถึงผู้ดีก็คงด้อยถอยตระกูล
จะต่ำเตี้ยเสียชื่อว่าโฉดช้า
จะชักพายศลาภให้สาบสูญ
ทั้งขายหน้าญาติวงศ์พงศ์ประยูร
จะเพิ่มพูนติฉินคำนินทา
หนึ่งหนังสือหรือตำรับฉบับบท
เป็นของล้วนควรจดจำศึกษา
บิดาปู่สู้เสาะสะสมมา
หวังให้บุตรนัดดาได้ร่ำเรียน
จะได้ทราบบาปบุญทั้งคุณโทษ
ปะบุตรโฉดต่ำช้าก็พาเหียร
ไม่สมหวังดังบิดาปู่ตาเพียร
เป็นจำเนียรแพลงพลัดกระจัดกระจาย

ตุ๊ดตู่ในรูกระบอก


ชื่อสามัญ : Water Monitor





ตุ๊ดตู่ในรูกระบอก


ตุ๊ดเอ๋ย ตุ๊ดตู่

ในเรี่ยว ในรู ช่างอยู่ได้

ขี้เกียจ นักหนา ระอาใจ

มาเรียกให้ กินหมาก ไม่อยากคบ

ชาติขี้เกียจ เบียดเบียน แต่เพื่อนบ้าน

การงาน สักนิด ก็คิดหลบ

ตื่นเช้า เราจักหมั่น ประชันพลบ

ไม่ขอพบ ขี้เกียจ เกลียดนักเอย....


(ร้องลำวิลันดาโอด)

สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงนิพนธ์


Resource:
http://www.lokwannakadi.com/neo/shakayan.php?ID=62









ตุ๊ดตู่

Red-headed Monitor(Harlequin Monitor)

ชื่อทางวิทยาศาสตร์: Varanus dumerilii

ลักษณะทั่วไป
ลำตัวยาว 50-125 เซนติเมตร
เมื่อเล็กตั้งแต่ปลายปากถึงคอสีส้มถึงแดงเข้ม
เมื่อโตสีจะจางลง มีขีดสีดำตั้งแต่ขอบตาถึงคอ
ลำตัวมีขวั้นสีเหลืองตั้งแต่คอถึงปลายหาง
ตุ๊ดตู่เป็นสัตว์ที่เล็กที่สุดในกลุ่มสัตว์จำพวกเหี้ย-ตะกวด
ที่พบได้ในประเทศไทย และเป็นสัตว์ไม่มีพิษ

ถิ่นอาศัย, อาหาร
พบอาศัยในป่าดิบชื้นภาคใต้ของประเทศไทยและพบในมาเลเซีย
สุมาตรา บอร์เนียว สิงคโปร์
ตุ๊ดตู่กินเนื้อสัตว์และแมลงต่าง ๆ

พฤติกรรม, การสืบพันธุ์
เป็นสัตว์เชื่องช้า ไม่ค่อยออกไปหากินไกลจากที่หลับนอน
ชอบนอนตามโพรงไม้ หรือซอกหิน เมื่อหิวจึงจะออกหากิน
แล้วก็กลับเข้าหลับนอนตามเดิม
ตุ๊ดตู่วางไข่ครั้งละ 23 ฟอง ระยะฟักไข่ 203 - 230 วัน

สถานภาพปัจจุบัน
เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535

สถานที่ชม
สวนสัตว์ดุสิต สวนสัตว์นครราชสีมา
บทดอกสร้อย กาเอ๋ยกาดำ....รู้จำรู้จักรักเพื่อน

บทดอกสร้อย

๏กาเอ๋ยกาดำ.......................รู้จำรู้จักรักเพื่อน

ได้เหยื่อเผื่อแผ่ไม่แชเชือน.........รีบเตือนพวกพ้องร้องเรียกมา

เกลื่อนกลุ้มรุมล้อมพร้อมพรัก.....น่ารักน้ำใจกระไรหนา

จงเผื่อแผ่แน่ะพ่อหนูจงดูกา........มันโอบอารีรักดีนักเอย๚๛



Resource:
http://board.dserver.org/p/plearn/00000589.html

กฤษณาสอนน้อง ๏ ๏
ของ - สมเด็จกรมพระยาปรมานุชิตชิโนรส

๏ พฤษภกาสร............................อีกกุญชรอันปลดปลง
โททนต์เสน่ห์คง.........................สำคัญหมายในกายมี

๏ นรชาติวางวาย........................มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
สถิตทั่วแต่ชั่วดี...........................ประดับไว้ในโลกา


Resource:
http://www.olddreamz.com/alldreamz/recitation.html

วิชาเหมือนสินค้า


วิชาเหมือนสินค้า อันมีค่าอยู่เมืองไกล

ต้องยากลำบากไป จึงจะได้สินค้ามา

จงตั้งเอากายเจ้า เป็นสำเภาอันโสภา

ความเพียรเป็นโยธา แขนซ้ายขวาเป็นเสาใบ

นิ้วเป็นสายระยาง สองเท้าต่างสมอใหญ่

ปากเป็นนายงานไป อัชฌาสัยเป็นเสบียง

สติเป็นหางเสือ ถือท้ายเรือไว้ให้เที่ยง

ถือไว้อย่าให้เอียง ตัดแล่นเลี่ยงข้ามคงคา

ปัญญาเป็นกล้องแก้ว ส่องดูแถวแนวหินผา

เจ้าจงเอาหูตา เป็นล้าต้าฟังดูลม

ขี้เกียจคือปลาร้าย จะทำลายให้เรือจม

เอาใจเป็นปืนคม ยิงระดมให้จมไป

จึงจะได้สินค้ามา คือวิชาอันพิสมัย

จงหมั่นมั่นใจหมาย อย่าได้การวิชา


จาก ดรุณศึกษา เล่ม ๓



Rhttp://www.lokwannakadi.com/neo/shakayan.php?ID=43esource
เวนิสวาณิช ๏ ๏
พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๖


๏ อันว่าความกรุณาปราณี

จะมีใครบังคับก็หาไม่

หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ

จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน

เป็นสิ่งดีสองชั้นพลันปลื้มใจ

แห่งผู้ให้และผู้รับสมถวิล

เป็นกำลังเลิศพลังอื่นทั้งสิ้น

เจ้าแผ่นดินผู้ทรงพระกรุณา

ประดุจทรงวราภรณ์สุนทรสวัสดิ์

เรืองจรัสยิ่งมกุฏสุดสง่า

พระแสงทรงดำรงซึ่งอาชญา

เหนือประชาพสกนิกร

ประดับพระวรเดชวิเศษฤทธิ์

ที่สถิตอานุภาพสโมสร

แต่การุณยธรรมสุนทร

งามงอนกว่าพระแสงอันแรงฤทธิ์

เสถียรในหฤทัยพระราชา

เป็นคุณของเทวาผู้มหิทธ์

และราชาเทียมเทพอมฤต

ยามบพิตรเผยแผ่พระกรุณา


จันทร์เอ๋ย จันทร์เจ้า ๏ ๏






จันทร์เอ๋ย จันทร์เจ้า ขอข้าว ขอแกง

ขอแหวนทองแดง ผูกมือน้องข้า

ขอช้าง ขอม้า ให้น้องข้าขี่

ขอเก้าอี้ ให้น้องข้านั่ง

ขอเตียงตั้ง ให้น้องข้านอน

ขอละคร ให้น้องข้าดู

ขอยายชู เลี้ยงน้องข้าเถิด

ขอยายเกิด เลี้ยงตัวข้าเอง

ฝนตกแดดออก






ฝนตกแดดออก


ฝนตกแดดออก
นกกระจอกแปลกใจ
โผผินบินไป
ไม่รู้หนทาง

ไปพบมะพร้าว
นกหนาวครวญคราง
พี่มะพร้าวใจกว้าง
ขอพักสักวัน

ฝนตกแดดออก
นกกระจอกพักผ่อน
พอหายเหนื่อยอ่อน
บินจรผายผัน

ขอบใจพี่มะพร้าว
ถึงคราวช่วยกัน
น้ำใจผูกพัน
ไม่ลืมบุญคุณ


โมกขศักดิ์


บัดนั้น............................................พระยาพิเภกยักษี

เห็นพระองค์ทรงโศกโศกี................อสุรีกราบลงกับบาทา

ทูลว่าพระลักษณ์สุริยวงศ์.................ยังไม่ปลงชีวังสังขาร์

อันโมกขศักดิ์อสุรา..........................พรหมาประสิทธิ์ประสาทไว้

ทรงอานุภาพฤทธิรุทร.....................ต้องใครจะฉุดนั้นไม่ไหว

แต่มียาคู่หอกชัย..............................ให้ไว้สำหรับแก้กัน

แม้นละไว้จนรุ่งราตรี.......................ต้องแสงพระระวีจะอาสัญ

ขอให้ลูกพระพายเทวัญ....................ไปห้ามพระสุริยันในชั้นฟ้า

อย่าเพ่อรีบรถบทจร..........................ข้ามยุคนธรภูผา

แล้วให้ไปเก็บตรีชวา........................ทั้งยาชื่อสังขรณี

ยังเขาสรรพยาบรรพต.....................ปรากฏอยู่ยอดคีรีศรี

กับปัญจมหานที...............................สรรพยาทั้งนี้มาให้ทัน

แม้นว่าได้บดชโลมลง......................องค์พระอนุชาไม่อาสัญ

จะดำรงคงชีพชีวัน..........................หอกนั้นก็จะหลุดขึ้นมา



จากเรื่อง รามเกียรติ์

พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 1

ปฐม ก กา


นะโมข้าจะไหว้..................วระไตรระตะนา

ใส่ไว้ในเกศา......................วระบาทะมุนี

คุณะวระไตร......................ข้าใส่ไว้ในเกษี

เดชะพระมุนี.......................ขออย่ามีที่โทษา

ข้าขอยอชุลี..........................ใส่เกศีไหว้บาทา

พระเจ้าผู้กรุณา.....................อยู่เกศาอย่ามีภัย

ข้าไหว้พระสะธรรม..............ที่ลึกล้ำคัมภีร์ใน

ได้ดูรู้เข้าใจ...........................ขออย่าได้มีโรคา

ข้าไหว้พระภิกษุ....................ที่ได้ลุแก่โสดา

ไหว้พระสกินาคา....................อะระหาธิบดี

ข้าไหว้พระบิดา.......................ไหว้บาทาพระชนนี

ไหว้พระอาจารีย์......................ใส่เกศีไหว้บาทา

ข้าไหว้พระครูเจ้า.....................ครูผู้เฒ่าใส่เกศา

ให้รู้ทวิชา.................................ไหว้บาทาที่พระครู

จะใคร่รู้ที่วิชา............................ขอเทวามาค้ำชู

ที่ใดข้าไม่รู้................................เล่าว่าดูรู้แลนา

ไชโยขอเดชะ............................ชัยชนะแก่มารา

ระบือให้ลือชา............................เดชะสามาไชโย

ไชโยขอเดชะ.............................ชัยชนะแก่โลโภ

โทโสแลโมโห............................อย่าโลเลโจ้เจ้ใจ


พระอภัยมณีเป่าปี่แสดงฝีมือให้พราหมณ์ทั้ง ๓ ฟัง







พระอภัยมณีเป่าปี่แสดงฝีมือให้พราหมณ์ทั้ง ๓ ฟัง


พระฟังความพราหมณ์น้อยสนองถาม

จึงเล่าความจะแจ้งแถลงไข

อันดนตรีมีคุณทุกอย่างไป

ย่อมใช้ได้ดังจินดาค่าบุรินทร์

ถึงมนุษย์ครุฑาเทวราช

จตุบาทกลางป่าพนาสิน

แม้นปี่เราเป่าไปให้ได้ยิน

ก็สุดสิ้นโทโสที่โกรธา

ให้ใจอ่อนนอนหลับลืมสติ

อันลัทธิดนตรีดีหนักหนา

ซึ่งสงสัยไม่สิ้นในวิญญา

จงนิทราเถิดจะเป่าให้เจ้าฟัง



แล้วหยิบปี่ที่ท่านอาจารย์ให้

เข้าพิงพฤกษาไทรดังใจหวัง

พระเป่าเปิดนิ้วเอกวิเวกดัง

สำเนียงวังเวงแว่วแจ้วจับใจ

ในเพลงปี่ว่าสามพี่พราหมณ์เอ๋ย

ยังไม่เคยชมชิดพิสมัย

ถึงร้อยรสบุปผาสุมาลัย

จะชื่นใจเหมือนสตรีไม่มีเลย

พระจันทรจรสว่างกลางโพยม

ไม่เทียบโฉมนางงามเจ้าพราหมณ์เอ๋ย

แม้นได้แก้วแล้วจะค่อยประคองเคย

ถนอมเชยชมโฉมประโลมลาน

เจ้าพราหมณ์ฟังวังเวงวะแว่วเสียง

สำเนียงเพียงการเวกกังวาลหวาน

หวาดประหวัดสตรีฤดีดาล

ให้ซาบซ่านเสียวสะดับจนหลับไป

ศรีสุวรรณนั้นนั่งอยู่ข้างพี่

ฟังเสียงปี่วาบวับก็หลับไหล

พระแกล้งเป่าแปลงเพลงวังเวงใจ

เป็นความบวงสรวงพระไทรที่เนินทรายฯ

ชักซ้าวมะนาวโตงเตง







ชักซ้าวมะนาวโตงเตง


ซักเอ๋ย ซักซ้าว

ผลมะนาว ทิ้งทาน ในงานศพ

เข้าแย่งชิง เหมือนสิ่ง ไม่เคยพบ

ไม่น่าคบ เลยหนอ พวกขอทาน

ดูประหนึ่ง ขัดสน จนปัญญา

มีทางหา กินได้ หลายสถาน

ประหลาดใจ เหตุไฉน ไม่ทำงาน

ประกอบการ อาชีพ ที่ดีเอย....


(ร้องลำสารถีชักรถ) 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น